แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

เรื่องเล่า สองบาท



บาทที่หนึ่ง : เรื่องเล่าของ "ทอง"




"เรื่องของทอง ถามมา ก็จัดไป" ... ทองช่วงที่ผ่านมามันเป็นอีก Classic Trap สำหรับรายย่อย ที่ชอบซื้ออะไรก็ได้ที่ข่าวดี ...ทองที่ 1,900 เหรียญ ก่อนจะปรับฐานรุนแรง มันเป็นช่วงที่รายย่อย Bullish สุดๆ ซึ่งอันตราย ... "นั่นแหละ Mind Set ที่มีปัญหา และต้องก้าวผ่านให้ได้"

พูดถึงในภาพใหญ่ของ"ทอง" ..ทองเป็นเครื่องชี้วัดเงินเฟ้อ เพราะเดิมทีก่อนปี 1971 โลกเราใช้ Gold Standard นั่นคือ ไม่ว่า ประเทศใดจะพิมพ์เงิน ก็ต้องมีทองเป็น Back-up ..แต่ปีนั้นเอง อเมริกาประกาศบอกว่า "ยกเลิก Gold Standard" ต่อไปจะพิมพ์ดอลลาร์เท่าไหร่ รัฐบาลอเมริกันจะการันตีให้เอง จึงเป็นที่มาของคำว่า "Green Back ...ก็คือดอลลาร์นั่นแหละ"

และนี่ก็คือปัญหา เพราะเดิมที เงินมันไม่ค่อยเฟ้อ เพราะมันต้อง Back ด้วยทองซึ่งมี จำนวนจำกัด พิมพ์เพิ่มไม่ได้ ..แต่พอ ดอลลาร์ Back ด้วยหนี้ ..มันสามารถเพิ่มหนี้เท่าไหร่ก็ได้ ..ปัจจุบันหนี้ของ อเมริกันเองเกิน 100% ของ GDP ไปแล้ว ... อเมริกาปัจจุบันกลายเป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก.. ปัจจุบันเศรษฐกิจอเมริกันเองมีปัญหามาก เพราะคนว่างงานเกือบ 20% (ไม่ใช่ 10% บ้าบอที่เขาประกาศ อันนั้นมันตัวเลขแหกตาชาวโลก) ... ที่ว่างงานเพราะงานของอเมริกัน ถูกส่งออกไปให้ จีนและอินเดีย ที่ค่าแรงต่ำกว่าทำ มันถึงเป็นการ ส่งออกงานแบบไม่มีวันกลับมา ...ตอนนี้อเมริกามีหนี้มหาศาล แถมปัญหารุมเร้า ..วิธีแก้ง่ายๆ ก็คือ พิมพ์เงินเพิ่ม (ก็แค่กู้เพ่ิมนั้นแหละ) ... "ถ้าเราเป็นหนี้ แล้วสามารถกู้เพิ่มได้อย่างไม่จำกัดอย่างอเมริกา คงดีไม่น้อยจริงไหม!!"

เจ้าหนี้อเมริกา ก็คือ ประเทศอย่างจีน ..เอเชีย ..และประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย ...มันจึงเป็น ภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก นั่นคือ ประเทศด้อยพัฒนาเป็นเจ้าหนี้ประเทศพัฒนาแล้ว ... "ความโกลาหลจึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน"

ยิ่งอเมริกาพิมพ์เงินเพิ่ม เงินดอลลาร์เดิมยิ่งลดมูลค่า นั่นแปลว่า หนี้ที่อเมริกาติดอยู่ มันค่อยๆลดลง ..คุณว่า ประเทศด้อยพัฒนาจะทำอย่างไร ... ถูกต้อง!! ประเทศด้อยพัฒนาที่เป็นเจ้าหนี้อเมริกัน ก็เริ่มทยอยถือทองคำแทน ดอลลาร์ที่จะลดมูลค่าในอัตราเร่งด้วยเงินเฟ้อที่อเมริกันกำลังสร้างขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง!! ...แบงค์ชาติ ในประเทศต่างๆ จึงเริ่มเข้าซื้อทอง .. ก็นั่นแหละ สาเหตุหลักๆที่ทำให้ ทองคำ ราคาขึ้นอย่างมหาศาล ... คำถามคือ คุณเชื่อทองคำ หรือ คุณเชื่อรัฐบาลอเมริกันล่ะ ...และการขึ้นของทองตั้งแต่ปี 2002 ก็คือ คำตอบของปัญหาการพิมพ์เงินดอลลาร์ของอเมริกา

