จากนี้ไปก็เริ่มเข้าสู่ "ฤดูการสัมมนาของลูกค้า ธนาคารกรุงเทพ ..." ..ก็จะเป็นสัมมนาที่เชิญลูกค้าของสาขาต่างๆ มาฟังเรื่องต่างๆ ..ซึ่งวันนี้เริ่มที่ ภาคนครหลวง 5 .. "ก็อยากบอกว่า ในฐานะคนฟังก็คงได้มุมมอง แต่คุณรู้ไหมว่า คนพูดเอง ก็ได้ประโยชน์ไปด้วย"..จริงๆ
"ยากเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทำ" เป็นคำพูดของท่าน ว.วชิรเมที ...ผมว่ามันใช่เลย จะเล่าให้ฟัง ก็อาจเป็นเรื่องตลก เพราะก่อนหน้านี้ ผมเป็นคนที่กลัวการพูดต่อหน้าสาธารณชนมาก ...จริงๆ ผมชอบเขียน แต่ไม่ชอบพูด ..ดังนั้น ทุกครั้งที่พูด มันกดดันทุกที
...แต่ในที่สุด สิ่งที่ผมทำมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็คือ การพูด!! .. พูด !! และ ก็พูด -- ผมจัด ตั้งแต่สัมมนาย่อย ยันสัมมนาเป็นพันคน ..รวมทั้งการออกสื่อทั้ง ทีวี และ วิทยุ ...สิ่งที่สอนผมแบบเต็มๆ คือ จริงๆ ทุกอย่างมันฝึกกันได้ ..ไม่มีใครเก่งตั้งแต่เกิด ...คนโชคดีก็คือ คนที่เปิดโอกาสให้ตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าทำได้ (นั่นแหละคนโชคดี) ...มันเป็นเหมือนการ ก้าวผ่านความกลัว ซึ่งผมเชื่อว่า ทุกๆคนล้วนต้องมีบางอย่างที่เรากลัว ..ซึ่งสิ่งนั้น จะเรียกได้ว่ามันเป็น ปมด้อย หรือ สิ่งที่เราไม่อยากที่จะทำ
ใช่!! ผมกำลังจะบอกคุณว่า ...จริงๆ Limit หรือ ข้อจำกัดของคนเรา มันอยู่แค่ความคิดของเราเท่านั้นเอง ...ในโลกนี้ มันไม่มีอะไรที่เราอยากจะทำ แล้วทำไม่ได้ -- เพียงแต่จะอาจจะอาศัยเวลาหน่อยก็เท่านั้นเอง
"คุณรู้ไหมว่า อย่างตัวผม เรื่องการพูด เป็นสิ่งที่ผมอึดอัดมาตั้งแต่เด็ก เพราะผมเป็นเด็กที่ขี้อายมาก และ ผมจะกลัวทุกครั้งที่ต้องออกไปยืนหน้าห้อง หรือ พูดต่อหน้าคนจำนวนมาก" ...การที่เราสามารถผ่านข้อจำกัด หรือ จุดอ่อนของเราได้ มันเป็นเหมือนการ "ปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองออกมา" ...ครับ ..ผมเชื่อนะว่า ก่อนที่เราจะมีอิสรภาพทางการเงิน หรือ Freedom มันต้องเริ่มจาก อิสรภาพในความคิดให้ได้ก่อน
ปัญหาที่จำกัด ศักยภาพของคนก็คือ "ความคิด" ..เรามักถูกสอนมาจากระบบความคิดที่ปิด โดย เฉพาะโลกปัจจุบัน ..คุณลองคิดดูนะ ..การที่เราเลือก "อาชีพ" มันก็ปิดตัวเราให้จำกัด อยู่ในกรอบตรงนั้น ...ผมนั่งคิดเสมอว่า "การที่คนๆ นึงจะก้าวขึ้นมาเป็น เจ้าของธุรกิจใหญ่โต มันมาจาก เขาต้องเก่งสุดยอดใช่หรือไม่" ..จริงๆ ไม่ใช่เลย ...การที่คนๆนึงเก่งสุดขีด เขาจะเก่งได้ในจุดที่ "จำกัด" เท่านั้น ซึ่งส่งผลให้เขาเหล่านั้น สามารถที่จะเป็น ผู้เชี่ยวชาญ แต่ปัญหาคือ มันเป็น "กับดัก" เพราะสุดท้ายแล้ว การเป็นผู้เชี่ยวชาญ มันกำหนดให้ทุกอย่างต้องจบที่ตัวคุณ ...ดังนั้น ผู้ที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของความเชี่ยวชาญ จะประสบความสำเร็จในด้านที่เขาเลือก แต่จะไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ อย่างเจ้าสัวต่างๆที่เราเห็น
