แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

NAV ของ Port นักลงทุนที่ต่างกัน !!


มีหลายคนสงสัยว่า "ป๋าแพ้ท"(เป็นแนว VI) ทำไมสนิทกับ "ป๋าหยง"(โคตร Technical แบบสุดโต่ง) .. เอ่อ!! แปลกไหมครับ คนนึงยิ่งลงยิ่งซื้อ ..อีกคนยิ่งลงยิ่งขาย ยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ แต่คุยกันแล้ว ไม่ทะเลาะกัน แต่กลับเป็นเพื่อนสนิทกัน

ถูกต้อง!! เพราะเราต่างคนต่างมีธรรมะ ..ฮ่า ฮ่า -- (จริงๆนะ) ธรรมะจริงๆ นั่นคือ อิทธิบาท 4 เรา เริ่มจากฉันทะ คือ ชอบการลงทุนเป็นชีวิต ..มีวิริยะ คือ อดทนเหมือนกัน ..มีจิตตะ คือ หมกมุ่นในแนวทางของตัวเอง และมี วิมังสา คือ มีความมุ่งมั่นจะค้นหา เหตุผลของทุกคำตอบในแนวทางการลงทุนของตัวเอง ...พูดง่ายๆว่า บ้าศึกษาเหมือนกัน -- แต่คนละแนวแบบสุดโต่ง!!

สิ่งที่ทำให้เราเข้าใจกันในท้ายสุดคือ "ภาพที่เห็นนั่นแหละครับ" มันคือ NAV ของ Port แต่ละคน ... จะเห็นได้ว่า NAV ของแนว VI จะสุดโต่งกว่า นั่นคือ เวลาได้ได้มากกว่า เวลาลงก็ลงหนักกว่า เพราะมันคือการ Buy&Hold ผ่าน Cycle และความผันผวนสุดโต่งของตลาด (อย่างช่วงตลาดปรับฐานแรงๆ แน่นอน Port ของ VI ย่อมลงมาลึกมากกว่า Technical ...เพราะอย่าง Technical พอตลาดลง เขาไม่มีหุ้น เพราะเขาออกเมื่อ Technical ส่งสัญญาณไม่ไปต่อ ก็ออกหมด ถือเงินสด รอจังหวะ และรอ Short TFEX อีกขา) ... ในส่วน Port ของ Technical จะเห็นได้ว่า NAV ค่อนข้างนิ่ง คือ ขึ้นแล้ว หยุด แล้วขึ้นต่อ แล้วหยุด แล้วก็ขึ้นต่อ จะไม่มีการ Draw Down แรงๆ หรือ ลงลึกๆ เพราะขาลง ไม่มีหุ้น!!

"เวลาผมกับ ป๋าหยงสอน Technical จะพูดเสมอว่า ...คนที่เรียนกับเรา หากคุณมาหาเราด้วย Port แดง ..ถ้าคุณทำตามที่เราบอก -- Port คุณจะไม่แดง แต่จะเขียวตลอดไป ... (พูดแล้ว ฮาตลอด !!) -- ก็พอหุ้นแดง เอ็งก็ขายดิ ..เขียวก็ถือต่อไป (พูดง่ายเน๊อะ แต่กว่าจะอ่าน Technical ถึงขั้นทำเงินได้ ..บอกได้เลยต้อง ศึกษา Chart จนเลือดตาแทบกระเด็น ...คำถามคือ คนที่คิดว่าจะมาหาเงินง่ายๆ คุณว่าจะไปได้สักกี่น้ำ!!)"

จริงๆ ผมก็คุยกับป๋าหยงเสมอว่า สิ่งที่เป็น "กับดัก" ของคนส่วนใหญ่ มันคือ "Mind Set ที่ผิด" ...ตลาดหุ้นมันเกิดมาเป็นร้อยๆปีแล้ว และสิ่งที่มันมีอยู่ตลอดเวลาคือ Cycle ..มีขึ้นแรง และก็ลงแรง และก็ขึ้นแรง และก็ลงแรง ... หากเราเทียบกับน้ำ มันแบ่งได้เป็น 3 จังหวะ คือ ใหญ่ กลาง และก็เล็ก ... รอบใหญ่ก็คือ Tide เหมือนกระแสน้ำ คือ เราดูภาพใหญ่ยักษ์ว่า ในภาพใหญ่ตอนนี้น้ำขึ้นหรือน้ำลง ..อย่างตลาดหุ้น Asia ใน 10 ปีข้างหน้า มองก็รู้แล้วว่า ในภาพของกระแสน้ำหรือ Tide มันคือ "ขาขึ้น"

มาดูภาพกลาง ซึ่งก็คือ ลูกคลื่น หรือที่เราเรียกว่า Wave ...มันคือ ส่วนประกอบของ กระแสน้ำ ..มันคือลูกคลื่น ซึ่งจุดนี้ มันสำหรับนัก Technical ในระยะยาว สามารถทำเงินเป็นรอบ หรือ คำใหญ่ๆ ..

