แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

เครื่องซักผ้าที่เปลี่ยนโลก..งง!!


ผมไปเจอ Talk show อันนึงของ Professor Hans Rosling ..คือ ต้องเรียกว่า Talk Show เพราะมันเหนือชั้นกว่า สัมมนา หรือ Lecture ตามปกติมากนัก ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า Rosling เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากในการนำเสนอข้อมูล เพราะเขาสามารถเอาสถิติที่น่าเบื่อ ที่สมัยก่อนต้องอ่านเป็นตาราง (อ่านไปก็ไม่รู้เรื่อง) ..เอาสิถิตินั้นมาทำเป็น Presentation ที่เข้าใจง่าย และน่าสนใจ (ใครสนใจคลิ๊ปที่เขา Present ให้ Search เข้าไปใน YouTube แล้วพิมพ์ชื่อของเขาลงไปเลย..ขอบอกว่า แจ๋วมาก!!)

ผมอยากจะแชร์สิ่งที่ Rosling เล่าให้ฟัง เพราะมันเป็นประโยชน์ ต่อวิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่ยิ่งนัก .."คำถามคือ สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ และเปลี่ยนชีวิตคนทั้งโลก คืออะไร" -- ครับ!! หลายๆคนอาจนึกไปถึง ไฟฟ้า , รถยนต์ ..ก็ใช่นะ แต่ที่แจ๋วมากที่สุดคือ "เครื่องซักผ้า!!"

"ทำไมล่ะ" ..เดิมที การซักผ้าเป็นสิ่งที่เสียเวลามาก ..หากเราดูหนังจีนจะเห็น สาวจีนเอาผ้าใส่ถัง แล้วแบกไปที่แม่น้ำ แล้วก็ไปซักผ้า ..หรือถ้าจะซักให้สะอาดก็ต้องเอาน้ำไปต้มให้ร้อน ด้วยฝืน -- สรุปว่า ผู้หญิงในสมัยก่อน ใข้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปกับการซักผ้า ..."นี่แหละบทบาท ของ Innovation ในสมัยเครื่องซักผ้า ที่ช่วยให้แม่บ้านมีเวลามากขึ้น สามารถโยนเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้าแล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย" ..ลองดูภาพนี้



เป็นภาพที่แสดง การใช้พลังงานของโลก ..รูปคน แสดงจำนวน (รูป 1 คน แทนคน 1 พันล้านคน) ..เขาแสดงให้ดูว่า คนทั้งโลก 7 พันล้านคน ..คนหนึ่งพันล้านที่รวยที่สุดในโลก สามารถเข้าถึงสิ่งอำนายความสะดวกในชีวิต ตั้งแต่เครื่องซักผ้า รถยนต์ ทีวี เครื่องบิน แอร์ เตารีด เครื่องดูฝุ่น -- "ถ้าแบ่งการใช้พลังงานของมนุษย์ทั้งโลก ออกเป็น 12 ส่วน(ดังภาพ) คนที่รวยที่สุดในโลก จะใช้พลังงานครึ่งนึง คือ 6 ส่วน ...ส่วนคนที่รวยถัดมาหนึ่งพันล้านคน พวกนี้คือ ชนชั้นกลางในประเทศต่างๆ ที่มีเครื่องซักผ้าใช้ จะใช้พลังงาน 2 ส่วน ...และคนชั้นกลางที่ถัดมาอีกสามพันล้านคน ที่เข้าถึงไฟฟ้า มีหลอดไฟฟ้าใช้ (แต่ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอื่นๆ) จะใช้พลังงาน 3 ส่วน ...ส่วนคนจนอีกสองพันล้านที่อดอยากที่สุดในโลก จะใช้ไฟเพียง 1 ส่วน

"พอผมเห็นภาพนี้ปั๊บ มันสะกิดความคิดของผมเลยว่า ...ใช่เลย!! ภาพของการเปลี่ยนแปลงในเรื่องพลังงาน และประชากร จะไปในทิศทางใด ...แน่นอน คนต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อโลกเรา Globalize มากขึ้น คนที่มีฐานะดีขึ้น ย่อมต้องการซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น ..ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ เป็น Trend ที่ไปห้ามเขาไม่ได้ ...(โอะ โอะ!! คุณอย่าซื้อเครื่องซักผ้า อย่าซื้อทีวี อย่าซื้อรถยนต์ อย่าซื้อมอเตอร์ไชค์นะ ..เดี๋ยวโลกจะร้อน) ...มันไปห้ามเขาไม่ได้ไง เพราะเราเองยังมีทุกอย่างใช้เลย ดังนั้น Trend ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ คนจะใช้พลังงานมากขึ้น ..ลองดูภาพ



