5 ลักษณะของหุ้นที่ควรซื้อในโลกเงินเฟ้อสูง
ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่า โลกกำลังเข้าสู่เงินเฟ้อ …พูดง่ายๆ คือ ข้าวของ ค่าครองชีพ และ ราคาสินทรัพย์ พุ่งกระฉูด ซึ่งเกิดจาก 2 ปัจจัย หลักคือ 1. Cost Push คือ ต้นทุนดัน และจะตามมาด้วย 2. Demand Pull คือ ความต้องการคน อยากได้ของก็ยอมจ่ายแพงขึ้น
…หลายคนก็สงสัยว่า เศรษฐกิจแย่ๆ แบบนี้ ทำไมของขึ้น …เอาตรงๆ แค่เรามองไปรอบๆ ตัวก็พอจะเดาได้แล้วว่า ทุกอย่างแพงขึ้น …น้ำมันขึ้น ไฟฟ้าขึ้น ค่าขนส่งขึ้น อาหารกำลังขึ้นตาม เดี๋ยวก็ค่าแรงขึ้น …ที่ขึ้นหนักเลยก็คือ ของที่จับกลุ่มคนรวย (เพราะโควิดแทบไม่กระทบคนรวย) ของกลุ่มนั้นก็ยิ่งขึ้นหนักเลย
มาดูกันว่า หุ้นแบบไหนน่าซื้อในภาวะแบบนี้
1. ‘หุ้นที่จับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อย’ …จะพูดชัดๆ ก็ คือ กลุ่มคนมีเงิน ว่างั้นเถอะ
2. ‘หุ้นที่ทำธุรกิจ ที่ราคาสินค้าไม่อยู่ในการควบคุม’ …หลักๆ ก็ไม่ใช่ของจำเป็นพื้นฐาน เพราะ พวกนั้นรัฐบาลไม่อยากให้ขึ้น ต้องมีการเตะสกัดขากัน เหนื่อยหน่อยละ
3. ‘หุ้นที่เป็นเจ้าของแบรนด์’ …หลักๆ สินค้ามันก็มี 2 แบบ คือ หนึ่ง สินค้าไม่มีแบรนด์ ก็ Commodity พวกนี้แข่งด้วยราคา พอเงินเฟ้อก็เหนื่อย ..สอง สินค้ามีแบรนด์ อย่างน้อยก็พอมี มาร์จิ้น ให้พอเอาตัวรอด เพราะ ไม่ได้แข่งที่ราคาอย่างเดียว
4. ‘หุ้นที่ธุรกิจแข็งแกร่ง และยังไม่หยุดขยาย’ …ถ้าธุรกิจแข็งแกร่งแต่ไม่ขยายก็กลายเป็นธุรกิจ Cash Cow ปันผลสูง แต่ธุรกิจไม่โต …ถ้าเราอยากได้หุ้นที่ขึ้นต่ออีกหลายๆ เด้ง ก็ต้องเลือกหุ้นที่เขายังขยายอยู่นั่นเอง (อย่างหุ้นในตลาดไทย ขยายในประเทศ น่าสนใจกว่าธุรกิจที่ต้องขยายไปต่างประเทศ เพราะ ในเวลานี้ขยายไปต่างประเทศมันยากกว่า)
5. ‘หุ้นที่เจ้าของ ยังถือในสัดส่วนที่เยอะ’ …หุ้นทุกตัวมันก็เริ่มจากเล็กไปใหญ่ …ตอนเล็กๆ เจ้าของก็ยังถือเยอะ แต่พอธุรกิจใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของก็ขายออกไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นหุ้นมหาชนไปในที่สุด …ช่วงที่โตหลายเด้งมากที่สุดของหุ้น ก็ช่วงที่เจ้าของผู้ก่อตั้งยังถือเยอะนั่นเอง
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น