เข้ามาสู่ Mode ปลายปี ผมเชื่อว่า หลายๆคนเริ่มมานั่งคิดว่า ปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง นั่ง Review ว่าทำอะไรมาบ้าง แล้วดีหรือแย่อย่างไร ... "แล้วปีหน้าจะทำอะไร"
เอ๊ะ!! จริงหรือ ... ใช่ !! จริงๆ มีบางคน เขานั่ง Annual Review ประจำปีจริงๆ ครับ แต่คนเหล่านี้เป็นคนส่วนน้อยซึ่งแปลกๆ คุณว่าไหม -- "แปลกว่ะ ...ฮ่า ฮ่า"
สิ่งที่ผมอยากจะแชร์มุมมองในวันนี้ คือ "การแก้ปัญหา" ...แน่นอน ทุกคนมีปัญหา แต่การ Approach ปัญหา ของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ...เช่น คนที่มีประสบการณ์เยอะหน่อย ก็จะเผชิญปัญหาด้วยจิตใจที่นิ่งมากกว่า ...ผมไปอ่านเจอเรื่องนึงของการมองปัญหาโดยนักลงทุนท่านหนึ่ง เขาเล่าว่า ทุกปัญหามันมีทางแก้ เพียงแต่ มันขึ้นกับคนที่เผชิญปัญหาจะเลือก ก็เท่านั้นเอง
เขาเปรียบ "ปัญหา" เหมือน "หลอดไฟ" ...สมมุติ ว่า ปัญหาก็คือ ไฟที่สว่าง เปรียบกับปัญหาที่ติดอยู่ ...หลายคนอาจบอกว่า "ก็เดินไปปิดไฟซิ ปัญหาก็จบ จริงไหม" ...แต่ใน ชีวิตจริงๆ มันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น เพราะ มันมีเรื่องของจิตใจ ที่มันอยู่เหนือเหตุผล ...ลองคิดดีๆ นะครับ สมมุติหลอดไฟเป็นปัญหา หากเราจะแก้โดยที่ไม่ปิดไฟ ก็ปล่อยให้เวลามันแก้ สุดท้ายหลอดมันก็ขาดเอง ปัญหาก็จบ แต่เราไม่รู้ว่า มันใช้เวลานานแค่ไหน จนกว่าปัญหาจะดับลง !! ...เรื่องนี้ถ้าโยงเข้ามาสู่การลงทุน มันชัดเจนว่า นักลงทุนทุกคน ล้วนต้องเจอปัญหา เช่น "ติดดอย คือ ซื้อปั๊บ กลายเป็นเราซื้อจุดสูงที่สุดทันที จากนั้น พอเราขายไม่ทัน เราก็ทนถือต่อเพื่อหวังว่า เดี๋ยวราคามันก็คงกลับมา ..แต่เรื่องจริงคือ เวลาหุ้นมันเข้าสู่ขาลง มันก็จะลงไปจนสุด ...ไอ้ที่ว่าสุด ก็คือ จุดที่ลึกสุดของการลงแต่ละรอบ มันมักจะลงจนต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานจริงๆ ของหุ้น เรียกได้ว่า ลงลึกจนไม่สามารถทำใจได้ -- และเรื่องนี้ จะทำให้นักลงทุน ต้องทำสิ่งที่แย่ที่สุด นั่นก็คือ ตัด Cut Loss ในจุดที่ต่ำที่สุดของรอบการลงนั้นๆ" ....ปัญหาที่ผมเล่ามานี้ เป็นเรื่องที่ผมบอกได้เลยว่า นักลงทุนทุกคน ..ขอย้ำว่า ทุกคนต้องเจอ ถ้าใครบอกยังไม่เคยเจอ ผมบอกเลยว่า คุณทำใจเถอะ เพราะวันนึงทุกคนที่เป็นนักลงทุนต้องเจอ
