แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เก็บตกสัมมนา S2M '54 (งานใหญ่ประจำปี)

งานนี้เปิดงานโดย "เราเอง" สามหนุ่มสามมุมสามแนวทาง...

เริ่มด้วยหลักธรรมชาติแห่ง "ความมั่งคั่ง" (เอ่ยขึ้น!! ปั๊บ --- หลับกันครึ่งงาน..อิ อิ)
ความมั่งคั่ง คือ Wealth "Way of Earth หรือ สัจธรรม แห่งการเข้าใจธรรมชาติ แห่งความรวยนั่นเองครับ พี่น้อง!!"

หลายคนพยายามใช้ปัญญาแสดงความหลุดพ้น แต่ผมกลับพยายามใช้ปัญญาหาความสมดุลย์ ระหว่าง ความรวย กับ ความสุข ..ที่ไม่เบียนเบียนใคร!! หรือจะแปลอีกความหมายก็คือ การรวยที่เราจะมีความสุขคือ รวยโคตรๆตลอดชาติ ดังนั้น การรวยตลอดชาติอย่างยั่งยืนได้ คุณต้องรวยจากการที่ไม่เบียดเบียนใคร

..การโกงการคอรับชั่นหรือทางรวยเร็ว อย่างที่คนสมัยนี้พยายามวิ่งหา จึงไม่น่าจะเป็นทางรวยที่ยั่งยืน -- "สิ่งที่ได้มาง่ายๆ ย่อมเสียไปง่ายๆ ไม่ต่างกัน"

สุดยอดของความมั่งคือ อะไร!!

มันคือ "ปัญญา + เวลา"...

"สัมมนาวันนี้เรามีความมุ่งหมายจะให้เกิด ความรู้ แต่ความรู้ จะยังไม่สามารถสร้างความมั่งคั่ง หากความรู้นั้นยังไม่ได้เปลี่ยนเป็น ..ปัญญา และใช้ระยะเวลาในการสร้าง !! --ถูกต้องผมหมายถึง ความรู้ที่เราเรียนๆกันมาจาก โรงเรียน จากมหาวิทยาลัย หากยังไม่ผ่านการปฏิบัติจริง!! ... มันก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นปัญญาได้ ...ความรู้จึงต้องนำไปปฏิบัติ ผ่านความเจ็บปวด ล้มลุกคลุกคราน ในระยะเวลานึง ถึงจะเปลี่ยนเป็นปัญญาได้"

ดังนั้น สัมมนาที่บอกว่า "จะเปลี่ยนชีวิตคุณในทันที.. บอกได้เลยว่า มั่ว!!"..เป้าหมายที่แท้จริงคือ ให้ความรู้ในแนวทางการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งสุดท้ายการสร้างปัญญา มันต้องเป็นขบวนการของแต่ละคนที่ จะเอาความรู้ในการลงทุนแต่ละแนวทาง ไปลองดูว่า แนวไหนที่เหมาะกับตัวเอง จากนั้นเมื่อเราเลือกแนวทางที่เหมาะกับใจของเราได้ (VI หรือ Technical หรือ อื่นๆ)--- เราก็จะเริ่มลงทุนด้วย ปัญญาได้!!

แต่แน่นอน หากเรามีปัญญา ก็ใช่ว่า เราจะรวยในทันใด ..ไม่ใช่!! เพราะ ปัญญาต้องอาศัย ระยะเวลา(ที่ยาวนาน) จึงจะแปรเปลี่ยนเป็นความมั่งคั้ง --- ผมการันตีเลยว่า โลกนี้ไม่มี Overnight Success คนที่รวยในเวลาสั้นๆ ย่อมไม่สามารถรักษาความมั่งคั่ง ......เพราะความมั่งคั่งนั้นๆ ไม่ได้มาจากปัญญา "เรานิยาม สิ่งนั้นว่า รวยแบบ สามล้อถูกหวย!!"

Overnight Success แท้จริงแล้ว เกิดจากการบ่มเพาะทางปัญญาของแต่ละบุคคลเป็นเวลาที่ยาวนาน ก่อนจะมาเป็น Overnight Success ที่เราเห็นนั่นเอง

เช่นเดียวกับการเล่นหุ้น การที่หุ้นอย่าง CPF, CPALL , IVL , AJ , PTL มันสร้างความมั่งคั้งให้กับคนบางคน ซึ่งแน่นอน คนนั้นไม่ใช่คุณ!! เพราะหุ้นที่ขึ้นมาอย่างร้อนแรง มันไม่ใช่สาเหตุ แต่มันเป็นผลของความมั่งคั่ง
ของเจ้าของหุ้นหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ตัวนั้นๆ (ซึ่งบางคนที่มีปัญญา ก็อาจใช้ปัญญานั้นๆ สร้างความมั่งคั้ง ด้วยวิธีที่ดีหรือเลว มันก็เป็นทางเลือกของแต่ละคน ..แต่ท้ายสุดไม่มีใครหนีพ้น สิ่งไม่ดีที่เขาสร้าง --ใช้กรรม!!)

ดังนั้น การที่เราเห็นคนอื่นรวย แล้วกระโดดเข้าไปเล่นหุ้นร้อน คุณกระโดดเข้าไปด้วย "ความโลภ" เพราะมองว่า คุณอยาก Overnight Success บ้าง "แต่คุณไม่คิดหรือว่า หุ้นที่ได้ขึ้น มาอย่างร้อนแรงไม่รู้กี่เด้งแล้ว ..มันไม่ใช่โอกาสของคุณ ..มันเป็นเพียงกับดัก" --- ดังนั้น การที่จะรวยคือ คุณคิดต่าง !!

