ฟังวิทยุ ระหว่างขับรถมาทำงาน ..เขาคุยกันเรื่องสถิติการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่นในปัจจุบัน ปรากฏว่าตัวเลขน่าตกใจเกินคาด คือ สถิติเขาบอกมาว่า คนช่วงอายุ 20 - 30 ปี มีการฆ่าตัวตายสูงที่สุดคือ 1 ใน 4 ของคนกลุ่มนี้เลยทีเดียว และโดยเฉพาะผู้หญิงจะสูงกว่าผู้ชายอีก ..โอว !! ฟังแล้วเข้าใจเลย เพราะตอนที่ผมทำงานอยู่ออสเตรเลีย ตอนทำร้านอาหาร แล้วเจอปัญหา แถมเจอปัญหาซ้อน ในกิจการกระจกที่เข้าไปลงทุน ประกอบกับปัญหาชีวิต ..ใช่!! โคตรอยากฆ่าตัวตายเลยว่ะ ตอนนั้นถ้านับอายุ ผมก็อยู่ช่วงอายุ 20 ปีปลายๆ --- "ผมเข้าใจเลยว่า ณ เวลานั้น มันมืดแปดด้านจริงๆ แถมเวลาที่เรามีปัญหา มันก็จะมีปัญหาอื่นประดังเข้ามาร่วมด้วยเสมอ ..คือ แน่นอน เราย่อมโทษสวรรค์ -- โถ่ !! สวรรค์ทำไมต้องกลั่นแกล้งเราด้วย ...ลืมนึกไปว่า ไอ้ปัญหาทั้งหมด ไอ้เงินกู้ที่เราไปกู้เขามา หรือ เงินที่ต้องรับผิดชอบ และ แรงกดดันจากรอบด้าน -- ทั้งหมดเราสร้างมันขึ้นมาเองนะ"
"ก็อยากเล่าให้น้องๆที่อายุ 20 - 30 ปี ฟังว่า จริงๆแล้ว ไม่ว่าคุณจะยากดีมีจน ..ทุกคนล้วนต้องมีปัญหาและพบอุปสรรคอยู่ตลอดเวลา เพราะคิดง่ายๆ ว่า โลกนี้ที่มี อาชีพ ที่มีธุรกิจต่างๆ ก็คือ มันตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาให้มนุษย์นั่นเอง อย่าง 7-11 ก็แก้ปัญหาความสะดวก ..ร้านกาแฟก็มาตอบโจทย์ในการพบปะ.. Modern Trade ก็มาแก้ปัญหาความยุ่งยากในการไปเดินตลาด ..คือ พูดได้เลยว่า คนที่ประสบความสำเร็จและรวย ก็เพราะเขาคือ "นักแก้ปัญหา" ทั้งแก้ปัญหาตัวเองได้ และ ยังแก้ปัญหาคนอื่นได้ (อันนี้อย่าทำกลับกันนะ อย่างแรกต้องแก้ปัญหาตัวเองก่อน ...บ้านเราชอบนักน่ะ ไปแก้ปัญหาคนอื่นก่อน อันนั้นพวกมั่วนิ่มอ่ะนะ...555 "วุ่นวาย!!" -- คือ โจทย์แรกต้องแก้ปัญหาตัวเองก่อนครับ แล้วเริ่มเดินทางต่อ จากจุดนั้น) ...ก็กลับมาที่ทำไม วัยรุ่นถึงเครียดกว่าวัยอื่น ..ผมว่า เพราะเรายังขาดประสบการณ์ "เขาเรียกยังขาดภูมิคุ้มกันชีวิต"..สิ่งนี้มันคล้ายๆ วัคซีน แต่มันเป็น วัคซีนทางอารมณ์ที่จะต้องเรียนรู้เอง จากความเจ็บปวด (ย้ำนะ ว่า "ภูมิคุ้มกันชีวิต" มันจะได้มาจากความเจ็บปวด ความล้มเหลว ไม่ว่าทางใดก็ทางนึง)
ถ้าใครที่ประสบความสำเร็จ แล้วเขามาบอกคุณว่า เขานี่ไม่เคยล้มเหลวเลย ..ฟันธงไปเลยว่า ไอ้นี่มัน Bull Shit "ขี้หมาน่ะ" คบไม่ได้ ...จะเป็นไปได้อย่างไร ที่จะไม่เคยผิดพลาดอะไรเลย ...จริงไหม!! (แค่โดนแฟนที่เพิ่งคบกันมาไม่นานทิ้ง ก็ต่อมน้ำตาแตก แทบจะวิ่งไปโดดตึกแล้ว ...ไหนชีวิตการงานจะง่ายกว่านั้น ..เป็นไปไม่ได้ -- ความล้มเหลว ความผิดพลาด มันเจอทุกคนแหละ เพียงแต่เมื่อไหร่เท่านั้นเอง ...ผมเลยชอบแนะนำให้คนรุ่นใหม่ รีบๆล้มเหลว เจอเร็วๆ ..เจอตั้งแต่เด็ก จะได้ไม่ต้องไปเจอตอนแก่ ..เพราะเจอตอนแก่ แล้วมันอาจจะไม่ฟื้นนะ...555)
ก็นี่แหละประเด็น คือ คนเรามันต้องหา "วัคซีนชีวิต" ซึ่งก็คือ ความล้มเหลว ความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน แล้วถึงจะกล้าก้าวต่อไป อย่างแข็งแกร่งขึ้น ...ผมว่าคนที่เขาประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เขาไม่เคยล้มเหลว เพียงแต่เขาล้ม แล้วก็เอาสิ่งนั้นเป็นบทเรียน เพื่อการที่จะก้าวไปครั้งใหม่ที่ใหญ่ขึ้น ..ก็เท่านั้นเอง