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการได้เข้ามาสัมผัสคนเหล่านี้ คือ เขาใหญ่ ...ที่ว่าใหญ่ คือ "กรอบความคิด" ..คนเหล่านี้ มีกรอบความคิดที่กว้างมาก ..."โอกาส" ที่เขามอง ..เขามองโอกาส และ ก็มองคนที่จะมาทำโอกาสให้เป็นจริง... อ้าว!! แล้วตัวของเจ้าสัวล่ะไปไหน ..."ใช่!! คนเหล่านี้ ไม่เคยเอาตัวเองอยู่ในภาพ แต่มองตัวเองเป็นผู้จัดสรรทรัพยากร ...เงินส่วนนึงแน่นอนเป็นเงินเจ้าของ แต่เงินส่วนใหญ่ก็เป็นเงินคนอื่น เช่น เงินธนาคาร , เงินผู้ถือหุ้น , เงินนักลงทุน ..แรงงานก็หาคนที่เก่งที่สุดมาทำงาน
..."ตรงนี้เป็น Trick ที่ยาก ผมเคยคิดเรื่องนี้ สมัยเด็กๆ ว่าผมอยากจะจ้างคนเก่งๆ มาทำงานให้ผม แต่มันไม่ได้ง่ายแบบที่ผมคิด เพราะคนเก่งเขาก็เลือกคนที่เขาทำงานด้วย ...สุดท้ายผมจบที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองในเวลานั้น" ..แต่สิ่งที่น่าสนใจของ เจ้าสัวเหล่านี้มีคือ วิสัยทัศน์ เขามีกรอบของ Big Picture ที่ธุรกิจนั้นๆ จะเดินในกรอบใหญ่ ...เขามีความน่าเชื่อถือ ที่สามารถเอาเงินคนอื่นมาทำงาน ..และเขาก็มีความน่าเชื่อถือ ที่คนเก่งอยากมาทำงานให้เขา ...ทั้งหมดคือ การ Leverage ความสามารถตัวเอง ออกมา โดยที่ เขาเป็นผู้สร้างระบบ และ กรอบให้ธุรกิจเดินไปนั่นเอง
ประเด็นที่ผมอยากจะชี้ ก็คือ "เจ้าของใหญ่" ก็คือ ผู้จัดสรรทรัพยากร และ การแบ่งผลประโยชน์อย่างลงตัว ...ส่วนธุรกิจจะเกิดและโตได้ ก็ต้องมีแก่นของความเชี่ยวชาญ และนี่เป็นการรวมคนเก่ง และ คนที่เหมาะสมเข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมาย
เอาล่ะครับ เล่าแล้วโยงมาไกล จากตัวเอง สู่การจัดสรรพทรัยากร ...แต่สิ่งแรกที่ต้องก้าวให้ผ่าน ก็คือ "ข้อจำกัด หรือ กรอบทางความคิด" ..ก่อนที่เราจะ ผ่านไปสู่ Step ต่อไป ..ในขั้นแรกเราต้อง ผ่านโจทย์ของจุดอ่อนของตัวเราเองก่อน ...เราต้องมองว่า สิ่งไหนที่เรากลัว และ คิดว่าเราอ่อนด้อย ..คุณลอง Break มันดู ..ลองดูซักตั้ง ...ผมบอกได้เลยว่า ถ้าคุณก้าวผ่านความกลัวตรงนั้น ...ตัวคุณจะก้าวผ่าน "กรอบความคิด ที่คนส่วนใหญ่ ผ่านไม่ได้" ... Key หลักแห่งความสำเร็จ ผมเชื่อว่ามันคือ "การเปลี่ยนจุดอ่อน ให้เป็นจุดแข็ง" ...