หมายความว่าอะไร ..... "ปี 1997 หุ้น CPN ราคาตกลงไปเหลือแค่ 25 สตางค์ หลังจากนั้น 10 ปี หุ้น CPN วิ่งขึ้นมา 37 บาท ..นั้นคือ 148 เท่า ..ถ้าคุณซื้อหุ้น 1 ล้าน คุณก็อาจรวย 148 ล้าน ... ดังนั้นคนที่รวยคือ ตระกูล จิราธิวัฒน์ เพราะเขามี ปัญญา + เวลา ..มันเป็นจังหวะของเขา ไม่ใช่ของคุณ -- แต่ผมก็เชื่อว่า ระหว่างที่
จิราธิวัฒน์รวย ก็ย่อมมีใครบางคนที่รวยไม่แตกต่าง เพียงแต่เขาไม่ได้มาโฆษณาบอกใคร ... อย่าง ดร.นิเวศน์ ที่รวยเป็นพันล้าน ก็เพราะเขามอง CPALL ในมุมเดียวกับเจ้าสัว CP ...ดังนั้น 7-11 คือ โอกาสของเจ้าสัวและดร.นิเวศน์ ที่ซื้อหุ้นนี้มาตั้งแต่ราคาถูกๆ ...แต่มันไม่ใช่โอกาสของคนที่ซื้อวันนี้ (คุณเข้าใจไหม)"

การที่หุ้นจะลงไปเน่า(ถูกๆ) ย่อมอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างแรง ..การที่ CPN หรือ เซ็นทรัลจะลงไปแตะ 25 สตางค์ได้ แสดงว่าปี 1997 เซ็นทรัลเกือบเจ๊ง...ดังนั้น คนที่ซื้อ เซ็นทรัลได้ในเวลานั้น ย่อมเป็นคนที่ไม่กลัวเสียเงินทั้งหมดที่ลงทุน --- "คุณเห็นเหมือนผมหรือไม่ว่า ..เงินลงทุนที่สามารถจะสร้างความมั่งคั่งอย่างสุดโต่ง คือ เงินที่คุณตัดมันทิ้งไปจากคุณได้ต่างหาก"

... ณ เวลานี้ ในตลาดมีหุ้นที่ แย่และวิกฤตเหมือนเซ็นทรัลในปี 1997 กี่ตัว(มีเยอะ แต่คุณกล้าทิ้งเงินคุณใส่มันหรือเปล่า) ... คำถามคือ เงินเท่าไหร่ที่คุณกล้าทิ้งบ้าง ..คำถามคือ แล้วคุณจะทำอย่างไร หากเงินก้อนที่คุณลงทุน มันศูนย์ไปทั้งก้อน หากกิจการนั้นๆ ไม่ได้สร้างผลตอบแทนอย่างที่คุณคิด "เสียทั้งหมด!!...คุณกล้าไหม"

"ทุกอย่างอย่ามองด้านเดียว คนที่รวยมาก แสดงว่า เขากล้าที่จะรับความเสี่ยง กว่าคนธรรมดามาก... ไม่แปลกที่โลกนี้มีคนที่รวยสุดๆเพียงไม่กี่คน"

ดังนั้น คนที่รวยคือ "คนที่ตัดได้ ละได้" ...(หากคุณเอาธรรมะ มาใช้กับการลงทุน ...ผมเชื่อว่า ในอนาคต คุณคือ คนนึงที่จะรวยมากๆจากตลาดหุ้น!!)

"((จะรวยต้องสามารถ--ตัดได้)) ... ((อยากมีอำนาจและชื่อเสียงต้องสามารถ--ให้ได้)) --- ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้ ..หากตัด(เงิน)ได้ คุณก็ยิ่งรวย!!"

ทั้งหมดที่ผมพูด มันฟังดูบ้า แต่มันคือ ความจริง!! ... ลองไปคิดดูครับ แล้วเลือกทางเดินชีวิตของคุณด้วย ปัญญา!!

4 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ อยากเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นนะครับ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เคยแต่เก็งกำไรในตลาด Forex ทองคำ น้ำมัน ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ ต่างประเทศทั้งหมด ยังไงก็ขอคำแนะนำด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับหนังสือดีๆ นะครับ ไปอุดหนุนมาละ

    ตอบลบ
  2. ใน S2M เรามี Commodity Trader หลายคนเลย.. ส่วนมากวิทยากรที่เราเชิญมาสอนจะ Trade ต่างประเทศด้วย ..วันหลังถ้ามีโอกาสเข้ามาแจมกันครับ

    ตอบลบ
  3. เหล่าเจไดแห่ง Stock2morrow :)

    ตอบลบ
  4. ท่าทางคุณนี่จะเป็นคนธรรมะหน่อยๆ นะครับ ดูจากแนวทางแล้ว

    แต่ผมค่อนข้างโอเคกับแนวนี้นะครับ ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ย่อยดีกว่า จะได้รู้สิ่งที่รับได้สัมผัสรสชาตมันเป็นอย่าง จะไ้ด้ท้องไม่ือืดด้วยนะ อิอิ เอ๊ะมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องกินละเนี่ย

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