งานนี้เปิดงานโดย "เราเอง" สามหนุ่มสามมุมสามแนวทาง...
เริ่มด้วยหลักธรรมชาติแห่ง "ความมั่งคั่ง" (เอ่ยขึ้น!! ปั๊บ --- หลับกันครึ่งงาน..อิ อิ)
ความมั่งคั่ง คือ Wealth "Way of Earth หรือ สัจธรรม แห่งการเข้าใจธรรมชาติ แห่งความรวยนั่นเองครับ พี่น้อง!!"
หลายคนพยายามใช้ปัญญาแสดงความหลุดพ้น แต่ผมกลับพยายามใช้ปัญญาหาความสมดุลย์ ระหว่าง ความรวย กับ ความสุข ..ที่ไม่เบียนเบียนใคร!! หรือจะแปลอีกความหมายก็คือ การรวยที่เราจะมีความสุขคือ รวยโคตรๆตลอดชาติ ดังนั้น การรวยตลอดชาติอย่างยั่งยืนได้ คุณต้องรวยจากการที่ไม่เบียดเบียนใคร
..การโกงการคอรับชั่นหรือทางรวยเร็ว อย่างที่คนสมัยนี้พยายามวิ่งหา จึงไม่น่าจะเป็นทางรวยที่ยั่งยืน -- "สิ่งที่ได้มาง่ายๆ ย่อมเสียไปง่ายๆ ไม่ต่างกัน"
สุดยอดของความมั่งคือ อะไร!!
มันคือ "ปัญญา + เวลา"...
"สัมมนาวันนี้เรามีความมุ่งหมายจะให้เกิด ความรู้ แต่ความรู้ จะยังไม่สามารถสร้างความมั่งคั่ง หากความรู้นั้นยังไม่ได้เปลี่ยนเป็น ..ปัญญา และใช้ระยะเวลาในการสร้าง !! --ถูกต้องผมหมายถึง ความรู้ที่เราเรียนๆกันมาจาก โรงเรียน จากมหาวิทยาลัย หากยังไม่ผ่านการปฏิบัติจริง!! ... มันก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นปัญญาได้ ...ความรู้จึงต้องนำไปปฏิบัติ ผ่านความเจ็บปวด ล้มลุกคลุกคราน ในระยะเวลานึง ถึงจะเปลี่ยนเป็นปัญญาได้"
ดังนั้น สัมมนาที่บอกว่า "จะเปลี่ยนชีวิตคุณในทันที.. บอกได้เลยว่า มั่ว!!"..เป้าหมายที่แท้จริงคือ ให้ความรู้ในแนวทางการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งสุดท้ายการสร้างปัญญา มันต้องเป็นขบวนการของแต่ละคนที่ จะเอาความรู้ในการลงทุนแต่ละแนวทาง ไปลองดูว่า แนวไหนที่เหมาะกับตัวเอง จากนั้นเมื่อเราเลือกแนวทางที่เหมาะกับใจของเราได้ (VI หรือ Technical หรือ อื่นๆ)--- เราก็จะเริ่มลงทุนด้วย ปัญญาได้!!
แต่แน่นอน หากเรามีปัญญา ก็ใช่ว่า เราจะรวยในทันใด ..ไม่ใช่!! เพราะ ปัญญาต้องอาศัย ระยะเวลา(ที่ยาวนาน) จึงจะแปรเปลี่ยนเป็นความมั่งคั้ง --- ผมการันตีเลยว่า โลกนี้ไม่มี Overnight Success คนที่รวยในเวลาสั้นๆ ย่อมไม่สามารถรักษาความมั่งคั่ง ......เพราะความมั่งคั่งนั้นๆ ไม่ได้มาจากปัญญา "เรานิยาม สิ่งนั้นว่า รวยแบบ สามล้อถูกหวย!!"
