วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555
คุณเป็นคนแบบไหน!!
ว่างๆ เลยเอาเรื่องนี้มาแชร์ให้อ่านกัน
ผมเผอิญไปคุยกับผู้บริหารองค์กรแห่งหนึ่ง ...เขาถามผมว่า "คุณแพ้ท ทำ Social Network ให้เกิดประโยชน์เก่ง ..มีวิธีไหนบ้างไหม ที่จะทำตรงนี้ให้เกิดประโยชน์ ต่อลูกน้องของเขาในองค์กรได้บ้าง"
"โอโห!! มากมายครับท่าน ..จะทำอะไรล่ะ อะไรคือ โจทย์ครับ"
"ก็เดี๋ยวนี้ เด็กรุ่นใหม่ เก่งๆเยอะ แต่ปัญหาคือ งานมันไม่ท้าทายอีกต่อไป ..เรียกว่า คนเก่งกว่างาน ...งานมันพัฒนาไม่ทัน ดังนั้น การทำงานในองค์กรอย่างของผม จึงเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่ มองว่ามันน่าเบื่อและไม่มีแรงกระตุ้น หรือ เป้าหมายระยะยาวในการทำงาน"
"ผมว่า มันจริงเลยแหละ เดี๋ยวนี้ Technology และการสื่อสารมันเชื่อมโยง ส่งผลให้ Productivity ต่อคน มันก้าวกระโดด คนเดี๋ยวนี้ คนเดียวอาจสามารถทำสิ่งที่ ใช้คน 10 คนในอดีตทำ ..มันแปลว่า คนเก่งคนเดียวในปัจจุบัน สามารถแทนคน 10 คน ..ผลก็คือ คนอีก 9 คนตกงาน ส่วนคนเก่งคนนั้น ได้เงินเดือนมากขึ้น ...ภาพที่เกิดในเศรษฐกิจปัจจุบัน ก็อย่างที่เป็นอยู่ ระบบ The Winner Take All ...คนส่วนใหญ่ที่จน ก็ยิ่งจน ..ไอ้คนที่รวย -- ยิ่งเก่ง ก็ยิ่งรวย" ..วิธีแก้จริงๆ ผมว่ามันมีตัวอย่างให้เราเห็นแล้วในตะวันออกกลาง คือ คนส่วนใหญ่ที่ถูกกดขี่ รวมตัวกันเพื่อล้มกระดาน และปลดผู้นำเผด็จการ ..สิ่งเหล่านี้มันมีทุกยุคทุกสมัย อย่างของประเทศจีน ก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จะขึ้นมาคุมอำนาจ ...ประเทศจีนก็เคยอยู่ใต้ระบบจักรพรรดิ์ -- มองง่ายๆนะ ..ระบบอะไรก็ตาม ที่มีมันไม่ WIN-WIN สุดท้ายมันจะพัง ...เพราะไม่มีใครยอมถูกกดขี่ ตลอดกาล
หากเรามองให้ดีแล้ว ทุกอย่างในโลก ถ้าพูดตามธรรมชาติ คือ ความรวยความจน มันเป็นเรื่องสมมุติ ที่คนในอดีตวางกฏเกณฑ์ แล้วสร้างกฏหมายขึ้นมาแทนกฏหมู่ จากนั้นก็มีตำรวจ ทหารมาทำหน้าที่รักษากฏเกณฑ์นั่นๆของสังคม ..."สิ่งเหล่านี้ มันจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่คนส่วนใหญ่ ยังโอเค กับกฏเกณฑ์นั้นๆ ..แต่ถ้าวันใด ที่คนส่วนใหญ่เป็นผู้เสียเปรียบ และคนที่ได้เปรียบก็ พยายามเอาเปรียบและกอบโกยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ...ใช่!! ไอ้คนนั้นอาจคุมทั้งอำนาจรัฐ และ คุมเศรษฐกิจ ..รวยเป็นล้านล้าน -- ตัวอย่างล่าสุด คุณรู้ไหม พอเขาเอาบัญชีทรัพย์สินส่วนตัวของคนในโลกมาเปิดดู ...คุณว่าใครรวยที่สุดในโลก ..รวยกว่า Bill Gates รวยกว่า Warren Buffett ...ฮึม!! ใช่ กัดดาฟี ...นั่นแหละ เขาคุมทุกอย่างใน ลิเบียมากว่า 40 ปี .."จุดจบเป็นอย่างไร ทุกคนก็เห็นอยู่ ..รวยมากแล้วไงล่ะ ...ประชาชนลุกขึ้นมา สุดท้ายเขาก็โดนฆ่าตาย" ..ประเด็นคือ ถ้ากัดดาฟี ไหวตัวทัน แล้วเปลี่ยนจากผู้กอบโกย เป็นผู้ให้ แล้วสร้างให้ประเทศเป็นประเทศแห่งโอกาส ..เรื่องราวของเขาคงไม่เป็นแบบนี้ จริงไหม!!