เอาล่ะครับ เล่าแล้วโยงมาไกล จากตัวเอง สู่การจัดสรรพทรัยากร ...แต่สิ่งแรกที่ต้องก้าวให้ผ่าน ก็คือ "ข้อจำกัด หรือ กรอบทางความคิด" ..ก่อนที่เราจะ ผ่านไปสู่ Step ต่อไป ..ในขั้นแรกเราต้อง ผ่านโจทย์ของจุดอ่อนของตัวเราเองก่อน ...เราต้องมองว่า สิ่งไหนที่เรากลัว และ คิดว่าเราอ่อนด้อย ..คุณลอง Break มันดู ..ลองดูซักตั้ง ...ผมบอกได้เลยว่า ถ้าคุณก้าวผ่านความกลัวตรงนั้น ...ตัวคุณจะก้าวผ่าน "กรอบความคิด ที่คนส่วนใหญ่ ผ่านไม่ได้" ... Key หลักแห่งความสำเร็จ ผมเชื่อว่ามันคือ "การเปลี่ยนจุดอ่อน ให้เป็นจุดแข็ง" ...
"ระหว่างเขียนนี่เริ่มดึก..555".. เขียนแล้วมึน แต่ผมว่า สิ่งนี้มัน work กับผม ...การผ่านความกลัวเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าทำได้ ผมว่ามันจะปลดปล่อยตัวเราออกจากกรอบ ... และคนที่คิดนอกกรอบ จะเห็นโอกาสมากมาย ที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็น ... ระหว่างนั้นก็ค่อยๆ เรียนรู้ สร้างจุดเด่น ...และ พัฒนามุมมองของเราไปเรื่อยๆ .. เอาเป็นว่า วันนี้เล่าแค่นี้ก่อน ..."ผมกำลังทดลองอะไรบางอย่างอยู่ แล้ววันหลังจะเอามาแชร์ให้ฟังกัน"
...ชีวิตน่ะมันเป็นการเรียงร้อยประสบการณ์ ไม่มีอะไรถูกสุดๆ หรือผิดสุดๆ เพียงแต่เราไม่ไปเบียดเบียนคนอื่นเป็นใช้ได้ ...เดี๋ยวนี้ผมเจอเจ้าของกิจการและคนเก่งๆ เยอะมาก สิ่งที่ผมพบก็คือ มันเหมือนสัจธรรม ..ว่า คนที่เก่ง ก็คือ คนที่ล้มเหลวมาเยอะนั่นเอง ...เพียงแต่พอล้มแล้วเขาลุกขึ้น ...แปรงฟัน แล้วก็เดินต่อ ...บางคนล้มละลาย ..ก็เซไปบ้าง สุดท้ายก็กลับมาเดินใหม่ ..อย่ากลัวที่จะก้าวเดิน และ ลองทำในสิ่งใหม่ๆ ..ทำไปเถอะ -- เอาใจช่วย "เพราะผมก็ทำอยู่...555"
และคนที่โชคดี ...ก็คือ คนที่เปิดโอกาสให้ตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าทำได้ (นั่นแหละคนโชคดี)
เห็นด้วย และกำลังเริ่มที่ตัวของเราเองค่ะ
ตอบลบabsolutely agree
ตอบลบขอบคุณครับ ผมก็กำลังทำการทดลองบางอย่างเช่นกััน :)
ตอบลบ