ผมกำลังจะชี้อะไร ?? ...ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า "ปัญหา" กับ "นักลงทุน" มันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กัน ...ไม่มีนักลงทุนคนใดที่ได้กำไรตลอดการ ดังนั้น ทางแก้ที่ดีที่สุด คือ หัดเข้าใจปัญหา แล้วเตรียมการคิดเผื่อไว้ก่อนเลยว่า ถ้าปัญหานี้ "เช่น ปัญหาการซื้อหุ้นที่แพงที่สุด และขายหุ้นที่ Low ที่สุด" จะต้องเกิดขึ้นกับเราแน่นอน -- พอเกิดปัญหาจริงๆ เราก็จะมีสติ และ คิดแก้ปัญหาได้นิ่งกว่าคนทั่วไป
หลายคนอาจสงสัยว่า ผมยกประเด็น การซื้อแพงสุด แล้วขายถูกสุดๆ ขึ้นมาเพื่ออะไร .... จริงๆ แล้วผมอยากจะ สื่อให้นักลงทุนมือใหม่เข้าใจว่า ปัญหาที่คุณเจอ มันเป็นสิ่งที่ นักลงทุนรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์ เขาเจอมาแล้ว แล้วก็แก้ได้แล้ว
โอเค!! ทางแก้ มี 2 ทาง คือ
หนึ่ง การใช้ "เวลา" ในการแก้ปัญหา ...ในกรณีที่เราซื้อหุ้น ที่เราวิเคราะห์มาอย่างดีว่าเป็นหุ้นที่ดี และมีอนาคต ...การที่เราซื้อปั๊บแล้วติดดอย (ซื้อราคาสูงที่สุด ก่อนจะลง) นั่นแปลว่า เราเข้าใจพื้นฐาน แต่จังหวะของเราห่วย ...จริงๆ แล้ว สิ่งที่มากกว่า แค่พื้นฐานในเรื่องของหุ้น ก็คือ มันมีเรื่องของ Demand & Supply เข้ามาด้วย ...เพราะ ถ้าราคามันขึ้นลงตามพื้นฐานเป๊ะๆ คิดได้เลยว่า มนุษย์ทุกคนที่เล่นหุ้นก็ควรได้กำไรจริงไหม แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่ ...คนส่วนใหญ่กลับขาดทุน เพราะ ดันซื้อแพง พร้อมๆคนอื่น เวลาหุ้นมีข่าวดี แล้วมาแห่ขายถูกๆ พร้อมคนอื่นๆ ในเวลาที่มีข่าวร้าย -- ถ้าจะว่ามันเป็น กับดัก ทางความคิด ที่มนุษย์ทุกคนคิดเหมือนๆ กัน ก็น่าจะใช่ ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด คือ "เวลา" ...คือ ถ้าคุณแน่ใจแล้วว่า วิเคราะห์พื้นฐานมาถูกต้องว่ากิจการต้องดี การแก้ปัญหา การซื้อในจังหวะที่ผิด ก็คือ รอให้ราคามันกลับมา เพราะ สุดท้ายราคาหุ้นแม้จะผันผวนเท่าใดก็ตาม สุดท้าย ราคาก็ต้องวิ่งกลับมาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงอยู่ดี (แต่อาจใช้เวลานาน ซึ่งเราต้องเข้าใจตรงนี้ดีๆ) .... ดังนั้น ถ้าเราผิดที่จังหวะ ก็ให้เวลามันช่วย ก็เป็นทางแก้แบบนึง ที่ใช้ความอดทนในการแก้ปัญหา ...เรื่องนี้ ถ้าเทียบกับชีวิตจริง มันก็คล้ายๆ การซื้อที่ดิน ...การซื้อที่ดิน ส่วนใหญ่ เราไม่ได้กำไรในเวลาสั้นๆ แต่มักใช้เวลานาน ...บางครั้ง นานมาก แต่สุดท้าย แม้ว่าเราซื้อแพง ณ จุดใดจุดหนึ่ง แต่สุดท้าย เมื่อเวลาผ่านไป เมืองเจริญขึ้น ในที่สุดราคาที่ดินก็จะเพิ่มขึ้นในระยะยาว ...แล้วถ้าดูกันจริงๆ คนไทย ที่รวยจากที่ดินเยอะมาก เพราะ สุดท้ายราคามันขึ้นมากเกินคาด !!
