แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

ผู้ใหญ่ กับ เด็ก ..ต่างที่ความคิด"ล้มบ้างก็ได้"



หนุ่มพีร์ ส่งคลิ๊ปนี้มาให้ดู ก็เลยเอามา Post เลย เพราะอยากจะเขียนเรื่องนี้อยู่นานแล้ว ...มันเป็นเรื่องของคำถามที่ว่า "ผู้ใหญ่ กับ เด็ก ต่างกันตรงไหน" ...คนส่วนใหญ่มองว่าที่อายุ แต่ผมกลับมองต่าง ผมว่ามันต่างกันที่ ประสบการณ์

เรื่องราวที่แต่ละคนเจอมามันเป็นสิ่งที่ Unique คือ มันมีแบบเฉพาะของแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน ...ประเด็นสำคัญมันเริ่มจาก จุดเริ่มต้น เราทุกคนได้รับการศึกษา และ เรียนรู้ในแบบคล้ายๆกันใน โรงเรียน ในสังคมที่เราอยู่ ..ดังนั้น คนที่เกิดในยุคใดๆ ก็จะได้อานิสงค์ และบทเรียนที่หล่อหลอมจากยุคนั้น ..ยกตัวอย่าง ผู้นำโลกในปัจจุบัน ตอนนี้มักได้รับอิทธิพลและค่านิยมจากยุค 80 ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ ก็เช่น Bill Gates / Steve Jobs ซึ่งปัจจุบัน คนเหล่านี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับหัวกระทิของโลก ..."พูดง่ายๆว่า คนเหล่านี้ มีผลต่อแนวคิดและทางเดินของคนรุ่นหลังมากมาย ...เพราะเขาเป็น IDOL ของเด็กรุ่นหลัง" -- จะว่าไปแล้ว Bill Gates นี่ก็เป็นหนึ่งใน IDOL ของผมเลย

"ความคิด" ของ Bill Gates เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา ผมไม่ได้พูดถึงในด้านธุรกิจ ซึ่งแน่นอนสิ่งนั้นอาจเคยเป็นด้านมืดของเขาที่เป็น ผู้ผูกขาดต่างๆนานา ..แต่จุดที่ผมสนใจคือ จุด Change ของ Bill Gates ที่เปลี่ยนจากผู้กอบโกย เป็นผู้ให้ .."มันสะกิดให้ผมคิดได้ว่า อดีตเป็นอย่างไร ไม่สำคัญเคย เพราะมันได้ส่งผลถึงปัจจุบันที่เราเป็นอยู่ขณะนี้ ดังนั้น ยากดีมีจน คือ ผลจากอดีตทั้งนั้น เลวชั่วช่างมัน เพราะผลคือจุดที่เรายืน ..สิ่งที่น่าสนใจคือ Bill gates ชี้ให้ผมเห็นว่า เมื่อเขาเปลี่ยนปัจจุบัน มันส่งผลถึงอนาคต ที่เขาเลือกที่จะเป็น -- มันเป็นทางเลือกของ Giver & Taker (หลายคนนึกว่าการ Give อย่างเดียวจะยั่งยืน แต่ผมว่า ไม่ใช่เลย ...การให้อย่างเดียวก็ไม่ยั่งยืน เพราะเสมือนการเทน้ำ สุดท้ายมันก็ต้องหมดแก้ว ไม่สำคัญว่าแก้วน้ำคุณจะใหญ่และมีน้ำมากน้อยเพียงใด ...ดังนั้น การให้ทางเดียวก็ไม่ยั่งยืน มันถึงต้องให้และรับด้วย ...การรับในมุมของ Bill Gates ผมมองว่า เขาได้รับในมุมของ "ความสุข" ...ซึ่งผมก็สัมผัสได้นะ เวลาเห็นคนที่ประสบความสำเร็จ รวยมากๆ ผมก็ว่า มันก็เฉยๆ แต่ในมุมของ Bill Gates ผมกลับรู้สึกยกย่องในสิ่งที่เขาทำ ในเรื่องของมูลนิธิ และการช่วยเหลือคนให้ได้มากที่สุด ..ซึ่งในความเป็นจริง สมองแบบ Bill Gates หากให้เขาหาเงินต่อ คงครองโลกไปแล้วในเชิงจำนวนเงิน แต่ในแง่ความเกลียดชังของสังคมมันจะยิ่งเพิ่ม จนในที่สุด Bill Gates อาจไม่มีแผ่นดินอยู่ หรือจบชีวิตแบบเผด็จการต่างๆ ที่รวยมหาศาลแต่ศพไม่สวยก็ได้ ..และนั้นคือ ปัญหาของ "Take" อย่างเดียว

