วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
"ค่าเงินบาท" กับ ชาวนา มันเกี่ยวข้องกันอ่ะ
"ค่าเงินบาท" กับ ชาวนา เกี่ยวข้องกันแล้ว ... และ Technical ก็เกี่ยวข้องกับ Fundamental ...โอว!! มันซักจะซับซ้อนกันไปใหญ่แล้ว -- แต่ผมอยากจะ เอามาเล่าให้ฟัง
จริงๆ แล้ว เรื่องของ Fundamental กับ Technical มันสามารถเอามาใช้ร่วมกันอย่างดี ...ยกตัวอย่าง ค่าเงิน ..ถ้าใครอ่านข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ จะเห็นว่า นักวิเคราะห์ต่างฟันธงว่า เงินดอลลาร์ กำลังแข็งตัว ..ใช่!! ดูจาก Trend ก็รู้ เพราะมัน Break Trendline สำคัญ ...ซึ่งในมุมของ Technical เราสามารถ คาดการณ์ไปถึงว่า "เงินดอลลาร์ จะแข็งไปถึงจุดไหน!!" ...นั่นคือ เสน่ห์ แต่ข้อจำกัดก็มี เพราะ Technical จริงๆแล้วคือ "ความน่าจะเป็น" (ดังนั้น ตีความตรงนี้ให้เข้าใจ คือ ความน่าจะเป็น แปลว่า มันจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ ...ผู้ใช้จึงควรมีจุด "Stop ความเสี่ยงที่ชัดเจน" และนี่คือ หัวใจของเครื่องมือความน่าจะเป็น)
การนำมาใช้ ...ถ้าเราเห็นการ แข็งค่าของ ดอลลาร์ แล้วเราวัด Target ของการไปของราคาได้ เราก็ เฝ้าดูการวิ่งของมัน ...จากนั้น เมื่อถึง Target เราก็ยิ่งต้องมาดูอย่างใกล้ชิด ตรงจุดนั้น มักจะมีสัญญาณบางอย่างที่เตือนเรา ..คนที่เข้าใจ ก็ใช้สัญญาณนั้นในการตัดสินใจต่อไป ...ซึ่งคนที่เข้าใจ ในเรื่องของ Technical และ Target Price ..เขาก็มักจะสามารถรักษาตัวรอดได้ดีกว่า คนที่ไม่มีเครื่องมือ ...จริงๆ มันก็แค่นั้นเอง
มาดูในส่วนของ Fundamental หรือ พื้นฐาน ...เรื่องของเงินดอลลาร์ มันขึ้นลงตาม Demand & Supply ของดอลลาร์ ..ดังนั้น ปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับ เงินดอลลาร์ในระยะจากนี้ไปคือ เรื่องของ QE เพราะ การทำ QE แต่ละครั้งคือ การพิมพ์เงิน (เพิ่ม Supply ของดอลลาร์ ..มันเลยอ่อนค่าไง) -- ดังนั้น การทำ QE แต่ละครั้งจะทำให้ดอลลาร์อ่อน แล้ว Asset ต่างๆ รวมถึง หุ้น ทอง Commodity จะวิ่งขึ้น !! แต่ข้อเสีย ก็คือ เมื่อ Asset วิ่งขึ้น เงินเฟ้อก็วิ่งขึ้น -- ค่่าครองชีพก็สูง คนจนก็ยิ่งซวย แล้วใครจะเลือก โอบามาล่ะ (เห็นไหมครับว่า ประเด็นต่างๆ มันเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่ พื้นฐาน ไปจน Technical )
...การเลือกตั้งของ US ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ ...เพราะมัน ช่วยให้เราคาดการณ์ได้ว่า QE จะต้องทำในเวลาไหน ...
