วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554
เรื่องเล่า สองบาท
บาทที่หนึ่ง : เรื่องเล่าของ "ทอง"
"เรื่องของทอง ถามมา ก็จัดไป" ... ทองช่วงที่ผ่านมามันเป็นอีก Classic Trap สำหรับรายย่อย ที่ชอบซื้ออะไรก็ได้ที่ข่าวดี ...ทองที่ 1,900 เหรียญ ก่อนจะปรับฐานรุนแรง มันเป็นช่วงที่รายย่อย Bullish สุดๆ ซึ่งอันตราย ... "นั่นแหละ Mind Set ที่มีปัญหา และต้องก้าวผ่านให้ได้"
พูดถึงในภาพใหญ่ของ"ทอง" ..ทองเป็นเครื่องชี้วัดเงินเฟ้อ เพราะเดิมทีก่อนปี 1971 โลกเราใช้ Gold Standard นั่นคือ ไม่ว่า ประเทศใดจะพิมพ์เงิน ก็ต้องมีทองเป็น Back-up ..แต่ปีนั้นเอง อเมริกาประกาศบอกว่า "ยกเลิก Gold Standard" ต่อไปจะพิมพ์ดอลลาร์เท่าไหร่ รัฐบาลอเมริกันจะการันตีให้เอง จึงเป็นที่มาของคำว่า "Green Back ...ก็คือดอลลาร์นั่นแหละ"
และนี่ก็คือปัญหา เพราะเดิมที เงินมันไม่ค่อยเฟ้อ เพราะมันต้อง Back ด้วยทองซึ่งมี จำนวนจำกัด พิมพ์เพิ่มไม่ได้ ..แต่พอ ดอลลาร์ Back ด้วยหนี้ ..มันสามารถเพิ่มหนี้เท่าไหร่ก็ได้ ..ปัจจุบันหนี้ของ อเมริกันเองเกิน 100% ของ GDP ไปแล้ว ... อเมริกาปัจจุบันกลายเป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก.. ปัจจุบันเศรษฐกิจอเมริกันเองมีปัญหามาก เพราะคนว่างงานเกือบ 20% (ไม่ใช่ 10% บ้าบอที่เขาประกาศ อันนั้นมันตัวเลขแหกตาชาวโลก) ... ที่ว่างงานเพราะงานของอเมริกัน ถูกส่งออกไปให้ จีนและอินเดีย ที่ค่าแรงต่ำกว่าทำ มันถึงเป็นการ ส่งออกงานแบบไม่มีวันกลับมา ...ตอนนี้อเมริกามีหนี้มหาศาล แถมปัญหารุมเร้า ..วิธีแก้ง่ายๆ ก็คือ พิมพ์เงินเพิ่ม (ก็แค่กู้เพ่ิมนั้นแหละ) ... "ถ้าเราเป็นหนี้ แล้วสามารถกู้เพิ่มได้อย่างไม่จำกัดอย่างอเมริกา คงดีไม่น้อยจริงไหม!!"
เจ้าหนี้อเมริกา ก็คือ ประเทศอย่างจีน ..เอเชีย ..และประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย ...มันจึงเป็น ภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก นั่นคือ ประเทศด้อยพัฒนาเป็นเจ้าหนี้ประเทศพัฒนาแล้ว ... "ความโกลาหลจึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน"
ยิ่งอเมริกาพิมพ์เงินเพิ่ม เงินดอลลาร์เดิมยิ่งลดมูลค่า นั่นแปลว่า หนี้ที่อเมริกาติดอยู่ มันค่อยๆลดลง ..คุณว่า ประเทศด้อยพัฒนาจะทำอย่างไร ... ถูกต้อง!! ประเทศด้อยพัฒนาที่เป็นเจ้าหนี้อเมริกัน ก็เริ่มทยอยถือทองคำแทน ดอลลาร์ที่จะลดมูลค่าในอัตราเร่งด้วยเงินเฟ้อที่อเมริกันกำลังสร้างขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง!! ...แบงค์ชาติ ในประเทศต่างๆ จึงเริ่มเข้าซื้อทอง .. ก็นั่นแหละ สาเหตุหลักๆที่ทำให้ ทองคำ ราคาขึ้นอย่างมหาศาล ... คำถามคือ คุณเชื่อทองคำ หรือ คุณเชื่อรัฐบาลอเมริกันล่ะ ...และการขึ้นของทองตั้งแต่ปี 2002 ก็คือ คำตอบของปัญหาการพิมพ์เงินดอลลาร์ของอเมริกา
ดังนั้น ในภาพใหญ่ ผมก็ยังมองว่า ตราบเท่าที่อเมริกา ยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งคิดไม่ออกเลยว่า เขาจะหลุดพฤติกรรมการสร้างเงินเฟ้อได้อย่างไร เพราะไม่ได้เพิ่งเริ่ม ..มันเริ่มมาตั้งแต่ปี 1971 ตั้งแต่สมัย Nixon แล้ว ... "เราจึงพูดได้คำเดียวว่า สวัสดีชาวโลก!!...555" ... ก็ประมาณนี้นะ นิทานเรื่องทอง ...วุ่นวาย ๆ ๆ
บาทที่สอง เรื่องเล่าของ "ค่าเงิน"