ฮึม!! ใช่ พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้น "ทางสายกลาง" ทุกอย่างต้องสมดุลย์ในตัวของมันเอง จึงจะสมบูรณ์

กลับมาในประเด็นของความเป็น "ผู้ใหญ่" มันจึงไม่ได้อยู่ที่อายุ ..พูดตรงๆ ผมว่ามันตัดสินกันที่ "ความคิด" ..ผมไม่ได้พูดในแง่ความรู้นะ เพราะเดี๋ยวนี้ "ความรู้" ของเด็กยุคนี้ (ยุคที่มี Google) ..ผมว่าเด็กยุคนี้ บางคนเก่งกว่า CEO อีกในเชิงของความรู้ เพราะเขาสามารถรู้ทุกอย่างในโลกเพียงปลายนิ้ว ...แต่สิ่งที่เขาสู้ผู้ใหญ่ ไม่ได้คือ "ประสบการณ์"

"อะไรคือ ประสบการณ์" ..ครับ!! ประสบการณ์ก็คือ สิ่งที่แต่ละคนได้เอาความรู้ที่มี ไปลองปฏิบัติจริงในชีวิต ซึ่งถ้าทำแล้วเหมาะกับตัวเรา ผมว่ามันคือ "ปัญญา" ..ถ้ามองในภาพรวมคือ การที่เราแสวงปัญญา เราก็จะได้ประสบการณ์นั่นแหละ เพราะมันคือ การรวมรวมทั้งเรื่องที่ถูกต้องและผิด เป็นบทเรียนใส่ใน Hard drive สมองของแต่ละคน -- "ยิ่งมีประสบการณ์มาก มันก็ยิ่งสะท้อนความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น"

ผมคุยกับรุ่นน้อง เขามาปรึกษาเรื่องแฟน คือ เดิมทีเขามีแฟนแล้วก็เลิกไปเพราะทะเลาะกันทุกวัน แล้วตอนนี้เขาเจอคนใหม่ ..เขาแปลกใจมาก ว่าทำไมกลับคนใหม่ ไม่ทะเลาะกันเลย ..คือ เขาบอกว่า แฟนเขาไม่คิดทะเลาะด้วย เพราะมองว่า ไม่จำเป็นต้องทะเลาะ ...ซึ่งรุ่นน้องผมเขาก็หงุดหงิด เพราะคนเป็นแฟนกัน มันต้องทะเลาะกันบ้าง จึงจะได้รสชาติ ..."ผมก็สงสัยว่า ทำไมแฟนคนใหม่เขาเป็นโรคอะไรหรือเปล่า เลยถามไปว่า แฟนใหม่นี่เขาเคยเจออะไรหนักๆในชีวิตมารึเปล่า" ..."ใช่!! หนักมาก" ..มิน่าเล่า เขาถึงมองเรื่องการทะเลาะเล็กๆน้อยๆเป็นเรื่องไม่จำเป็น ก็เพราะเขาเคยเจอสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นมาก -- คือ เรื่องนี้ผมมานั่งนึกๆ เข้ากับหลักธรรมต่างๆ ที่พยายามสอนกัน ว่าให้ปล่อยวาง ..ซึ่งฟังง่าย แต่จะให้ปฏิบัติจริงเรื่องปล่อยวางนี่ผมว่า โคตรยาก!!

ลองนึกดู ถ้าทุกคนปล่อยวางได้ จะมี การเอาปืนมายิงกัน เพราะสาเหตุจาก ขับรถปาดหน้าไหม ..."คิดดูซิครับ ไอ้คนที่ไปยิงคนอื่นตายเพราะเรื่องงี่เง่า แค่ขับรถปาดหน้า ก็เพราะมันปล่อยวางไม่ได้ ...แต่ถ้าถามว่า หากย้อนเวลากลับได้ เขาจะทำไหม ...ผมเชื่อว่าเขาคงไม่ทำ!!" ...นั่นแหละปัญหา "ปล่อยวาง..ไม่ได้"

