ได้มีโอกาส แลกเปลี่ยนมุมมองกับ "พี่ป้อม" นักปั้นธุรกิจ SME เข้าสู่ตลาดหุ้น ... "พี่ป้อม คือ เจ้าของ Asset Pro นั้กปั้น IPO ผู้โด่งดัง หรือ คิวทองปั้นดินสู่ดาว"
พี่ป้อมเล่าให้ฟังว่า "เราโชคดีที่เราอยู่ในยุคนี้ ..หากย้อนกลับไปปี 2540 ถ้าใครจำยุค วิกฤตต้มยำกุ้ง คงจะพอจำกันได้ว่า ในเวลานั้น ธุรกิจเจ๊งกันทั้งประเทศ สาเหตุหลักๆ ก็มาจากเรื่องของ ค่าเงิน และ การกู้ ..ซึ่งในยุคนั้น เงินทุนของกิจการต่างๆ จะมาจากแหล่งเงินหลัก คือ ธนาคารอย่างเดียว ..และอย่างที่เราทราบๆกันว่า เมื่อใดก็ตามที่เศรษฐกิจมีปัญหาธนาคารก็มักจะ หยุดให้กู้ หรือ ดึงเงินกลับ ..ภาพที่เกิดขึ้น อย่างที่เรารู้กันว่า เงิน ก็คือ เลือดของธุรกิจ -- การดึงเงินกลับของธนาคารในเวลาที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ก็เท่ากับว่า เอาเลือดถ่ายออกจากคนป่วย ..ใช่!! ผลก็คือ คนป่วยก็ตายนั่นเอง -- นั่นแหละปี 2540 ก็เจ๊งกันทั้งประเทศ" ...แต่วันนี้โครงสร้างการเงินของไทย เริ่มพัฒนาขึ้น เรามีตลาดทุน ซึ่งเป็น การหาเงินในรูปแบบของการ "แบ่งส่วนความเป็นเจ้าของ"
"การแบ่งส่วนความเป็นเจ้าของ" มีข้อดี คือ บริษัทสามารถหาเงินทุนโดยการ "ขายหุ้น" ให้กับ นักลงทุนที่สนใจมาร่วมลงทุนกับธุรกิจของเรา ..ซึ่งมันเป็นการ Balance ในโครงสร้างของเงินทุน ระหว่าง "หนี้ (ที่มาจากธนาคาร)" กับ "ทุน (ส่วนเงินทุนเริ่มต้นของเจ้าของ)" ..อย่างที่เราเข้าใจเรื่อง D/E (Debt / Equity) ก็คือ Ratio อันนี้ที่ใช้วัดสุขภาพของธุรกิจ ...การที่ธุรกิจนึงจะเติบโต จาก SME ขึ้นเป็นธุรกิจ ร้อยล้าน พันล้าน ...ต้องเข้าใจ "การแบ่งส่วนความเป็นเจ้าของ"
ใช่!! ความแตกต่าง ระหว่าง "ร้านอาหารเล็กๆ" กับ ธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ ก็คือ การเข้าใจกลไกทาง เงินและทุน ... อย่างที่เกริ่นมา การเอาธุรกิจเราเข้าตลาด มันต้องเริ่มจากการเตรียมตัว ...อย่างแรกคือ เตรียมสร้างความโปร่งใสในธุรกิจ จากการทำบัญชีที่โปร่งใส ..จุดนี้หลายๆ คนฟังแล้วอาจถอดใจว่า เดิมทีทำธุรกิจก็หลบภาษีสบายๆ แต่ทำไมถึงมีคนโง่ ยอมจ่ายภาษีเต็ม แล้วเอา สัดส่วนธุรกิจแบ่งขายให้นักลงทุนคนอื่นเข้ามาร่วมเป็นเจ้าของในธุรกิจของเรา ... "เขาคิดฉลาดแล้วหรือ!!"
ครับ..เรื่องนี้ปัญหาโลกแตก ..ว่าการแบ่งส่วนธุรกิจให้คนอื่นถือ แล้วทำงบการเงินโปร่งใส เพื่อจ่ายภาษีเต็ม อาจมองดูไม่ฉลาดในเบื้องต้น แต่แท้จริงแล้ว การสร้างความโปร่งใส มันก่อให้เกิด การบริหารที่เป็นระบบตรวจสอบได้ ...และ จุดนี้เอง ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจเราสามารถมี ผู้บริหารมืออาชีพ เข้ามาช่วยทำงาน จากเดิมที ลุง ป้า หน้า อา เป็นผู้บริหาร ก็เปลี่ยนมาเป็น มืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการแทน ..ตัวอย่าง ความสำเร็จก็มีอยู่มากมาย คิดง่ายๆ นะ หลายๆ บริษัท ก่อนที่จะเป็นธุรกิจ พันล้าน เขาเริ่มจาก ทุนจดทะเบียน แค่ล้านเดียว ...พอเข้าตลาด ก็มีเงินทุน มาขยายกิจการ แล้วก็จ้างมืออาชีพมาบริหาร ...จาก SME ที่เปิดใจ ก็เป็นเศรษฐีร้อยล้าน พันล้านได้
Trick มันอยู่ที่ "เปิดใจ" ... "คนเรา เก่งคนเดียว ก็ทำได้แค่ จุดนึง ...แต่คนที่เก่งจริง ต้องสร้างกิจการ ที่รวมคนเก่ง ทำงานสู่เป้าหมาย ที่ยิ่งใหญ่ ...เปลี่ยนประเทศน่ะ มันต้องทำเป็นทีม ต้องสร้างกลไก สร้างความชัดเจนของการจัดสรรค์ผลประโยชน์ ...คนเก่งจริงๆ ไม่ใช่คนที่เอาแต่ตัวเอง แต่คนเก่งจริง คือ คนที่เป็นนักจัดสรรค์ผลประโยชน์ และ เป็นแกนของการนำทีมสู่ความฝัน" ...ฝันให้สุด ธุรกิจเล็กๆ ขายของชำ ถ้ามีจุดยืนชัดเจน มีความแตกต่าง มีทีมงาน มีทุน และ เข้าในการจัดสรรค์ผลประโยชน์ให้ทีมงานที่เก่ง ก็สามารถเป็น ธุรกิจพันล้านได้เช่นกัน
ก็นับเป็นการคุย เปิด Idea ที่น่าสนใจ ...วันนี้โครงสร้างการเงินเปลี่ยนไป คนที่เข้าใจ แล้วรู้จักใช้ "หนี้" และ "ทุน" อย่างลงตัว จะสามารถสร้างธุรกิจพันล้าน ..ฮึม!! พันล้าน สร้างได้ ..โย่ว!!
หลากหลายสิ่ง จนถึงวันนี้ ผมได้ติดตามบทความจากพี่ แพทแล้วเปิดมุมมองต่างๆของการลงทุนโดยเฉพาะหุ้น และเริ่มที่จะเข้าใจมากขึ้น รวมทั้งการมองโลกและสังคม บวก กับเศรฐกิจโลก
ตอบลบพี่แพทเป็น อ ของผมคนนึง นับถือครับ
บทความนี้ได้สร้างเข้าใจระหว่าง หนี้ และ เงินทุนได้อย่างลงตัว
Money Gear