เอาค่าเงินดอลลาร์มาให้ดูกันในภาพใหญ่ยักษ์ ... ปี 2008 Sub-prime คือ Panic ที่คนทิ้ง Asset ทุกอย่าง ทั้งหุ้น ทอง น้ำมัน ..แล้ววิ่งเข้ากอดเงินสด ซึ่งก็คือ ดอลลาร์ ...ทำให้ช่วงนั้น ดอลลาร์แข็งขึ้นไปแตะถึง 36 บาท (ตอนนี้ทั่วโลก กำลังมองว่า เศรษฐกิจจะกลับไปเป็นแบบ Sub-Prime ถึงได้มีการทิ้ง Asset แล้ววิ่งเข้าไปกอดดอลลาร์ ทำให้ดอลลาร์เริ่มแข็งในเวลานี้)..."แต่พูดก็พูดเถอะ มันเป็น Sucker Game เพราะตั้งแต่ 2008 เป็นต้นมา อเมริกันก็พิมพ์เงินดอลลาร์อัดเข้าระบบมหาศาล" --"เพิ่ม Supply เงินว่างั้นเถอะ" ...ดังนั้น ตอนนี้ภาพที่เห็นก็คือ ทุกคนวิ่งไปถือเงินสด
..แต่สุดท้ายเมื่อตลาดเลิก Panic !! -- Asset ต่างหากที่เป็นสิ่งที่จะต้องถือครองในภาพใหญ่ เพราะเงินดอลลาร์มันยังคงจะลดมูลค่าในอัตราเร่ง ตราบเท่าที่รัฐบาลอเมริกัน ยังไม่เลิกพิมพ์เงิน (ว่าแต่ถึงแค่ตอนนี้ เงินที่พิมพ์ออกมาในช่วง Sub-Prime มันก็มากพอที่จะทำให้ เงินเฟ้อพุ่งมหาศาลในอนาคต ...ทุกๆ 1 ดอลลาร์ ที่เข้ามาในระบบธนาคาร ..ธนาคารจะปั๊บเพิ่ม โดยการปล่อยกู้ อีก 9 เท่า ตามหลักของ Fractional Reserve Banking ที่ธนาคารจะต้องมีเงินแค่ 10% นอกนั้น ปั่นหมุนปล่อยกู้ อีกหลายตลบ -- แต่เวลาเศรษฐกิจไม่ดี คนก็กู้น้อย ..กลไกการหมุนเงินของธนาคาร จึงทำงานไม่เต็มที่ ...แต่รัฐบาลอเมริกัน ใช้การสร้างเงินเพิ่มโดย IOU ของรัฐบาล จึงเป็นการสร้าง Supply เงินเพิ่ม ที่จะเป็นระเบิดเวลาที่รอการระเบิด นั่นก็คือ "เงินเฟ้อมหาศาล" เมื่อเศรษฐกิจเร่ิมกลับมา)
..การลงทุน ต้องเข้าใจภาพใหญ่ กำกับเสมอ จะได้รู้ว่า เราเดินมาถูกทางหรือเปล่า ...สู้ สู้ ครับเพื่อนๆ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
เมื่อวันก่อน ผมได้มีโอกาสไปออกรายการวิทยุ Business Line & Life ของคุณม่อน .. มีคนสัมภาษณ์ผมเป็น คนหนุ่มรุ่นใหม่ ทายาทกลุ่ม ธุรกิ...
-
6 ข้อ ปฏิบัติของการเป็น ’นักลงทุนแบบทางสายกลาง’ หลังจากผมลงทุนมานานพอสมควรก็พบว่า ’ทางสายกลาง‘ คือ หลักปฏิบัติที่สำคัญที่ทำให้เราประสบความ...
-
ท่านธนินท์มักกล่าวในงานสัมมนาต่างๆ ถึงแนวคิด "สองสูง" ของท่าน -- ซึ่งสูงแรกก็คือ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และสูงที่สอง คือขึ้นราคาพื...
-
5 ข้อควรรู้ ‘การคิดเผื่อคนอื่น‘ ทำไมทำให้เราเป็นนักลงทุนที่มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น 1. ’คน Gen ก่อน โดยรวมรวยกว่าคน Gen ใหม่ เพราะ เขาคิดสร้างใ...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
6 ข้อ หลักคิดที่ทำให้เราไม่สามารถซื้อหุ้นในจุดที่ราคาถูกที่สุด และ ขายหุ้นในเวลาที่แพงที่สุด 1. ‘หุ้นไม่มีจุดต่ำสุด‘ …หลายคนคิดว่า ซื้อหุ้น...
-
AEC ย่อมาจาก ( ASEAN Economic Community ) ..ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อ ASEAN รวมตัวกันได้ ก็จะทำให้เกิด Win-Win นั่นก็คือ ภาพรวมเศรษฐกิจในปร...
-
"QE2" ตอนนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก เนื่องจากลึกๆแล้ว หัวใจของนโยบายนี้ก็คือ "การเปลี่ยนเงินดอลล่าห์ให้เป็นแบงค์กงเต๊...
-
ตอนนี้แนวทางที่พิสูจน์ตัวเอง ได้สวยในระยะยาวก็เห็นจะเป็นแนว Value Investor (จริงๆแนวอื่นก็สวย แต่เผอิญนักลงทุนที่รวยที่สุดในโลก คือ Warren B...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
แต่สุดท้ายเมื่อตลาดเลิก Panic ----- แล้วเมื่อไหรตลาดจะเลิกพานิคจ้ะ
ตอบลบ