ส่วนภาพเล็ก เราเรียก Ripple มันคือ คลื่นเล็กที่อยู่ในคลื่นใหญ่ ... "ในรอบใหญ่ มีรอบกลาง และก็รอบเล็ก ..อันนี้จริงๆ มันคือ Time-Frame ของแต่ละคน ซึ่งไม่มีใครมองเหมือนกัน ...จุดนี้มันอาจทำให้หลายๆคนเถียงกันว่า ฉันมองขึ้น แต่ทำไมคุณมองลง ..ก็บางครั้งมันมองคนละภาพ ..บางคนมองกระแสน้ำ แต่บางคนมองแค่ฟองคลื่น .." -- นี่แหละที่ผมพยายามอธิบายว่า ทำไมสุดท้าย สไตล์การลงทุนของแต่ละคน จะค่อยๆปรับเป็นแนวที่เหมาะกับตัวเองในที่สุด ..ซึ่งแน่นอน!! ต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนาน และความเข้าใจ ที่เพิ่มขึ้น ทั้งความเข้าใจในตลาด การขึ้นลง ..และกลับมาที่การเข้าใจใน "ใจ" ของเราเอง และความเสี่ยงที่เราสามารถรับได้ ซึ่งก็ไม่มีใครรับความเสี่ยงได้เท่ากันเลย ในโลกนี้!!

"ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า การลงทุนมันเป็นศาสตร์ที่ซับซ้อนมาก ..แต่ไม่มีใครเอามา แบ่งการสอนออกให้เป็นระบบเหมือนการเรียนปกติ ..จริงๆ มันควรแบ่งระดับการเข้าใจการลงทุนออกเป็น ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ยันประถม มัธยม ปริญญาตรี โท เอก ...ครับ!! ผมว่ามันควรแบ่งให้ชัด เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งกับดัก ที่ผมพบเมื่อ ผมสัมผัสกับนักลงทุนมากมาย -- ผมพบว่า ทุกคนมองว่า ตัวเอง ระดับปริญญาเอกทางการลงทุน ทั้งๆที่เพิ่งก้าวเข้ามาลงทุนไม่นาน ...จริงๆแล้วมันต้องผ่านเป็น Step ... ไม่ว่า คุณจะประสบความสำเร็จจากธุรกิจ หรือ ชีวิตมาเพียงใด ..วันแรกที่คุณก้าวขาเข้ามาเป็นนักลงทุน ..คุณก็คือ อนุบาล!! -- อย่างตัวผมเอง ผมเชื่อว่า ผมผ่านอนุบาลมาอยู่ชั้นประถมแล้ว ..แต่จะไปเทียบกับ ดร.นิเวศน์ หรือ กูรู ท่านอื่น พวกนั้นเขาระดับปริญญา ..หรือ อย่าง Warren Buffett หรือ Soros นั่นมันปริญญาเอก" ...คือ อย่างแรกเลย คุณต้องเข้าใจก่อนว่า คุณต้องเรียนรู้จากเริ่มต้น ไม่มีทางลัดแห่งความสำเร็จ ไม่มีรวยเร็ว ..เพราะพวกรวยเร็ว ผมเห็นมันเจ๊งเร็ว ในเวลาต่อมา...ทุกคน!!

ก็เล่าให้ฟังสนุกๆ ... หลังจากที่ผม สนิทกับหยง และแลกเปลี่ยนความรู้กัน มันทำให้เราเห็นโอกาส ..ซึ่งมันก็คือ ช่องว่างของตลาด ...ผมบอกได้เลยว่า ในเมืองไทยขนาดผู้ประกอบการใหญ่ๆ ..ไม่ได้มีความรู้ในการลงทุนเหนือไปกว่า คนธรรมดาเท่าไหร่ ..ซึ่งในด้านธุรกิจของเขา เขาอาจสุดยอด แต่สำหรับการลงทุนแล้ว มันก็คือ โลกใหม่ ที่ให้โอกาสกับ ผู้มี อิทธบาท 4 เสมอ... อิ อิ

ตอนนี้ผมกำลังทดลอง System Trade กับของ บล.บัวหลวงอยู่ (ต้องเล่าก่อนว่า ตอนนี้เมืองไทย บล.บัวหลวง เป็น Broker แห่งแรก ที่นำระบบ Computer แบบ Automate มาใช้กับการ Trade และ ตลาดรับรอง ..นี่แหละมันส์!! ..ที่มันส์เพราะ มันขึ้นอยู่กับว่า ใครก็ตาม ที่สามารถออกแบบ System Trade แล้วใช้ได้จริง ..คุณก็สามารถสร้าง Port หรือ สร้างกองทุน ที่เป็น Money Making Machine ได้ ...และที่แจ๋วไปกว่านั้น มันสามารถเป็น Money Making Machine ที่วางอยู่บน Technical Analysis ..นั่นหมายความว่า .. Port หรือ กองทุนอันนี้ จะสร้าง NAV ที่นิ่ง ขึ้น แล้วนิ่ง แล้วขึ้น ..เหมือน NAV ของ Port Technical ที่ผมโชว์ให้ดูนั่นแหละครับ)

-- ก็เล่าให้ฟังสนุกๆ ซึ่งทางเดินในสายการเป็น Fund Manager ของผมและ ป๋าหยง มันก็ยังมีบทพิสูจน์อีกยาวไกล ที่ต้องฝ่าฟัน ...แต่ผมอยากบอกเพื่อนๆว่า โลกแห่งการลงทุน มันเปิดโอกาสเสมอ แก่ผู้ที่มุ่งมั่น

...แล้วลืมไปเถอะ Over Night Success มันไม่มีจริงๆ ในโลกหรอกครับ --- ความสำเร็จ ที่แท้จริง เกิดจาก "อิทธิบาท 4" ต่างหาก ... สู้ สู้ ครับทุกคน

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ28 กันยายน 2554 เวลา 18:36

    สุดยอดคับ
    ผมจัดเต็มกองทุนบัวหลวงมาตลอด ยิ่งมีขงเบ้งแบบ
    คุณภาวอยู่ยังงี้ผมยิ่งจัดหนักเลยทีนี้
    สบายใจ 55 ไม่เครียด

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ28 กันยายน 2554 เวลา 21:30

    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  3. พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก !!!

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