พูดมาซะยาว ..ประเด็นมันย้อนกลับมาที่ไอเดียของ CEO 3 ยุค (อันนี้เผอิญได้ไปฟัง ไอเดียจากอาจารย์ วรภัทร์) อาจารย์เล่าว่า CEO 1.0 เป็นยุคของ Selfish คือ "ยุคกอบกอบโกย ลูกน้องคือเครื่องจักร ..ลูกค้าคือ ควาย กูรวยคือ พระเจ้า ยิ่งโกยเข้าตัว ยิ่งใหญ่ ยิ่งกร่าง -- ในที่สุด คนรอบข้างเกลียดมัน!!..ใช่ CEO 1.0" ...สอง CEO 2.0 "ยุค Give & take และ ความยั่งยืน" ...ระบบวางอยู่บน Win win ...สาม CEO 3.0 "Spiritual" (เกิดมาทำไม ทำไปทำไม ตายแล้วไปไหน ...ตกลงเอ๊ง!! ทำอีหยังอยู่) ...จิตวิญญาณ ...เมตตา สร้างสรรค์ สงบ ยั่งยืน ...ลองฟังอาจารย์ดู เท่ห์ดีนะ -- ชอบการเปรียบเทียบของอาจารย์ "เวลาเราเล่นเกม Monopoly (เกมเศรษฐี) ลองนึกภาพคนเล่น 4 คน ...เกมมันไม่เคยจบ เพราะจะมีคนนึงรวย ส่วนอีก 3 คนเสียตลอด ..คือ มันมันส์อยู่คนเดียว อีก 3 คนก็จะ รวมกันแล้วบอกว่า ..เลิกเล่นเหอะ!! ...เหมือนประเทศทุนนิยม ที่มีคนกุมอำนาจและโกยทุกอย่างเข้าตัว สุดท้ายคนจนจะรวมตัวกันเพื่อล้มกระดาน ...แต่ถ้าคนรวยคนนั้นเปลี่ยนความคิด แล้วดันทุกอย่างออกนอกตัว ...(เกมนี้ Bill Gates คิดทันนะ) แต่ผู้นำ และ นักการเมืองไทย ยังคิดไม่เป็น" ..สักวันก็คงต้องถูกล้มกระดาน ..."จริงๆ มันก็กำลังเกิดขึ้นในบ้านเราตอนนี้นั่นแหละ"
เออ!! สรุปแล้วที่พูดมา มันเกียวอะไรกับ การใช้ Social Network ในการสร้างประโยชน์ในองค์กรล่ะ ..."น่าคิดนะ"
ไม่รู้ครับ ..แต่ที่แน่ๆ ผมมองว่า มันขึ้นกับ "ตัวเอง" ของแต่ละคน ...ในองค์กร ถ้าแบ่งคนง่ายๆ มันมี 2 พวก ..คือ หนึ่ง พวกที่รักความสบาย คนเหล่านี้ขอทำงานไปวันๆ Routine ..ขอสบายๆ เงินง่ายๆ ทำงานไปเรื่อยๆ เพื่อได้เงินมาซื้อของ Shopping ...ความสุขของฉันคือ การได้ใช้เงินน่ะ ..ยิ่งซื้อของก๊อปได้เหมือนเท่าไหร่นะ แม่เจ้า!! มันภูมิใจ ..แต่คนเหล่านี้เก่งมาก เรื่องนินทาคนอื่น ..คิดเก่งมาก ว่าคนนั้นคนนี้ มีข้อไม่ดีอย่างไร ..แต่งานตัวเองนะ ฮึม!! ไม่ไปไหนเลย ...เงินเดือนไม่ว่าจะเพิ่มเท่าไร ไม่เคยพอใช้ เพราะอยากใช้มากกว่าที่หาได้เสมอ (อันนี้เป็นกฏเลย ...เพราะเงินเดือนแสน ยังไม่พอเลยอ่ะ)
พวกที่สอง พวกรักความก้าวหน้า ..พวกนี้มีความสุขที่ จะได้รู้ว่า วันนี้เขาได้เดินเข้าไปใกล้เป้าหมายมากเพียงใด ...ความสุข อยู่กับการที่ได้รู้ว่า "ชีวิตมีการพัฒนา" ...เหนื่อยครับ ผมเข้าใจดี เพราะผมก็เป็นมนุษย์พวกนี้ ... "มีหลายคนถามว่า มันดียังไง ..ฮึม!! ก็บอกไม่ได้หรอกว่าดียังไง ..เอาว่าดีตรง ผลลัพธ์ละกัน เพราะ คนเหล่านี้ มีความสุขกับความก้าวหน้า และ วิ่งเข้าสู่จุดหมาย ...มันเป็น Life Style แบบ High-Achiever -- มนุษย์พลังสูง!!"
