Nexus ตอน 2 …’พลังข้อมูล..ที่ขับเคลื่อนความมั่งคั่งของมนุษยชาติ‘
การพัฒนาความมั่งคั่งของโลกใบนี้มันเริ่มที่ ’การเพาะปลูก‘ ….ความร่ำรวยตกเป็นของเจ้าของที่ดิน หรือ Landlord …ที่ไหนเพาะปลูกได้ดี ก็มีมูลค่ามหาศาล …อาหารเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในยุคนั้น
…ยุคต่อมา ’ปฎิวัติอุตสาหกรรม‘ …ความมั่งคั่งเปลี่ยนมาอยู่ที่ ปัจจัยการผลิต …ใครก็ตามเป็นเจ้าของเครื่องจักร , โรงงาน , ปัจจัยการผลิต …คนนั้นร่ำรวยที่สุด …อาชีพต่างๆ เกิดขึ้น รายล้อมรอบการผลิต
…จนในที่สุด ‘Supply มากกว่า Demand’ … มนุษย์ สามารถผลิต ได้เกินความต้องการ !!
…ทำให้เราสู่ยุค ’ข้อมูล‘ …ยุคนี้ใครๆ ก็ผลิตได้ …แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดนี้ จึงเปลี่ยนมาเป็น ’ข้อมูล’ Information Age !! …ใช่!! คนที่มี ‘ข้อมูล‘ ..รู้ว่าต้องผลิตอะไร สำคัญกว่า
…ธุรกิจต่างๆ แข่ง กันเป็น เจ้าของ ’ข้อมูล’ …Google รวบรวมข้อมูลมหาศาล …ใครต้องการอะไรแค่ search google ก็ได้ข้อมูล
…Facebook ก้าวไปอีกขั้น รวบรวมข้อมูล …คราวนี้ เราไม่ต้อง search …เพราะแค่การคิด Facebook ก็รู้แล้วว่าเราต้องการอะไร …ข้อมูล และ AI รู้ใจมนุษย์ยุคนี้ รู้ใจมนุษย์ เข้าใจเรามากกว่าเราเข้าใจตัวเอง
…Microsoft ก้าวไปอีกขั้น ใช้ AI และ Chat GPT รวบรวมข้อมูล แล้วก้าวไปอีกขั้น !!
…ใช่!! ยุคนี้ ‘ข้อมูล คือ อำนาจ และ ความมั่งคั่ง‘ …มูลค่าของธุรกิจมหาศาล อยู่ที่คนที่สามารถรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์มนุษย์นั่นเอง
1. ’ข้อมูล คือ ความมั่งคั่ง ใครรวบรวมข้อมูล แล้ววิเคราะห์ได้แม่น คนนั้น รวยที่สุด’ …เราเห็น Tech Company รุ่งเรือง และ ให้รางวัลเจ้าของและผู้ถือหุ้นแบบมหาศาล
2. ‘ใครไม่เปลี่ยนอาชีพ จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง‘ …ในยุคที่เกษตรกรรมรุ่งเรือง คนที่ทำเกษตรก็จะร่ำรวย …พอมายุคอุตสาหกรรม คนที่เปลี่ยนมาทำอุตสาหกรรมก็จะร่ำรวย ..พอมายุคข้อมูล คนที่เข้าใจการใช้ ’ข้อมูล‘ ก็จะร่ำรวย
…นักการเมืองใช้ ’ข้อมูล‘ ในการเข้าสู่อำนาจ Populist มอง ‘Information = Power’
3. ‘ยุคข้อมูล เร่งให้คนรวยยิ่งรวย’ …ระบบเศรษฐกิจของโลกหลักๆ มี 2 ขั้ว คือ หนึ่ง ประชาธิปไตย และสอง สังคมนิยม (เข้าใจง่ายๆ คือ เผด็จการ นั่นแหละ)
จริงๆ ประชาธิปไตย …ทุนนิยมมันดี เพราะ มันทำให้มีการแข่งขัน และ จัดสรรทรัพยากรได้คุ้มค่า …แต่พอถึงจุดนึง …มันจะเข้าสู่ช่วงปลายของระบบทุนนิยม ที่บริษัทยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งได้เปรียบ จนแทบจะผูกขาด (คล้ายกับปัจจุบัน!!)
พอถึงจุดนั้น คนรวยจะยิ่งรวย แต่คนส่วนใหญ่จะไม่พอใจ จนสุดท้ายทนไม่ไหว …ซึ่งมักจะนำไปสู่ การต่อสู้ระหว่างชนชั้น …จุดนี้แหละที่มักจะทำให้ระบบอาจเปลี่ยนไปสู่ Populist ที่ปลุกระดมประชาชน ใช้ความนิยม แล้วสุดท้ายก็ผันตัวเป็นเผด็จการในที่สุด
…ฮิตเลอร์ ก็มาจากประชาธิปไตย …จากความนิยม และ ค่อยๆ ผันตัวไปเป็นเผด็จการในที่สุด
…ใช่ครับ!! …ทุกวันนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงปลาย ของระบบทุนนิยม …ถ้าจัดการไม่ดี …โลกเราอาจวนไปสู่เผด็จการ ? …รบกันเป็นอาชีพ ..เฮ้ย!!