"ปล่อยวาง" -- ไอ้เรื่องนี้แหละที่แบ่งผู้ใหญ่กับเด็ก ...เพราะที่เราเห็นผู้ใหญ่ มักจะสุขุมกว่า วัยรุ่น ไม่ใช่เพราะผู้ใหญ่ฉลาดหรือรู้มากกว่า แต่เพราะเขา เคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาก่อน หรือเจอเรื่องที่หนักกว่าเรื่องนั้นมากนัก ..ผู้ใหญ่ถึงปล่อยวางเรื่องไร้สาระได้ดีกว่าเด็ก ..และนั้น อาจหมายถึง "จุดเล็กๆ ก็คือ จุดเปลี่ยนชีวิต" ...ครับ อยู่ในคุก หรือ อยู่นอกคุก...อิ อิ

(มีแบบฝึกหัดเรื่องการ "ปล่อยวาง" คุณรู้ไหม ที่ฝึกการปล่อยวางได้ดีที่สุด ไม่ใช่ในวัด ..ครับ!! บนถนน ตอนขับรถนี่แหละ ...ใครปาดหน้าคุณ ก็ปล่อยเขาไปบ้าง ..ใครแซง เล็กๆน้อยๆ ก็ให้อภัยกันไป ..จริงๆ มันทำให้เราอาจช้าลงไปสัก ไม่กี่วินาที ...ลองฝึกกันดู)

ผมเคยเขียนบทความแนะนำ ให้คนรุ่นใหม่ หัดล้มบ้าง ทำธุรกิจเจ็งบ้าง หรือ ล้มเหลวบ้าง ตั้งแต่อายุยังน้อย ...นี่แหละปัญหาของระบบการศึกษา การศึกษาสอนว่า "อย่าล้มเหลว ตอนเด็กๆ ไม่งั้น คุณจะสอบตก หมดอนาคต...อ่ะนะ จะให้ตู ไปล้มเหลวตอนแก่ เหมือนคนส่วนใหญ่ในโลกหรือไงฟะ..อิ อิ" ...ผมว่าไม่มีใครไม่เคยล้มนะ ก็เหมือนขี่จักรยาน เรียนให้มันรู้ว่าล้มเป็นอย่างไร จะได้มีสติ ไม่ใช่ฝันเฟื่องมองไปว่า โลกมันสวยงามอย่างนั้นอย่างนี้ ...ครับ!! นั่นคือ เด็กไง

เอาว่า เขียนบทความนี้แชร์มุมมอง บางครั้ง "มุมมอง" เพียงเล็กน้อย มันเปลี่ยนชีวิตของคนคนนึงไปเลย .."อะไรปล่อยวางได้ ก็ปล่อยวางบ้าง..มีสติ แล้วใช้ชีวิตด้วยปัญญา แล้วผมเชื่อว่าเราจะเดินอย่างฉลาดและมั่นใจขึ้น"

อย่าไปกลัวความล้มเหลว เพราะทุกอย่างก็เป็นประสบการณ์ ซึ่งส่งผลถึงแค่วันนี้ "ก็ในเมื่อความล้มเหลวในอดีต ส่งให้เราแย่สุดก็แค่วันนี้ ที่เราเป็น!!" ..ก็เปลี่ยนวันนี้ ให้อนาคตมันดีซิครับ ...เท่ห์กว่า ...อิ อิ

สู้ สู้ ครับ เพื่อนๆ ทาเคซิ

3 ความคิดเห็น:

  1. อย่าไปกลัวความล้มเหลว เพราะทุกอย่างก็เป็นประสบการณ์ ซึ่งส่งผลถึงแค่วันนี้ "ก็ในเมื่อความล้มเหลวในอดีต ส่งให้เราแย่สุดก็แค่วันนี้" ..ก็เปลี่ยนวันนี้ ให้อนาคตมันดีซิ ^_____^

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ9 มกราคม 2555 เวลา 12:37

    มันแย่ตรงที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายมักตั้งหน้าตั้งตาชี้แนะและอบรมสั่งสอนเด็ก จนเด็กไม่มีโอกาสล้มเหลว หรือไม่ได้สิทธิที่จะลองล้มเหลว และถ้าหากเด็กคนใดบังอาจล้มเหลวก็จะถูกผู้ใหญ่ลงโทษด้วยกฏกติกาอันชอบธรรมต่างๆ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ9 มกราคม 2555 เวลา 20:55

    โดนตีกรอบให้อยู่ตรงนี้แหละที่น่าเบื่อ แต่ถ้าไม่มีกรอบเลย สังคมมันจะเละเทะมั้ย คิดแล้วปวดหัวใครรู้ช่วยตอบที

    ตอบลบ

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