‘คนยุคต่อไปจะดูหนังในโรงหรือไม่ ? ..นี่เป็นคำถามที่ผมสนใจมากๆ ในโลกที่ ทุกธุรกิจ Disrupt ตัดเฉือนกันอย่างมากมาย ..รวมถึงพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงเมื่อชีวิตมีทางเลือกมากขึ้น’
วันนี้ผม และ ทีมเม่าจำไมของบัวหลวง ได้เดินทางไปสัมภาษณ์อีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ คือ โรงหนัง !! ...สมัยเด็กผมน่าพูดได้ว่า ยุคผม ไม่มีใครไม่เข้าโรงหนัง ...ผมเองนี่เข้าทุกเรื่อง เข้าพอๆ กับเรียนมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้
คนที่ผมได้ สัมภาษณ์แบบเจาะลึก วันนี้คือ คุณบอส เป็นทายาทคนโตของ กลุ่ม SF cinema แถมเป็น CFO คนสำคัญที่กำลังจะเข็น ธุรกิจเข้าตลาดหุ้นเร็วๆ นี้
คำถามแรกที่ผมถามคือ ‘วันนี้ธนาคารแข่งกันปิดสาขา ..อยากถามหน่อยว่า แล้วโรงหนังล่ะ เป็นยังไง ?’
‘เปิดเพิ่มครับ’ ...งง ดอกแรก เลยถามต่อว่า
‘แล้วใครคือ คู่แข่งที่น่ากลัวของ SF Cinema’
เราก็คิดว่า ‘Major !!’ แต่ไม่ใช่ครับ Major น่ะผู้ร่วมธุรกิจ ซึ่งอุตสาหกรรมนี้มีอยู่ 2 เจ้าหลักๆ ...ความได้เปรียบหลักๆ ของอุตสาหกรรมนี้ ก็คือ ‘ขนาด’ ทำให้การเกิดของคู่แข่งทำได้ยาก เพราะ อำนาจต่อรอง มีส่วนสำคัญมาก
โรงหนังถ้าจะมองเป็น อสังหา ประเภทหนึ่งก็ได้ ที่มีความเฉพาะตัว ...โดยเฉพาะโรงหนังเมืองไทย ...คุณบอส เป็นคนนึงที่ต้องตระเวนไปดูโรงหนังทั่วโลก พูดง่ายๆ ว่า ไปมาทั่วโลกแล้ว ..บอกได้เลยว่า ‘โรงหนังที่หรูที่สุด และ ถูกที่สุด ก็เมืองไทยนี่แหละ !!’
(เมืองนอกนี่ส่วนใหญ่โรงหนังธรรดามาก แต่ราคาตั๋วแพงสุดๆ)
เข้าใจเลยว่า ถ้าต้องลงทุนมากขนาดนี้ คู่แข่งที่จะเข้ามาใหม่ก็พับเสื่อแล้ว ...ดังนั้น การรักษาขนาด การขยายตัว และ อำนาจต่อรองจึงสำคัญมากในธุรกิจนี้
- ‘แล้ว หนังอย่าง Netflix และ กระแส Digital กระทบต่อโรงหนังแค่ไหน ?’