ดังนั้น ในภาพใหญ่ ผมก็ยังมองว่า ตราบเท่าที่อเมริกา ยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งคิดไม่ออกเลยว่า เขาจะหลุดพฤติกรรมการสร้างเงินเฟ้อได้อย่างไร เพราะไม่ได้เพิ่งเริ่ม ..มันเริ่มมาตั้งแต่ปี 1971 ตั้งแต่สมัย Nixon แล้ว ... "เราจึงพูดได้คำเดียวว่า สวัสดีชาวโลก!!...555" ... ก็ประมาณนี้นะ นิทานเรื่องทอง ...วุ่นวาย ๆ ๆ


บาทที่สอง เรื่องเล่าของ "ค่าเงิน"



เอาค่าเงินดอลลาร์มาให้ดูกันในภาพใหญ่ยักษ์ ... ปี 2008 Sub-prime คือ Panic ที่คนทิ้ง Asset ทุกอย่าง ทั้งหุ้น ทอง น้ำมัน ..แล้ววิ่งเข้ากอดเงินสด ซึ่งก็คือ ดอลลาร์ ...ทำให้ช่วงนั้น ดอลลาร์แข็งขึ้นไปแตะถึง 36 บาท (ตอนนี้ทั่วโลก กำลังมองว่า เศรษฐกิจจะกลับไปเป็นแบบ Sub-Prime ถึงได้มีการทิ้ง Asset แล้ววิ่งเข้าไปกอดดอลลาร์ ทำให้ดอลลาร์เริ่มแข็งในเวลานี้)..."แต่พูดก็พูดเถอะ มันเป็น Sucker Game เพราะตั้งแต่ 2008 เป็นต้นมา อเมริกันก็พิมพ์เงินดอลลาร์อัดเข้าระบบมหาศาล" --"เพิ่ม Supply เงินว่างั้นเถอะ" ...ดังนั้น ตอนนี้ภาพที่เห็นก็คือ ทุกคนวิ่งไปถือเงินสด

..แต่สุดท้ายเมื่อตลาดเลิก Panic !! -- Asset ต่างหากที่เป็นสิ่งที่จะต้องถือครองในภาพใหญ่ เพราะเงินดอลลาร์มันยังคงจะลดมูลค่าในอัตราเร่ง ตราบเท่าที่รัฐบาลอเมริกัน ยังไม่เลิกพิมพ์เงิน (ว่าแต่ถึงแค่ตอนนี้ เงินที่พิมพ์ออกมาในช่วง Sub-Prime มันก็มากพอที่จะทำให้ เงินเฟ้อพุ่งมหาศาลในอนาคต ...ทุกๆ 1 ดอลลาร์ ที่เข้ามาในระบบธนาคาร ..ธนาคารจะปั๊บเพิ่ม โดยการปล่อยกู้ อีก 9 เท่า ตามหลักของ Fractional Reserve Banking ที่ธนาคารจะต้องมีเงินแค่ 10% นอกนั้น ปั่นหมุนปล่อยกู้ อีกหลายตลบ -- แต่เวลาเศรษฐกิจไม่ดี คนก็กู้น้อย ..กลไกการหมุนเงินของธนาคาร จึงทำงานไม่เต็มที่ ...แต่รัฐบาลอเมริกัน ใช้การสร้างเงินเพิ่มโดย IOU ของรัฐบาล จึงเป็นการสร้าง Supply เงินเพิ่ม ที่จะเป็นระเบิดเวลาที่รอการระเบิด นั่นก็คือ "เงินเฟ้อมหาศาล" เมื่อเศรษฐกิจเร่ิมกลับมา)

..การลงทุน ต้องเข้าใจภาพใหญ่ กำกับเสมอ จะได้รู้ว่า เราเดินมาถูกทางหรือเปล่า ...สู้ สู้ ครับเพื่อนๆ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4 ตุลาคม 2554 เวลา 20:34

    แต่สุดท้ายเมื่อตลาดเลิก Panic ----- แล้วเมื่อไหรตลาดจะเลิกพานิคจ้ะ

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