แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568

7 ข้อ จาก Meditation for Mortals เราน่ะ แพ้บ้างก็ได้นะ

 หนังสือ Meditation for Mortals (สมาธิฉบับมนุษย์เดินดิน) โดย Oliver Burkeman เป็นหนังสือที่ท้าทายความเชื่อเรื่องการพัฒนาตัวเองแบบเดิมๆ ที่มักบอกให้เรา "พยายามทำให้ได้มากกว่านี้" แต่เล่มนี้กลับบอกให้เรา "ยอมรับขีดจำกัด" ของตัวเอง นี่คือสรุปใจความสำคัญ 7 ข้อครับ

1. ยอมรับ "ความพ่ายแพ้" ตั้งแต่ต้น (Embrace Your Limitations)

เรามักพยายามจัดการตารางเวลาเพื่อให้ทำทุกอย่างได้ครบ แต่ความจริงคือเราไม่มีวันทำได้หมด การยอมรับว่าเรา "สอบตก" ในการควบคุมทุกอย่างจะช่วยให้เราเลิกกดดันตัวเอง

• ตัวอย่าง: แทนที่จะลิสต์งาน 20 อย่างที่ต้องทำในวันเดียว ให้ยอมรับว่าคุณทำได้แค่ 3-5 อย่าง การเลือกทิ้ง 15 อย่างที่เหลืออย่างตั้งใจ จะช่วยให้คุณโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ ได้โดยไม่รู้สึกผิด


2. เลิกแสวงหาความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีอยู่จริง (The Perfectionism Trap)

เรามักรอให้ "ทุกอย่างพร้อม" หรือ "จัดการชีวิตให้ลงตัว" ก่อนถึงจะเริ่มมีความสุข แต่ความจริงคือชีวิตจะมีความวุ่นวายแทรกเข้ามาเสมอ

• ตัวอย่าง: หากคุณอยากเริ่มออกกำลังกาย อย่ารอจนกว่าจะมีชุดสวยๆ หรือมีเวลาว่าง 1 ชม. เต็มๆ ให้เริ่มเดินแค่ 10 นาทีในชุดทำงานนั่นแหละ เพราะความสมบูรณ์แบบคือศัตรูของการเริ่มต้น


3. อยู่กับความจริงที่ว่า "เราควบคุมไม่ได้" (Surrender Control)

ความเครียดส่วนใหญ่เกิดจากการที่เราพยายามบงการอนาคตหรือคนอื่น หนังสือแนะให้เราถอยออกมาดูว่าสิ่งไหนควบคุมได้และไม่ได้

• ตัวอย่าง: เมื่อรถติด แทนที่จะหงุดหงิดพยายามหาวิธีแทรกแซง (ซึ่งทำไม่ได้) ให้ยอมรับว่า "ตอนนี้เราติดอยู่ตรงนี้" แล้วใช้เวลานั้นฟังพอดแคสต์หรืออยู่กับลมหายใจแทน


4. พลังของการ "ทำทีละนิดแต่สม่ำเสมอ" (The Power of Patience)

เรามักใจร้อนอยากเห็นผลลัพธ์เร็วๆ จนโหมทำแล้วเลิกไป หนังสือเน้นการทำในระดับที่ "น้อยกว่าที่ทำได้" เพื่อให้ทำได้นาน

• ตัวอย่าง: หากต้องการเขียนหนังสือ อย่าพยายามเขียนวันละ 3,000 คำจนหมดแรง แต่ให้เขียนแค่วันละ 300 คำทุกวัน ความสม่ำเสมอในขีดจำกัดที่จำกัดจะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่า


5. ชีวิตคือ "ปัจจุบัน" ไม่ใช่ทางผ่านไปสู่เป้าหมาย (Life is Not a Waiting Room)

หลายคนใช้ชีวิตเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง เช่น รอให้เรียนจบ รอให้รวย รอให้เกษียณ แล้วค่อยมีความสุข แต่หนังสือบอกว่า "นี่แหละคือชีวิตจริงๆ"

• ตัวอย่าง: ในขณะที่คุณกำลังล้างจาน อย่าคิดถึงเรื่องงานที่จะทำต่อไป ให้รับรู้ถึงสัมผัสน้ำและฟองสบู่ เพราะนั่นคือช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่คุณกำลังใช้มันอยู่จริงๆ


6. เลือกที่จะ "พลาด" บางอย่างอย่างตั้งใจ (The Art of Missing Out)

เรากลัวการพลาดโอกาส (FOMO) จนพยายามทำทุกอย่าง หนังสือสอนให้เรากล้าเลือกที่จะพลาดบางเรื่อง เพื่อรักษาเรื่องที่สำคัญที่สุดไว้

• ตัวอย่าง: การปฏิเสธงานปาร์ตี้ของเพื่อนเพื่อนอนพักผ่อน ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า แต่มันคือการ "เลือก" ให้ความสำคัญกับสุขภาพตัวเองอย่างมีสติ


7. เผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนด้วยความสงสัย (Curiosity Over Anxiety)

แทนที่จะกังวลกับอนาคตที่คาดเดาไม่ได้ ให้เปลี่ยนความกังวลเป็นความ "อยากรู้" ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

• ตัวอย่าง: เมื่อต้องเริ่มโปรเจกต์ใหม่ที่น่ากลัว แทนที่จะคิดว่า "ถ้าล้มเหลวจะทำยังไง" ให้คิดว่า "ลองดูซิว่าถ้าเราทำแบบนี้ ผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไงนะ"


บทสรุป: หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนให้เรานั่งสมาธิบนเบาะเพียงอย่างเดียว แต่สอนให้เรา "ใช้ชีวิตอย่างมีสมาธิ" ท่ามกลางความวุ่นวาย โดยการเลิกฝืนธรรมชาติของมนุษย์ที่แสนจำกัด แล้วหันมาโอบกอดความไม่สมบูรณ์แบบแทนครับ


บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