วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554
สงครามค่าเงิน และวิธีการเอาตัวรอดของเรา!!
"ดอลลาร์ ก็คือ เงินสื่อกลางการค้าขายและการแลกเปลี่ยนกว่า 70% ของการค้าโลก(เงินบาทเป็นเสี้ยวเล็กๆของเงินโลก ไม่ถึง1% ด้วยซ้ำ)" ... เมื่อไอ้กัน พิมพ์เงินเพิ่ม -- มูลค่ามันก็ลดลงเป็นธรรมดา !!! .."เงินดอลลาร์ลดมูลค่า ก็แปลว่า เงินโลกมันลดมูลค่าลง -- คือ แม่งปล้นเรานี่หว่า ..คุณเข้าใจไหม!! ...แม่งปล้นกันแบบซึ่งๆหน้า
...และนั้นเป็นเหตุผลที่ ทำไมธนาคารกลางทั่วโลก(ทั่วโลก) แย่งกันซื้อทอง แล้วลด Reserve ที่เป็นเงินดอลลาร์ลง (จริงๆมูลค่าการซื้อของทองมันเท่าเดิม แต่มูลค่าของดอลลาร์มันลดลง เราจึงเห็นราคาทองมันขึ้น -- ซึ่งจริงๆทองไม่ได้ขึ้นเลย!! ดอลลาร์มันลดลงต่างหาก)
....ก็เพราะเมื่อดอลลาร์ลดมูลค่า ก็แปลว่า เงินทั่วโลกมัน "เฟ้อไง!!" ... "เงินเฟ้อ!!" (เรากำลังอยู่ในโลกของ เศรษฐกิจห่วยแตก บวกกับเงินเฟ้อ ... ถ้าเรามีสติ ก็ต้องวางเงินให้ถูกที่จริงไหมครับ)
...ใครสามารถเลือก Asset ได้ถูกตัว ถูกจังหวะ ...คุณจะอยู่รอดในโลกที่บ้าคลั่งในปัจจุบัน!!
ตราบเท่าที่ดอลลาร์อ่อน .. Asset ทุกอย่างจะเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ ... เราเกิดปัญหาอย่างนี้ตอนปี 1997 ตอนนั้นเศรษฐกิจเราดีเกิด Asian Miracle 1 "เงินบาทแข็งเกินไป คือ 25 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ ..ผลที่เกิดขึ้นคือ เราค้าขายขาดดุล นำเข้ามากกว่าการส่งออก ...คือ เราพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ!!"
..วิธีแก้ ก็คือการ Devalue ค่าเงิน ..."คนไทย จนลงครึ่งนึง" แต่ผลคือ ...เราเริ่มส่งออก มากกว่านำเข้า ..ค้าขายกำไร ไม่เสียดุลการค้า
วันนี้..."อเมริกา ดอลลาร์ต้องอ่อน ..อ่อนจนดุลการค้า กลับมา เพราะตอนนี้มันยังไกลจากจุดนั้นมาก ..แถมอเมริกาใช้การยื้อ แทนที่จะแก้ปัญหา ... ถ้าเราเข้าใจภาพที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็ฟันธงไปเลยว่า ดอลลาร์จะต้องอ่อนต่อไป .."ถึงเมื่อไหร่.. ก็เมื่อไหร่ก็ได้ ที่การค้าอเมริกา เริ่มกลับมาสมดุลย์ ไม่ใช่ขาดดุลแบบเละเทะ ขนาดนี้" (ยุโรป ก็ปัญหาเดียวกัน) ...เอเชีย คือ ทวีปเดียวที่แข็งแกร่งเพราะเราค้าขายเกินดุล "ส่งออก มากกว่านำเข้า" (หรือ อีกนัยนึง คือ ค่าเงินเอเชีย โดย เฉพาะ "หยวน" มันอ่อนเกินไป -- แปลว่า ดอลลาร์ต้องลดลง หรือ ไม่หยวนก็ต้องเพิ่มขึ้น)
ในเวลานี้ "ถ้าเราไปเก็บดอลลาร์ ก็เสียค่าโง่อเมริกา" ..สิ่งที่ต้องทำคือ คิดตรงข้าม คือ เราต้องเก็บ Asset ที่เป็น Prime Asset ของอเมริกา .."ลองนึกถึง GE Capital เข้ามาซื้อ NPL บ้านเราตอนปี 1997 ในราคาถูกๆนั่นแหละ"
..แต่ปัญหาคือ อเมริกา ไม่ยอมเสียเปรียบใครในโลก จึงพยายามยื้อค่าเงินให้ค่อยๆลดลง..แทนที่จะ Devalue ค่าเงิน(ทันที แบบที่ใช้ IMF มาบีบบ้านเราตอนนั้น) ที่จะเสียหายมากกว่า -- ดังนั้น ถ้าไปซื้อ Prime Asset อเมริกาเวลานี้ ก็เท่ากับว่า ยังไม่ถูก เพราะเงินเรา(เอเชีย)แข็งได้อีก !!