…ประเด็นคือ เราจะระวังตัวยังไง ไม่ให้ เราเข้าไปสู่วงจรหายนะอีกครั้ง …น่าคิด !!
4. …ข้อมูลที่เขียนลงในประวัติศาสตร์ เขียนโดยผู้ชนะ …ใช่!! มันอาจจะจริง หรือ โกหก เราไม่รู้ …แต่นั่นคือสิ่งที่เรารับรู้ยอมรับ …ตกลงใครคือ ผู้ชนะ ?
ยุคแรก ‘ข้อมูล‘ ถูกบันทึกโดย กระดานชนวน …ต่อมา เราคิดค้น ’กระดาษ‘ นั่นคือ วิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ ที่เปลี่ยนโลก …มนุษย์สามารถสร้างอาณาจักรยิ่งใหญ่ จดบันทึกทุกอย่าง ที่ดินของใคร ซื้อขายยังไง ใครมีเท่าไหร่ …เราทุกคนสะสมความมั่งคั่งผ่านกระดาษ …นั่นแหละ ’ข้อมูล’ ที่ทำให้มนุษย์สร้างและสะสมความมั่งคั่ง แบบก้าวกระโดด
…อ้าว!! ถ้าไม่จดบันทึก …สมัยก่อนเราก็รวมตัวกันได้แค่หมู่บ้าน หรือเผ่าเล็กๆ ที่ทุกคนก็แค่จำได้ ว่า คนนี้เป็นเจ้าของที่ดินตรงนี้ อะไรก็ว่าไป ….นั่นแหละ ก่อนวิวัฒนาการข้อมูล Homo Sapiens เลยยังไม่สามารถรวบตัวและอยู่รวมกันแบบในปัจจุบันนั่นเอง
…ยุคนี้ทุกอย่างอยู่ใน Computer !!
’Clay Tablet กระดานชนวน - bamboo strip คำภีร์ไฝ่ในหนังจีน - piece of paper กระดาษ - to Silicon Chip world !!!!’
…ผู้ชนะ คือ ผู้บันทึกประวัติศาสตร์ …นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า …ถ้ามีการปฏิวัติ ..ผู้มีอำนาจคนใหม่ จะต้องทำลาย ‘ข้อมูล‘ เก่า …ลบหนี้ก่อนเลย (ปลดหนี้ สบายละ) …ลบความเป็นเจ้าของเก่า (ยึดรวบหมดทุกอย่าง ก่อนแบ่งใหม่ …แต่ฉันได้เยอะสุดนะ) …แล้วก็ สร้าง ’ข้อมูล’ ใหม่
5.‘แก้ข้อมูล …ลบหนี้ …แล้วก็เพิ่มตัวเลขในบัญชี‘ …แค่นี้ฉันก็รวยเละ !!
จริงๆ ก็ใช่นะ …ถ้าทำลายข้อมูล ‘การเป็นหนี้‘ ฉันก็ปลดหนี้ได้ละ ….สมัยก่อน เราก็ไปบ้านเจ้าหนี้ ทำลาย สัญญาการกู้ (แต่ต้องแน่ใจว่า ไม่มี copy นะ) …ทำลายทิ้ง เราก็ไม่เป็นหนี้แล้ว จบ
…แต่วันนี้ คนทำหน้าที่ ‘เก็บข้อมูลหนี้‘ คือ ธนาคาร …หรือ ตัวกลางที่น่าเชื่อถือ …องค์กรเหล่านี้จึง ร่ำรวย มหาศาล เพราะ เขากุม ‘ข้อมูล‘ ที่มีค้าของมนุษย์
…อยู่มาวันนึง มีใครก็ไม่รู้ ใช้ชื่อปลอมๆ ว่า Satoshi Nakamoto …แล้วคิดค้นวิธีการเก็บ‘ข้อมูล’ แบบล้ำที่สุด โดยไม่ต้องใช้คนกลางเลย …เรียกว่า Blockchain …แล้วก็สร้างเหรียญที่ชื่อว่า Bitcoins (ใช้เป็นตัวกลาง ในการทดสอบ นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่นี้)
…โอเค!! ใครๆ ก็รู้จัก Bitcoins …บางคนก็บอกว่า มันเป็นเงินของอนาคต …บางคนบอกว่า มันคือ ทองคำดิจิตอล อะไรก็ว่าไป
แต่จริงๆ Bitcoins เป็นตัวแทนของ นวัตกรรมความยิ่งใหญ่ของ การบันทึก ‘ข้อมูล‘ แห่งอนาคต ที่คุณ ไม่ต้องมีแล้ว ธนาคาร , คนกลางตัดออกไปเลย
….นั่นแหละ ความยิ่งใหญ่ของ Bitcoins…ซึ่งสุดท้ายมันจะมาแทนเงินทั้งโลกหรือเปล่า? อันนี้ไม่มีใครรู้ …แต่ที่รู้แน่ๆ คือ วันนี้ มีคนเชื่อ ’ข้อมูล‘ นี้เป็น Network ที่ใหญ่ระดับโลก …ดังนั้น Bitcoins ก็คือ Nexus ..ที่คล้ายศาสดา พระเจ้า ของทั้งเครือข่ายนั้นเลย ….พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !!