สรุป "ค่าเงิน" มันกระทบกับทุกชีวิตบนโลก เพราะมันส่งผลกระทบต่อ "เงินเฟ้อ" ...และ การค้าขายของทั้งโลก ...นักธุรกิจ และ ผู้ประกอบการ จึงควรทำความเข้าใจเครื่องมือต่างๆ ทั้ง Fundamental และ Technical จึงจะได้เปรียบ ในสงครามเศรษฐกิจในโลกใบนี้
...การแข็งค่าของ US เป็นเรื่องเรื่องที่ดี เพราะ อเมริกา จะได้ ทำ QE ง่ายหน่อย ...และเมื่อทำ QE พวก Asset อย่าง หุ้น ทอง Commodity มันก็จะพุ่งขึ้น พร้อมกับค่าครองชีพที่สูง "เงินเฟ้อ!!" ...หลายคนบอก QE ไม่ต้องทำก็ได้ แต่หารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้ว QE กับ "ราคา Asset" มันเชื่อมโยงกันแบบลึกซึ้ง ...กล่าวคือ ในปี 2008 ที่เกิด Sub-prime ถึงปัจจุบัน ราคา Asset เช่น ที่ดิน ในอเมริกา ลดลงเกือบครึ่ง (ทั้งๆที่ 10 ปี ก่อนหน้า ที่ดิน ของอเมริกา Boom แบบ ไม่มีวันตาย ..แต่สรุปมัน ตาย แล้วเกิด วิกฤต Sub-prime อย่างที่เห็นไง... ถ้าพุทธศาสนา เขาจะบอกว่า อนิจจัง ..แต่นักธุรกิจ เขาจะเรียก Cycle ก็แค่นั้นเอง -- หลายคนตื่นเต้น โอว..อเมริกาตกดินแล้ว ..จริงเหรอ -- หรือ มันแค่ ลง มาให้เป็นโอกาส ในภาพใหญ่ ...เรื่องพวกนี้ ถ้าคุณไม่เข้าใจกลไกเศรษฐกิจ และ Cycle คุณจะหัวหมุนตามข่าวตลอด ...ซึ่งผลก็คือ เจ๊ง!!)
กลับมาที่ "ราคาที่ดิน" ที่มันลงเละเทะ ...มันส่งผล ต่อ "จิต" ของคนอเมริกา ...คือ ทุกคนรู้สึกจนลง ทำให้ทุกคนหยุดใช้จ่าย ...และนั่นแหละที่การพิมพ์เงิน หรือ QE มันเข้ามาเป็นเครื่องมือในการ สร้างกำลังซื้อ ... อีกนัยนึง ก็คือ การสร้างเงินเฟ้อนั่นแหละ ... แต่ปัญหาคือ US DOLLAR มันเป็น "เงินของโลก (ที่ใช้หมุนเวียนกันกว่า70% ของเงินทั้งโลก)" ..การที่อเมริกา เงินเฟ้อ ... ก็จะส่งผลให้ประเทศที่เศรษฐกิจดีกว่าอเมริกา อย่างเอเชียเราเงินยิ่งเฟ้อ ...
แต่ถามหน่อย อเมริกา เขาแคร์ไหมว่า "เงินในเอเชียจะเฟ้อ..แล้วคนจนในเอเชียจะแย่" ..ไม่ครับ เขาไม่สน !!... สิ่งที่นี้เชื่อมกับภาพของ Asian Miracle 2 ที่ผมกล่าวไว้ว่า มันกำลังเกิดขึ้น ...ก็มาจาก กองทุน ทั่วโลกวิ่งหาผลตอบแทนที่ดีกว่า ซึ่งในเวลานี้ เอเชียในภาพใหญ่ มันตอบโจทย์ ...แต่คิดดีๆ ครับ การขึ้น มันก็ขึ้นพร้อมเงินเฟ้อ ที่ก่อตัวมหาศาล ...ผมถึงแนะนำให้เพื่อนๆนักลงทุน แบ่ง Port ลงทุน ในระยะยาว เพื่อรองรับภาพใหญ่ ในจุดนี้ด้วย (อย่างที่ผมเคยบอกว่า ตัวผมเอง 70% ของผม ลงยาว คือ มี Stock Wish List แล้ว เก็บหุ้น ที่เล็งเมื่อราคาลงมาเหมาะสม แล้วส่วนนี้ผมถือยาวเลย 5 ปีขึ้นไป ไม่ขาย ...ส่วนอีก 30% ของผม ผมก็แค่เล่น "รอบ" ตาม Technical -- เรียกได้ว่า หากเราเข้าใจ ภาพใหญ่ และ ภาพเล็ก ...เราก็จะสามารถเป็นผู้ที่มั่งคั่ง บนปัญญา และ ความสามารถของเราเองไงครับ)
สู้ สู้ ครับ (ไว้ผม จะเอาเรื่อง เล่าบน เศรษฐกิจ มาเล่าสู่กันฟังใหม่...โย่ว!!)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 ความแตกต่างระหว่าง ลงทุนหุ้นไทย กับ หุ้นโลก 1. ‘Level Playground’ …เดิมทีคนที่สามารถไปลงทุนต่างประเทศต้องเป็นคนรวยมากๆ ใช้เงินเยอะ แต่ปัจ...