คำพูดที่ว่า Life is a Journey ..มันเป็นประโยค Classic นะ ...บอกตามตรง คนส่วนใหญ่ ตอนตั้งเป้าออกเดินทาง มันมักเป็นเป้าหมาย ที่สุดท้ายไปจบในจุดที่เราไม่ได้ตั้งเป้ามา และบางครั้งแจ๋วกว่า เจ๋งกว่า ที่เริ่มตั้งเป้าเสียอีก ...เพราะแท้จริงแล้ว ชีวิตมันไม่ใช่เส้นตรง ...แต่มันเป็นการเดินทางที่เราต้องเดินทางน่ะ ..บางคนกลัวล้มเหลว จนไม่เคยที่จะเริ่มเดินทางด้วยซ้ำ แน่นอนนั่นมันคือ คนส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ..แต่นั่นก็คือ สิ่งที่คนเหล่านั้นเลือกเองจริงไหม -- และ Key Success ของชีวิต ส่วนใหญ่เลย ไม่ได้อยู่ที่งาน แต่อยู่ที่เจอ "คน" (งานมันแค่ตัวกำหนด Passion ในสิ่งที่เราชอบ และเลือกเป็นพาหนะในการเดินทาง และเราเดินทางไปเพื่อเจอคน นั่นเอง "ดังนั้น งาน เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้ตัวเราน่าหลงไหล ยิ่งเรามี Passion ในสิ่งที่ทำ มันยิ่งทำให้คนอื่นอยากมาเจอมาพบเรามากขึ้นเรื่อย ..และนั่นก็คือ โอกาสที่เกิดขึ้น") ...เพราะไอ้ที่เก่งสุดๆ เก่งคนเดียว แล้วเข้ากับมนุษย์ไม่ได้ -- มันมักไปเป็น นักวิจัย นักวิชาการ ไม่ใช่นักธุรกิจ หรือ เจ้าของกิจการ ....
ความสำเร็จจึงอยู่ที่การเดินทางของเรา มันเดินไปพร้อม Passion กับ ความคิดที่บวก และ สร้างสรรค์ -- สิ่งนี้จะพาเราไปเจอคนประเภทเดียวกัน และจากนั้น 1+1 จะเป็น 3 เป็น 4 ..เป็นมากกว่าที่เราคิดมากมาย ... คิดดี ..ทำอะไรทำจริง มุ่งมั่น..หลงไหลมี Passion กับสิ่งที่ทำ ...มีสัมมาคารวะ(เพราะเราต้องอยู่กับคน "คน" คือ สิ่งที่จะให้โอกาสเรา) ... และที่สำคัญที่สุด ต้อง win-win ..ถ้า"ให้ก่อนรับ(Give&then Take)"ได้ ทำไป เชื่อผม นั่นแหละโอกาสที่เราสร้างเอง --- และสิ่งนั้นแหละ คาถาแห่งการประสบความสำเร็จ
วันนี้ผมเองอาจเพิ่งออกเดินทางมาไม่นาน แถมล้มลุกคลุกคลานตลอดมา จากความห่ามและบ้าบิ่น ...แต่เมื่อมองย้อนกลับไป มันก็เป็น Journey ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ..ยิ้มบ้าง เศร้าบ้าง ..ก็ว่ากันไป ...สุดท้ายคนที่คิดเหมือนกัน ก็จะมาเจอกัน มาร่วมงานกัน และ ทำสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น ...win-win ครับ แล้วเราจะได้เจอกันระหว่าง การเดินทาง!!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
6 ข้อ มาคุยกันเรื่อง Why Nations Fail ? สิงค์โปร์ไม่ทีทรัพยการเลย ทำไมรวย …เวเนซุเอลา มีน้ำมันมากที่สุดในโลก ทำไมจน ..แล้วสวิส ประเทศเล็กๆ...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
6 ข้อ เศรษฐกิจและการลงทุนยุค Trump 2.0 1. ‘นโยบาย American First’ …Trump จะทำทุกอย่างให้อเมริกาได้ประโยชน์ เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ 2. ‘Dere...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ชื่นชมและเห็นด้วยกับคุณแพท เรื่องการเดินทางของชีวิต และเรื่องคนค่ะ อ่านแล้วก็ได้กำลังใจขึ้นมากเลย ขอบคุณค่ะ
ตอบลบขอชื่นชมน้องแพท ในการแบ่งปันประสบการณ์ ข้อมูล บทความต่างๆ
ตอบลบ