Overnight Success แท้จริงแล้ว เกิดจากการบ่มเพาะทางปัญญาของแต่ละบุคคลเป็นเวลาที่ยาวนาน ก่อนจะมาเป็น Overnight Success ที่เราเห็นนั่นเอง
เช่นเดียวกับการเล่นหุ้น การที่หุ้นอย่าง CPF, CPALL , IVL , AJ , PTL มันสร้างความมั่งคั้งให้กับคนบางคน ซึ่งแน่นอน คนนั้นไม่ใช่คุณ!! เพราะหุ้นที่ขึ้นมาอย่างร้อนแรง มันไม่ใช่สาเหตุ แต่มันเป็นผลของความมั่งคั่ง
ของเจ้าของหุ้นหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ตัวนั้นๆ (ซึ่งบางคนที่มีปัญญา ก็อาจใช้ปัญญานั้นๆ สร้างความมั่งคั้ง ด้วยวิธีที่ดีหรือเลว มันก็เป็นทางเลือกของแต่ละคน ..แต่ท้ายสุดไม่มีใครหนีพ้น สิ่งไม่ดีที่เขาสร้าง --ใช้กรรม!!)
ดังนั้น การที่เราเห็นคนอื่นรวย แล้วกระโดดเข้าไปเล่นหุ้นร้อน คุณกระโดดเข้าไปด้วย "ความโลภ" เพราะมองว่า คุณอยาก Overnight Success บ้าง "แต่คุณไม่คิดหรือว่า หุ้นที่ได้ขึ้น มาอย่างร้อนแรงไม่รู้กี่เด้งแล้ว ..มันไม่ใช่โอกาสของคุณ ..มันเป็นเพียงกับดัก" --- ดังนั้น การที่จะรวยคือ คุณคิดต่าง !!
หมายความว่าอะไร ..... "ปี 1997 หุ้น CPN ราคาตกลงไปเหลือแค่ 25 สตางค์ หลังจากนั้น 10 ปี หุ้น CPN วิ่งขึ้นมา 37 บาท ..นั้นคือ 148 เท่า ..ถ้าคุณซื้อหุ้น 1 ล้าน คุณก็อาจรวย 148 ล้าน ... ดังนั้นคนที่รวยคือ ตระกูล จิราธิวัฒน์ เพราะเขามี ปัญญา + เวลา ..มันเป็นจังหวะของเขา ไม่ใช่ของคุณ -- แต่ผมก็เชื่อว่า ระหว่างที่
จิราธิวัฒน์รวย ก็ย่อมมีใครบางคนที่รวยไม่แตกต่าง เพียงแต่เขาไม่ได้มาโฆษณาบอกใคร ... อย่าง ดร.นิเวศน์ ที่รวยเป็นพันล้าน ก็เพราะเขามอง CPALL ในมุมเดียวกับเจ้าสัว CP ...ดังนั้น 7-11 คือ โอกาสของเจ้าสัวและดร.นิเวศน์ ที่ซื้อหุ้นนี้มาตั้งแต่ราคาถูกๆ ...แต่มันไม่ใช่โอกาสของคนที่ซื้อวันนี้ (คุณเข้าใจไหม)"
การที่หุ้นจะลงไปเน่า(ถูกๆ) ย่อมอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างแรง ..การที่ CPN หรือ เซ็นทรัลจะลงไปแตะ 25 สตางค์ได้ แสดงว่าปี 1997 เซ็นทรัลเกือบเจ๊ง...ดังนั้น คนที่ซื้อ เซ็นทรัลได้ในเวลานั้น ย่อมเป็นคนที่ไม่กลัวเสียเงินทั้งหมดที่ลงทุน --- "คุณเห็นเหมือนผมหรือไม่ว่า ..เงินลงทุนที่สามารถจะสร้างความมั่งคั่งอย่างสุดโต่ง คือ เงินที่คุณตัดมันทิ้งไปจากคุณได้ต่างหาก"
... ณ เวลานี้ ในตลาดมีหุ้นที่ แย่และวิกฤตเหมือนเซ็นทรัลในปี 1997 กี่ตัว(มีเยอะ แต่คุณกล้าทิ้งเงินคุณใส่มันหรือเปล่า) ... คำถามคือ เงินเท่าไหร่ที่คุณกล้าทิ้งบ้าง ..คำถามคือ แล้วคุณจะทำอย่างไร หากเงินก้อนที่คุณลงทุน มันศูนย์ไปทั้งก้อน หากกิจการนั้นๆ ไม่ได้สร้างผลตอบแทนอย่างที่คุณคิด "เสียทั้งหมด!!...คุณกล้าไหม"
"ทุกอย่างอย่ามองด้านเดียว คนที่รวยมาก แสดงว่า เขากล้าที่จะรับความเสี่ยง กว่าคนธรรมดามาก... ไม่แปลกที่โลกนี้มีคนที่รวยสุดๆเพียงไม่กี่คน"
ดังนั้น คนที่รวยคือ "คนที่ตัดได้ ละได้" ...(หากคุณเอาธรรมะ มาใช้กับการลงทุน ...ผมเชื่อว่า ในอนาคต คุณคือ คนนึงที่จะรวยมากๆจากตลาดหุ้น!!)