-
7 สิ่ง ที่จะต้องดูในการเล่นหุ้นไทยขาขึ้น รอบใหม่ 1. ‘เด้งจากหุ้นใหญ่‘ …ในการเริ่มขาขึ้นรอบใหม่ จะเริ่มจากหุ้นใหญ่ เพราะ เม็ดเงินต่างๆ จะเข้...
-
7 ข้อควรรู้ การลงทุนยาว กับ การเทรดสั้น อะไรรวยเร็วกว่ากัน 1. ‘การเทรดได้เงินเร็วกว่า’ …แต่ข้อเสียก็คือ เสียเงินเร็วพอๆ กัน ถ้าจับจังหวะไม่...
-
7 เรื่อง เบื้องลึกเบื้องหลังของคำว่า ‘เงิน’ ในโลกปัจจุบัน 1. ‘เงินในปัจจุบัน เป็นเงิน Fiat’ …เงิน Fiat สร้างจากหนี้ แปลว่า เงินในปัจจุบัน ไ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
"ฉันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว" นั่นคือ ความปรารถนาอันดับหนึ่ง จากการสำรวจความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ ใช่!! ใครๆ ก็อยากเป็น ...
-
ถ้าเทียบ 2 ประเทศนี้ ผมชอบจีน มากกว่า เพราะจีน ถึง แม้จะมีความแตกต่างระหว่าง "คนรวย"กับ "คนจน"มาก แต่ก็ไม่มากเท่าอินเดีย...
-
“อยากเอาเรื่อง Alpha มาเล่าให้ฟัง” ...ในทุกสิ่งมีชีวิต จะมีจ่าฝูง มีหัวหน้า เช่น ฝูงลิง ฝูงหมาป่า ก็จะมีจ่าฝูง ...เรื่องที่น่าสนใจก็คือ ไ...
-
8 ข้อต้องดู นักเล่นหุ้นสาย growth เดิมทีเล้นหุ้น value ก็ปันผลดีอยู่แล้ว ...แต่ยุคนี้ ควรคัดหุ้น growth เข้าพอร์ตด้วย เพื่อเร่งให้พอร์ตเราโ...
-
เมื่อคืน 1 มีนาคม 2555 คุณแม่โทรมาบอกว่า "แพ้ท!! คุณตาท่านเสียแล้ว" ผมก็รู้สึกใจหายอย่างมาก เพราะคุณตาเป็น เสมือนต้นแบบ ที่สอนให้ผ...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
อย่างที่พุทธศาสนากล่าวไว้ว่า " เด็ดดอกหญ้า สะเทือนถึงดวงดาว" ทุกอย่างเกี่ยวโยงกันหมด แต่!!!! จิตใจเรา ความรุ้ทั้งหมดเราตะหาก ที่โยงมันเข้าด้วยกัน นั่นแหละ!! แต่ถ้ามันโยงถึงกันหมดขนาดนี้ เราก้ต้องระวังไว้เสมออะดิ??
ตอบลบThe post is very informative and helpful. So I would like to thank you for your effort in writing it. The content is well thought out as well. Thank you. premium desert safari
ตอบลบ