สอง การลองเจ็บตัวดู !! -- ฮึม!! อาจจะฟังดูแล้วเป็นคำตอบที่กวนๆ แต่มันได้ผลจริงๆ ...ใครที่ทนไม่ได้ เช่น ซื้อแล้วหุ้นลงเลย จากนั้น ก็ลงมาจนทนไม่ได้ ก็ลองขายดู ขายมันที่จุดต่ำสุดของรอบนั้นแหละ ...แต่สิ่งที่ผมอยากให้ทำเพิ่มคือ ขายไปแล้ว ให้เฝ้าดูราคาต่อไป ...แล้วลองดูซิว่า เราได้ขายในจุดต่ำสุดๆ จริงๆ ของรอบนั้นๆ หรือไม่ ... ถ้าใช่ คำถาม คือ คุณเรียนรู้อะไรจากข้อผิดพลาด ... คุณรู้ไหมว่า คนส่วนใหญ่ ที่ซื้อแพง ขายถูก ...สุดท้าย ราคาหุ้นที่ขายถูกก็ขึ้นต่อไป ...แต่ประเด็นคือ เมื่อเขาขายทิ้งแล้ว เขาไม่อยากมาดู ไม่อยากรับรู้ และ เมื่อไม่อยากรับรู้ ผลก็คือ เขาไม่เคยเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองเลย ...จากนั้น ชีวิตเขาก็จะวนเวียนอยู่กับข้อผิดพลาดเดิม ๆ ก็จะซื้อแพง ขายถูก มันทุกรอบไป ...เล่นยังไงก็ขาดทุน -- ครับ!! ปัญหาจริงๆ มันคือ เขาไม่เคยที่จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
สิ่งที่ผมเสนอทั้ง 2 วิธี มันเป็น การแก้ปัญหาที่เอา "การเรียนรู้" เป็นที่ตั้ง ...เพราะ ผมเชื่อว่า มนุษย์ทุกคน สามารถทำผิด ทำพลาดได้ ..แล้วในชีวิตจริงๆ มันมีคนอยู่ 2 ประเภท เท่านั้นแหละ คนประเภทแรกก็คือ คนที่รู้จักเรียนรู้จากข้อผิดพลาด แล้วแก้ไข หลังจากนั้น คนเหล่านี้ก็จะเก่งขึ้น เข้าใจชีวิต เข้าใจการลงทุนมากขึ้น ...มันเป็นวิธีคิดของ คนที่รู้จักพัฒนาตัวเอง มันคือ ชีวิตแห่งการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์
ส่วนคนประเภทที่สอง คือ คนที่ไม่เคยเรียนรู้จากข้อผิดพลาด เพราะ เขาเลือกที่จะไม่รับรู้มัน ...ผลก็คือ เขาก็จะทำความผิดเดิมซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ผิดแล้ว ผิดอีก ....ผมว่าคนส่วนใหญ่เป็นแบบที่สอง เพราะ การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด มันเสมือนว่าเรายอมรับผิดกับปัญที่เกิดขึ้นมาว่าเป็นความผิดของเรา ...คำถาม คือ คุณเป็นคนที่ใจกว้างพอหรือเปล่า ที่จะรับว่า ทุกปัญหามันเกิดขึ้นที่ตัวเรา
การแก้ไข !!
หลายคนพูดเรื่องการแก้ไข ..ผมจะแก้ไขปัญหาของเมือง แก้ปัญหาประเทศ แก้ ๆ ๆ ๆ ...แต่เขาลืมไปว่า จริงๆ การที่เราคิดจะไปแก้ปัญหา มันไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง โดย เฉพาะในโลกของนักลงทุน ...คิดดีๆ นะครับ การที่เราพยายามไปแก้ปัญหาให้คนอื่น มันเสมือนเราไปเพิ่มปัญหาให้เขาหรือไม่ ...คนที่ผูกปัญหา คนนั้นแหละ ที่เหมาะที่สุด ที่จะเป็นคนแก้ปัญหานั่นๆเอง
นั่นแหละ หนึ่งในหลักสำคัญของการเป็นนักลงทุนที่ดี ...คือ ให้เรารู้จักเรียนรู้จากข้อผิดพลาด แล้วแก้ปัญหานั้นๆ ด้วยตัวเอง ถึงจะเป็นการ ต่อสู้กับปัญหาที่ดีที่สุด .... ล้มเอง ก็ลุกขึ้นมาเอง อย่าไปพยายามหาคนมาช่วย (เหยียบซ้ำ) ...คนส่วนใหญ่แก้ปัญหาขาดทุนในหุ้น ด้วยการพยามซื้อหุ้นปั่น เพื่อจะได้กำไรให้ Port กลับคืนมาเร็วๆ ...อันนั้นเขาไม่เรียกการแก้ปัญหา แต่มันเรียกว่า การขุดหลุดพลาง แล้วฝังตัวเองลึกขึ้นไปเรื่อยๆ ...สุดท้าย คุณนั้นแหละ ขุดหลุมฝังตัวเอง
เอาใจช่วย กับคนที่เจอปัญหา ให้ลุกขึ้นสู้ .... ขอให้เรียนรู้ และ ขอให้ลุกขึ้นอย่างสง่าด้วยตัวคุณเอง !!
ขอบคุณสำหรับบทความคะ--ทุกปัญหามีทางแก้ไข :)
ตอบลบ