..เมื่อเงินเอเชีย แข็งได้อีก ก็แปลว่า ในอนาคต เรายิ่งซื้อ Asset ในอเมริกาได้เพิ่มขึ้น ...ประเทศจีน ไม่โง่ จึงพยายามตุน ทอง ตุน Commodity เพื่อลดความเสียหาย จากมูลค่าดอลลาร์ที่ลดลง เนื่องจากจีน ถือหนี้ที่เป็น US มากที่สุดในโลก
... ดังนั้น เวลานี้ องค์กรใดทิ้งทอง ก็จะมีอีกองค์กร หรือ อีกประเทศ จ้องจะเข้ามาซื้อแทน ..เพื่อสุดท้าย เมื่อ Process การแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการใช้ "เงินเฟ้อ"ของอเมริกาจบ .."ราคา Asset พวกนี้ ย่อมราคาขึ้นในอัตราเร่งมากกว่า Prime Asset ของ US เอง -- จีนก็แค่ เปลี่ยนของพวกนี้ ขายในราคาสูง แล้ว ไป Take Over Prime Asset ของไอ้กัน" ...คือ คนหรือประเทศที่ฉลาด ต้องทำตัวเหมือน GE Capital ที่เขมือบไทยตอนปี 1997 ยังไงยั่งงั้นเลย!!
(ที่ผมมานั่งเชียร์ให้ศึกษาการลงทุน "ผมไม่ได้บ้าบอ" แต่ผมเห็นสิ่งที่กำลังมา ..และผมอยากให้คนไทยที่มีสติ -- แน่นอน!! ไม่ใช่ทุกคนที่จะรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ ..แต่คนที่รอด ..เขาจะเป็นผู้นำประเทศไทยในยุคต่อไป ที่จะสร้างชาติ ครั้งใหม่ให้คนไทย ไม่แพ้ใครในโลก -- "ผมเชื่อเช่นนั้น!!")
(มีเพื่อนๆ ถามว่า ..เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วผมแบ่ง Port ของตัวเองแบบไหน) ..ก็มาดูกัน -- ผมมี ที่ดิน .. มี Antique คือของสะสม .. ผมมี ทองอยู่บ้าง ...มีพันธบัตรรัฐบาลบางส่วน ที่ดอกเบี้ยเกิน 6% ไม่ใช่ซื้อตอนนี้ ...เงินสดมีน้อยมาก ...เพราะเงินสดเปลี่ยนเป็นหุ้น ในจังหวะที่หุ้นตกหนักๆ ..ผมสะสมหุ้น Blue Chip ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา .. ตอนนี้ Port ส่วนใหญ่อยู่ใน Blue Chip ...ซึ่งให้ปันผลดีมากๆ ..ผมก็นำปันผลที่ได้ เก็บสะสม แล้วเข้าซื้อหุ้น Penny Stock ที่เสี่ยงมากขึ้น ...ตรงนี้ผมมองว่า High Risk ก็เพื่อ เพิ่มพลังการโตของ Port ให้ก้าวกระโดด ... ส่วน Port เล็กๆ ก็แบ่งมา Trade ศึกษาหาความรู้ เรื่องรอบ และ การขึ้นลงของหุ้น และ Futures ... พวกนี้คือ Asset ที่เราต้อง หาสมดุลย์ของตัวเอง ซึ่งแต่ละคน ผมว่า ไม่มีใครเหมือนกัน
แล้วถ้าถามว่า เมื่อไหร่ผมจะขาย !!... "บอกได้อย่างเดียวว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาขายของ Port ใหญ่ ..เพราะวิกฤตเศรษฐกิจ ที่เราเจออยู่ตอนนี้ มันพึ่งเริ่มต้น เท่านั้นเอง ... ตัวผมเอง ไม่สามารถบอกได้หรอกว่า อะไรจะดีที่สุด ..แต่ที่แน่ๆ Asset ชนะ แบงค์กงเต็ก ในระยะยาวแน่นอน" ... ศึกษาให้มาก มีสติ ..และค่อยๆ บริหารความมั่งคั่งของตัวเอง อย่างมีปัญญา ..ผมเชื่อว่า ทุกคนก็รวยได้ครับ!!
...ส่วนรถเบนซ์ หรือ ของหรูหรา Brand Name ..ซื้อได้ แต่ซื้อแล้ว คุณ Cut Loss ไปเลย เพราะมันไม่ใช่ Asset !!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
6 หลักการ คัดหุ้นปันผลดีเติบโตแล้วเลี้ยงเราได้ไปยาวๆ หลักการนี้สำหรับ คนชอบซื้อแล้วถือ กินปันผลยาวๆ 1. ‘หุ้นมี Market cap ขนาดใหญ่‘ …หุ้น...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
‘หุ้นหนัก หุ้นเบา พอร์ตเราเต็มไปด้วยอะไร’ ...หลายคนน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘หุ้นหนัก’ ก็คือ หุ้นในพอร์ตรายย่อยส่วนใหญ่นี่แหละครับ ลักษณะของมันคือ...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
ขอบคุณครับพี่
ตอบลบหล่อมากเลย กริ้ดดดดดดดดดด
ตอบลบ