(ภาพนี้คือ การคาดการณ์ การใช้พลังงานของโลกโดย Rosling ..เขาทำให้ดูว่า ยังไงคนจน คนรวย ก็ยังต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้น คือ ประชากรโลกน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9 พันล้านคน เพิ่มจาก 7 พันล้านในปัจจุบัน และประเทศที่เพิ่มมากที่สุดคือ ประเทศที่ยากจน เพราะ คนยากจนมักมีลูกมาก ส่วนคนรวยจะมีลูกน้อย ...แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ คนชั้นกลางในเอเชีย อย่างจีน อินเดีย เวียดนาม จะเพิ่มขึ้น ..คนจนค่อยๆขยับฐานะดีขึ้นมาเป็นชนชั้นกลาง ...สมมุติฐานนี้คือ คนรวยไม่ได้ใช้พลังงานเพิ่มขึ้น เพราะมันเยอะอยู่แล้ว ..แต่คนจน อีกหลายพันล้าน จะขยับมาใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในชีวิต และคนกลุ่มนี้นี่แหละ ที่จะทำให้การบริโภคพลังงานของโลก พุ่งกระฉูด ...ปัญหาก็คือ Supply ของพลังงาน เช่น น้ำมัน เหล็ก และ สิ่งต่างๆ มันมีจำกัด และจุดนี้เองที่โลกเรากำลังมุ่งไป ..มันคือ คนรวยต้องเปลี่ยนการใช้พลังงานให้มีประสิทธภาพมากขึ้น และ เป็นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น)

คือ "คนรวยในทุกประเทศ" ต้อง More Efficient & Renewable มากขึ้น ...ดังนั้น Trend ของ Green Energy (รวมถึง Nuclear) มันไม่สามารถหลีกเลียงได้ ...(เออ..ผมเล่าเรื่อง Trend ของโลกมากขนาดนี้ คงไม่ต้องสงสัยนะครับว่า ทำไมผมชอบหุ้นที่ผมถือมากๆ อย่าง PTT ..คือ เมื่อเราต้าน Trend ไม่ได้ เราก็เป็นเจ้าของมันซะเลย โดยการซื้อหุ้น มานั่งในมุมเจ้าของเลย แจ๋วกว่า...อิ อิ)

ลองดูภาพอันนี้

ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า ประชากรของโลก จะไป Peak ที่ประมาณ 9 พันล้านคน (อันนี้มันสืบเนื่องมาจาก อัตราการรอดชีวิตของทารก ..สถิติกล่าวว่า ประเทศที่มีอัตราการตายของเด็กทารกสูง จะส่งผลให้แต่ละครอบครัวมีลูกมาก ..แต่การที่ประเทศหนึ่งๆ สามารถพัฒนาเรื่องการแพทย์ และทำให้อัตราการรอดของเด็กมากขึ้น ก็จะทำให้ครอบครัวเล็กลง ...พูดง่ายๆคือ สถิติของประชากรกล่าวว่า ยิ่งประเทศเจริญ คนก็ยิ่งจะมีลูกน้อยลง) ...ดังนั้น เขาคาดการณ์ว่าในปี 2050 ทุกคนในโลก จะเข้าถึง "หลอดไฟ" ...คือ ในมุมนี้แน่นอน หากเราไม่ใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ -- มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่โลกเราจะสามารถ Support การใช้พลังงานมากขนาดนั้น ดังนั้น Trend มันคือ การ Go Green ..โดยเฉพาะกลุ่มคนที่รวยที่สุด (ในภาพแสดงให้เห็นว่า ถ้าคนชั้นบน และ ชั้นกลาง 5 พันล้านคน เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด ...คนอีก 4 พันล้านที่เหลือ ก็จะสามารถใช้พลังงานสกปรก(คาร์บอน) ที่เราใช้อยู่ ในปัจจุบัน ลดลงเหลือเพียง 9 ส่วน ..ซึ่งเท่ากับว่า มันทำลายธรรมชาติน้อยกว่าปัจจุบันเสียอีก

ทั้งหมดจริงๆ มันชี้ให้เห็น Trend ..คือ คนที่จะกำหนดความเปลี่ยนไปของโลก คือ กลุ่มคนรวยของเทศต่างๆ ..เดี๋ยวนี้อเมริกาเองนั่นแหละ ที่พยายามมาบอกเมืองจีนให้อย่าปล่อยคาร์บอน แต่ตัวเองและยุโรปกลับเป็นผู้ที่ปล่อยคาร์บอนและทำให้โลกร้อนปั่นป่วนมากที่สุด ...คือ ถ้าดูจาก Trend แบบนี้ มันชี้ภาพให้เห็นง่ายๆเลยว่า สุดท้ายทั้ง อเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น ..จะต้องกลับมา แข่งกันในเรื่องของพลังงานหมุนเวียน Green Energy ทั้ง Nuclear , ลม , น้ำ , พลังงานความร้อนใต้โลก ..สิ่งเหล่านี้ไม่ต้องสงสัย มันจะเป็น สิ่งที่ทำให้คนในยุคใหม่นี้ รวยแน่นอน ..นั่นก็คือ คนที่ครอบครอง และมุ่งสร้างธุรกิจที่ Go Green เขาก็จะเป็นผู้นำของโลกในยุคต่อไป ทดแทนคนรวยในยุคอุตสาหกรรมนั่นเอง

"ฟันธง!! คนที่จะรวยในยุคต่อไป ..คือ ผู้ที่ควบคุมพลังงาน ทั้งพลังงานสะอาด และ สกปรก ... (สกปรก + สะอาด)..ก็รอดูกันไป ..อิ อิ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