เอาล่ะ ถ้าให้ผม Comment ว่าจะทำให้องค์ของคุณ กลายเป็นองค์กรแห่ง "มนุษย์พลังสูง" อย่างไร ด้วย Social Network ที่มันฟรี ...ก็น่าจะเป็น การใช้ Social Network มาเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยง ระหว่างคนที่เป็นประเภทเดียวกันในองค์กร "เพราะคน เจอ คน จึงจะเกิดโอกาส (คนที่นั่งดูทีวีอยู่คนเดียวจะเกิดโอกาสได้อย่างไร)..ต้องก้าวออกไปเจอ มนุษย์ อีกคนหนึ่ง "...โดยคนที่เข้าใจวิธีการ บรรลุเป้าหมาย ก็เอาประสบการณ์นั้น ถ่ายทอดให้คนที่มีความตั้งใจ แต่ยังไม่มีประสบการณ์ ...นั่นแหละ การสร้างกลุ่มของ High-Achiever ที่ทำได้ทุกองค์กร และทุกสังคม ..."ข้อดีคือ เมื่อคนเก่ง มาเจอคนเก่ง และมีเป้าหมายที่สร้างสรรค์ร่วมกัน ..สุดท้ายมันจะเป็น 1+1 = 3 เพราะมันมากกว่า 2 ไง...อิ อิ"
สิ่งที่เป็น Break through หรือ สินค้าและ บริการที่ยิ่งใหญ่ มันเกิดนอก Office และ นอกเวลางานเสมอ ... Key Word คือ การก้าวออกไป และ ใช้เวลาว่างให้เกิดสิ่งนั้น ..."ถูกต้อง!! ห้องหรือตู้ ที่ใช้ประโยชน์ได้ ก็คือ ห้องและตู้ที่ว่าง ...นั่นก็เหมือนกับสมองของมนุษย์นั่นแหละครับ" ...นักปราชญ์ ไม่ได้เกิดจาก คนที่วุ่นวาย ในเวลาที่วุ่นวาย แต่เกิดจากช่วงเวลาที่ว่าง ของคนที่สงบ ...ครับ!! หาจุดว่าง แล้วต่อยอดจากตรงนั้น
คนที่สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำองค์กร หรือ คนที่มีเงินเดือน หรือ ความมั่งคั่งเหนือมนุษย์ธรรมดา ...มันเกิดจากคนผู้นั้น ใช้เวลาว่าง ให้เกิดสิ่งที่สร้างสรรค์นั่นเองครับพี่น้อง
ที่เขาพูดกันว่า คนที่ประสบความสำเร็จ คือ ผู้ที่สามารถเปลี่ยนข้อจำกัด ให้เป็นโอกาส เพราะ ทุกคนมีเวลาบนโลกเท่ากัน ..การมองออกและใช้เวลาเป็น นั่นแหละคือ ประตูแห่งความสำเร็จ!!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
-
7 ข้อควรรู้ ก่อนทุ่มเงินหนักๆ ซื้อหุ้นอเมริกา 1. หุ้นอเมริกาขึ้นแบบกระจุกตัว …แปลว่า เราเห็นดัชนีอเมริกาขึ้นดีมากๆ แต่เอาเข้าจริง มันกระจุก...
-
'ทฤษฎี กับ การปฏิบัติ ต่างกันอย่างไร ?' ประเด็นนี้ ผมเจอน้องๆ นักศึกษามาถาม ..เค้าคงอยากรู้ว่า สิ่งที่เขาเรียนในทฤษฎี เวลาเขาไป...
-
5 ระดับ ความรวยที่เราควรเข้าใจ จนไปสู่เศรษฐีพันล้าน !! 1. ‘เงินแสนแรก’ …เราจะได้จากการทำงานหนัก 2. ’เงินล้านแรก‘ …เราจะได้จากทักษะ และ ความ...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
7 จุด ในงบการเงินที่ใช้ในการจับผิด จับโป๊ะหุ้นเด็ด !! 1. ’Net Profit Margin’ …ขาย 100 บาท ได้กำไรกี่บาท ? …ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งแสดงว่า การแข่งขั...
-
7 ข้อ ‘มิตร’(ฉาชีพ) กับ การลงทุน 1. ‘คนที่โกงเราได้คือคนที่เราไว้ใจ’ …ถ้าเราไม่ไว้ใจเราคงไม่เอาเงินให้เขาตั้งแต่แรก 2. ‘ข้อเสนอของเขามัน T...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
พอดีว่าง เลยมีเวลาอ่าน 555 ชอบครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบู^______^
ตอบลบอืมม น่าคิดนะ ปกติผมจะได้หยุดสมอง ได้ตรึกตรองถึงเรื่องราวในชีวิตและวางแผนอนาคตตัวเองก็แทบจะเฉพาะเวลานอนเท่านั้นเอง เพราะก่อนนอนจะได้หยุดจากความวุ่นวายในชีวิตและได้มาทบทวนกับตัวเอง ซึ่งเวลาอื่นที่สมองเราฟุ้งซ่านแทบจะไม่สามารถสงบสติอารมณ์และคิดอะไรดีๆออกได้เลย
ตอบลบ