"((จะรวยต้องสามารถ--ตัดได้)) ... ((อยากมีอำนาจและชื่อเสียงต้องสามารถ--ให้ได้)) --- ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้ ..หากตัด(เงิน)ได้ คุณก็ยิ่งรวย!!"
ทั้งหมดที่ผมพูด มันฟังดูบ้า แต่มันคือ ความจริง!! ... ลองไปคิดดูครับ แล้วเลือกทางเดินชีวิตของคุณด้วย ปัญญา!!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
7 ข้อควรรู้ ก่อนทุ่มเงินหนักๆ ซื้อหุ้นอเมริกา 1. หุ้นอเมริกาขึ้นแบบกระจุกตัว …แปลว่า เราเห็นดัชนีอเมริกาขึ้นดีมากๆ แต่เอาเข้าจริง มันกระจุก...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
5 ระดับ ความรวยที่เราควรเข้าใจ จนไปสู่เศรษฐีพันล้าน !! 1. ‘เงินแสนแรก’ …เราจะได้จากการทำงานหนัก 2. ’เงินล้านแรก‘ …เราจะได้จากทักษะ และ ความ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
7 ข้อคิด ของปัญหาที่นักลงทุนต้องผ่านให้ได้ 1. ‘ทุกปัญหามีอายุของมัน‘ …ปัญหาทุกอย่างมีอายุ มีเวลาของมัน …พอเวลาผ่านไป ปัญหาก็จะผ่านไปเช่นกัน...
-
6 เรื่อง Stupid that make you Rich !! 1. ‘Start a Business’ …เริ่มจากปัญหาที่เราอยากจะแก้ …ถ้ามือใหม่เริ่มจากแก้ปัญหาเล็กๆ 2. ’ลงทุนในสิ่ง...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ อยากเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นนะครับ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เคยแต่เก็งกำไรในตลาด Forex ทองคำ น้ำมัน ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ ต่างประเทศทั้งหมด ยังไงก็ขอคำแนะนำด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับหนังสือดีๆ นะครับ ไปอุดหนุนมาละ
ตอบลบใน S2M เรามี Commodity Trader หลายคนเลย.. ส่วนมากวิทยากรที่เราเชิญมาสอนจะ Trade ต่างประเทศด้วย ..วันหลังถ้ามีโอกาสเข้ามาแจมกันครับ
ตอบลบเหล่าเจไดแห่ง Stock2morrow :)
ตอบลบท่าทางคุณนี่จะเป็นคนธรรมะหน่อยๆ นะครับ ดูจากแนวทางแล้ว
ตอบลบแต่ผมค่อนข้างโอเคกับแนวนี้นะครับ ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ย่อยดีกว่า จะได้รู้สิ่งที่รับได้สัมผัสรสชาตมันเป็นอย่าง จะไ้ด้ท้องไม่ือืดด้วยนะ อิอิ เอ๊ะมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องกินละเนี่ย