คุณบอส บอกเรื่องนี้ถ้าเล่า หลายๆ คนอาจจะ งง ...อย่าง ต่างประเทศ พวก Netflix เกิดง่าย เพราะ คนที่นั่นจ่ายค่าดูเคเบิล อยู่ปกติ ...แต่บ้านเราลูกค้าส่วนใหญ่ ดูฟรี โหลดฟรี หรือ ไม่ก็แบบเถื่อน ที่แทบไม่จ่ายเงิน ...คิดง่ายๆ TRUE ขนาดอยู่มาตั้งหลายสิบปี มีอยู่เจ้าเดียว ยังแทบไม่รอดเลย
พูดง่ายๆ พวก Netflix หรือ ทีวี Digital มันอยู่คนละส่วนกับของโรงหนัง ...จะว่าโชคดีก็ได้ ที่โรงหนังเป็น Lifestyle อยู่ในส่วนของ กินเที่ยว ช้อปปิ้ง
- คิดง่ายๆ เวลาจีบกัน ถ้าเข้าโรงหนัง แปลว่า ‘ความสัมพันธ์ เข้าขั้นจีบติดละ’ ..จะชวนไปดู Netflix ที่ห้องพี่เลย อาจจะดูหื่นไป ..555
- อย่างห้างสรรพสินค้า ต่างประเทศเขาปิดตัว ลดจำนวน แต่บ้านเราขยายเพิ่มนะ มันสวนทางกัน ...เพราะชีวิตคนไทย เอาห้างเป็นศูนย์กลางของชีวิต ...ยิ่งอนาคต คนยิ่งจะอยู่บ้านน้อยลงไปอีก
- วันนี้สื่อนอกบ้านเลยเติบโต ..โรงหนังก็ถือเป็นสื่อนอกบ้าน ที่คนใช้เวลาอยู่ค่อนข้างเยอะ
- แต่คู่แข่งที่น่ากลัวของโรงหนัง คือ ‘เวลา’ ...ไม่ใช่เฉพาะโรงหนังเท่านั้นที่แข่งกับเวลา แต่น่าจะทุกธุรกิจเลย ที่วันนี้มีคู่แข่งคือเวลา ....คนทุกวันนี้มีทางเลือกในการใช้ชีวิตหลากหลาย แต่เวลามีเท่าเดิม ...เราต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ‘การใช้เวลาที่นี่คุ้มที่สุด นี่คือโจทย์ใหญ่’
- อนาคตของ SF ก็คือ ก้าวเข้าสู่ Digital ทั้งหมด ..พูดง่ายๆ คือ ระบบสมาชิก ต่อไป ไม่ควรต้องต่อคิว ซื้อตั๋วแล้ว ทุกอย่างจอง จ่ายเงิน อยู่ในมือถือ ตั๋วก็ไม่ต้องมี ...พอทำแบบนี้ ก็จะมีการวิเคราะห์ Big Data ช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นรายคน ..สามารถทำ Promotion ที่แตกต่างกันออกไป ...สรุปว่า ยิ่งรู้จักลูกค้า ก็ยิ่งต่อยอดโอกาสได้อีกมากมาย
- ความท้าทาย คือ ‘สถานที่’ ธุรกิจนี้คล้ายๆ เครื่องบิน ..คือ ยังไงหนังต้องฉายจะมากจะน้อย ..แต่ที่ดีกว่าเครื่องบิน ก็ตรงการแข่งขัน มันไม่ได้รุนแรง แดงเดือดแบบสายการบิน
- แล้ว Popcorn ทำไม คนบอกว่า Major อร่อยกว่า ?
- คุณบอส บอกว่า ‘ผู้ใหญ่จะชอบรสชาติจืดกว่า แต่วัยรุ่นอาจจะชอบรสชาติที่เข้มข้น’ ...งั้นสรุปว่า ผมเป็นวัยรุ่น เพราะ ผมชอบรสเข้มข้น หวานจัด เค็มจัด ..555
- สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ผลิต Content ของไทย ...ทุกวันนี้หนังไทยเหนื่อยขึ้น ...เพราะโดยรสนิยมคนไทย ชอบหนังฝรั่ง มากกว่า (แต่ก็มีบ้างนะ เรื่องที่ฮิต เพราะปัจจัยหลายอย่างมันลงตัว)
..ยิ่งทุกวันนี้ค่ายหนังใหญ่ระดับโลก ก็รวมตัวกันหมด ..ทุนเขาหนากว่า ทำอะไรก็ขายได้ทั้งโลก
- เท่าที่คุยกันยาว ก็ได้เห็นภาพธุรกิจ ที่แทบไม่มีใครสามารถหนีการเปลี่ยนแปลง ...ขึ้นกับว่า ใครปรับตัวและมองโอกาสได้ดีกว่ากัน
คุยกันยาว จนถึง ว่า เริ่มทำงานจากจำแหน่งอะไร ..คุณบอส บอกว่า ตำแหน่งแรกที่มาทำงานที่นี่ ก็คือ พนักงานขายตั๋ว ...ดังนั้น วันนี้คือ ‘พนักงานขายตั๋ว สู่ CFO ผู้ปลุกปั้น SF เข้าตลาด’
- ถ้า SF เข้าตลาด คุณ บอส ก็น่าจะขึ้นทำเนียบ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่อายุต่ำ 30 อีกคนที่น่าจับตามอง
‘ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ..ผมถามหน่อย ว่าวันนี้คุณยังดูหนังในโรงหนังกันอยู่หรือไม่ อย่างไร ? (อยากรู้แชร์ๆกัน)’
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่ได้ไปโรงหนังนานมากแล้วครับ
ตอบลบ