‘ชีวิตหนัก กับ ชีวิตสบาย มันไม่ได้ขึ้นกับบุญบารมี ความโชคดี ...แต่มันขึ้นกับการออกแบบ การทำงาน”
สมัยวัยรุ่น ผมเป็นเด็กหนุ่มที่ทะเยอทะยานมากๆ อยากประสบความสำเร็จให้ไวๆ ..ผมพร้อมกระโจนเข้าสู่ทุกโอกาสในชีวิต
ตั้งแต่ขายตรง ไปจนแชร์ลูกโซ่ แล้วก็ทำงาน Part-time ระหว่างเรียนที่ธรรมศาสตร์ ผมทำหมด ...หลายคนอาจจะสงสัยว่า เฮ้ย !! ภาววิทย์ บ้านคุณจนมากหรือ ถึงต้องพยายามขนาดนั้น ?
‘ไม่ใช่เลยครับ’ ผมทำทุกอย่างเพื่อจะหาทางของผมเอง ...คติการทำงานของผมในเวลานั้นก็คือ ‘งานหนักไม่เคยทำให้ใครตาย’ ...แต่!! ...เดี๋ยวนี้คนทำงานหนักจนตายมากมาย ...ทำงานจนไม่มีเวลา ...ทำงานจนครอบครัวพัง ...ทำงานจนสุขภาพพัง
สุดท้ายผมพบว่า ‘คนที่ทำงานสบาย ได้เงินเยอะ หรือ โคตรหนัก เงินน้อย (โคตรจะไม่แฟร์!!)’ ...จริงๆ แล้ว มันอยู่ที่การออกแบบการทำงานตั้งแต่วันแรกเลย
ยังไง ?!?
...งานในโลกนี้มันมี 2 แบบ คือ หนึ่ง รายได้ Active คือ ใส่แรงเท่าไหร่ได้เงินเท่านั้น จบ ตรงๆ ..สอง รายได้ Passive คือ สร้างสินทรัพย์ให้มันหาเงินแทนเรา
แบบที่ 2 นี่ มันคือ ทางของ ‘งานสบาย เงินเยอะ’ ...หัวใจของงานแบบนี้ อยู่ที่ สินทรัพย์ หรือ Asset
เป้าหมายของการทำงานนี้ คือ สร้างและสะสมสินทรัพย์ให้ได้มากที่สุด ...ยิ่งคุณเข้าใจ และ เชี่ยวชาญในงานแบบที่สองนี้เท่าไหร่ ...คุณจะยิ่งเซียนในการเลือกสินทรัพย์
ผมเองใช้เวลากว่า 30 ปี ในการหาเงินแบบแรก ...โคตรเหนื่อย แถมไม่รวย ...30 ปีผ่านไป ‘กรูทำอะไรอยู่วะ ?’
แต่พอผมเปลี่ยนวิธีทำงาน เป็นแบบที่สอง ...’สายสะสมสินทรัพย์’ ...ชีวิตผมค่อยๆ ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด
‘ถ้าจะถามว่า สินทรัพย์ อะไร ดีที่สุด ?’ ...ผมว่า ขึ้นกับ ความถนัดของแต่ละคน ...แต่ถ้าสำหรับผม ...ผมเลือก ‘หุ้น’ เพราะ ผมเข้าใจมันที่สุด
จะยกตัวอย่าง 5 ข้อดีของ การสะสมหุ้น เปลี่ยนชีวิตผม มีดังนี้
1. ‘ผมซื้อหุ้นเหมือนซื้อที่ดิน’ คือ ก่อนซื้อจะทำการบ้านอย่างหนัก แล้ววางแผนจะถือหุ้นที่ซื้อให้นานที่สุด เหมือนที่ดินเลย (หุ้นบางตัว ไม่คิดจะขายเลยชั่วชีวิต) ...การทำแบบนี้ ทำให้การผันผวนของตลาดหุ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผมเลย
2. ‘คนส่วนใหญ่เล่นหุ้นที่ราคา ผมสะสมหุ้นที่มูลค่า’ ...ราคามันขึ้นลงรวดเร็ว แต่มูลค่า คือ กำไรสะสมของบริษัทที่ผมลงทุน ที่มันค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ...เหมือนผมใช้เงินน้อย แต่เข้าไปถือหุ้นแบบเจ้าของหุ้นใหญ่ แบบนั้นเลย (เงินน้อยไม่ใช่ข้ออ้าง เพราะ เงินน้อยก็ลงทุนแบบรายใหญ่ได้ทันที) ...ถ้าเจ้าสัว เจ้าของหุ้นรวย ผมก็รวยตามเขาไปเรื่อยๆ แบบไม่เหนื่อย
3. ‘ผมรับปันผล เป็น Passive Income ที่ยิ่งถือ ยิ่งเพิ่ม’ ....มีคนถามผมว่า คนรวยทำไมสบาย ? ...ผมบอกจริงๆ ใครๆ ก็สบายแบบคนรวยได้ ถ้ารู้ว่าเขาแค่ถือหุ้นรับปันผล เราทำบ้าง ก็เท่านั้นแหละ !!
4. ‘ผมเสี่ยงโคตรต่ำ’ ...ยกตัวอย่าง พวกเจ้าสัว เขาเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ ความรับผิดชอบโคตรสูง ...ถ้าธุรกิจนั้นมีปัญหา เขาอาจจะจนลงมหาศาล ...แต่ผมในฐานะนักลงทุน ผมไม่ทุ่มใส่เงินมากให้เหนื่อยใจ ...ใช้การกระจายความเสี่ยง เช่น มีหุ้นอย่างน้อย 10 ตัว ที่เลี้ยงผม แค่นี้ก็ไม่มีความเสี่ยงเลย (เพราะ หุ้นทุกตัว มีน้ำหนักแค่ 10% ของพอร์ต สบายๆ สุดๆ)
5. ‘การลงทุนแบบผม แทบไม่ได้ขึ้นกับฝีมือ แค่ขึ้นกับความอดทน’ ...มีคนถามผมว่า ลงทุนออมในหุ้นแบบผม ถือหุ้นดีแล้วไม่ขาย มันยากตรงไหน ไม่เห็นต้องใช้ฝีมือ ไม่ท้าทายเลย ....ผมตอบไปว่า ‘แนวผม รวยช้าแต่โคตรชัวร์ ...ถ้าผมต้องการท้าทาย ผมไปเที่ยว มาเก๊าได้ เป็นครั้งคราว ไม่ต้องเอาเรื่องการเงินมาลุ้น’
ใช่!! ถ้าอยาก ชีวิตสบาย งานสบาย ...ต้องเริ่มจาก ‘การออกแบบให้มันสบาย ตั้งแต่วันแรกที่เลือกเดิน’
ผมว่า คนเก่ง ในยุคนี้ คือ ‘คนที่มีวิสัยทัศน์ ชัดเจน แล้วอดทนมากกว่าคนปกติ ก็เท่านั้นเอง’
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น