(เป็นข้อมูลปี 2024 …Network ของคนในเครือข่าย Bitcoins คือ 81.7 ล้านคน หรือ ประมาณ 1% ของประชากรโลก)
…ถ้าเทียบเครือข่ายใหญ่ ถ้าในธุรกิจ ก็เช่น Facebook มี 3 พันล้านคน …Twitter มี 378 ล้านคน …Tiktok ก็ 1 พันล้าน
…แต่ Facebook กลัว Tiktok เพราะ Tiktok จับฐานลูกค้า คนรุ่นใหม่มากกว่า …อายุน้อยกว่าว่างั้น
คิดง่ายๆ ‘ข้อมูล‘ หรือ Nexus ที่ Tiktok สื่อ ออกมา คือ ’โอกาสสำเร็จชั่วข้ามคืน รวยตะโกน รวยแบยไม่มีที่มาที่ไป‘ …ใครวะ? …โคตรตะโกน ….เฮ้ย!! วันนึงคนนั้น อาจเป็นฉันก็ได้ ในเครือข่ายนี้ …เจสโด้ !
6.สิ่งประดิษฐ์และอาวุธที่มนุษย์เคยสร้างมา ล้วนถูกควบคุมโดยมนุษย์ (ระเบิดนิวเคลียร์ ต้องมี คนกด) ….แต่ AI ไม่ต้องมีคนกด มันเป็น อัตโนมัติ แปลว่า AI คือ คนฉลาดที่ขาดสติ ใช่ป่าวอ่ะ ?
ข้อดีคือเราสบาย …เดี๋ยวนี้คนวงการเงินสบาย ก็ปล่อยให้ AI ระบบสั่งซื้อขาย โคตร Passive income…แต่ปัญหาที่เห็นก็คือ Flash Crash ตลาดลงแบบบ้าคลั่งในเวลาสั้นๆ เพราะ AI มันดันสั่งขายพร้อมกัน ในจุดที่ไม่มีใครซื้อ (มักจะเกิดตอนตลาดลงหนัก ไม่มีใครกล้ารับ Volume มันก็เลยหาย …AI มันดันสั่งขาย …ตลาดมันเลยเกิด Flash Crash !!! พัง!!!! เละ!!! หมดตัวใน เสี้ยววินาที !!)
….ทั้งหมดที่เล่ามา มันน่ากลัว เพราะ AI มีทุกอย่างเหมือนมนุษย์ …ฉลาดกว่าด้วย …คำนวณเร็วกว่า …ไม่มีเหนื่อย ไม่มีล้า ….แต่ขาดสิ่งเดียวที่ AI ไม่มี คือ ’ไม่มีสติ’ Conscious !!
….ลองคิดซิว่า …ถ้ามีคนนึง เขาฉลาดมากๆ เก่งโคตรๆ แต่ไม่สติ !!! ….มันจะน่ากลัวขนาดไหน ?
…มีคนพูดว่า งั้นเราก็ทำให้ การตัดสินใจต้อง กดปุ่ม โดยมนุษย์ ทุกอย่างก็ควบคุมได้แล้ว ไม่ใช่เหรอ ?
…ก็ถูก!! …แต่ประเด็นคือ หลายๆ อุตสาหกรรมเขาออกแบบ AI ให้มันตัดสินใจซื้อขายเอง แล้วใช้จริงอย่างกว้างขวางแบบทุกตลาดหุ้นทั่วโลกไปแล้วไง !! …แล้วถ้าคุณบอกว่า งั้นก็แก้ซิ ว่าก่อนจะซื้อขาย ต้องมีมนุษย์ กดอนุมัติ ….ฮึม!! พูดง่าย แต่นั่นก็จะทำให้เทรดช้าลง ไปเหมือนที่เราใช้ เทรดเดอร์ ที่เป็นคน …ใช่!! กลับไปจุดเดิม ก่อนหน้านี้ไง
…จริงๆ สิ่งที่เล่ามา ผมก็มองเห็นโอกาสนะ …เช่น สมมุติเรารู้ว่าตลาดหุ้นใช้ AI เทรดเยอะๆ เราเดาได้เลย มันจะมี Flash Crash …งั้นง่ายๆ เราก็รอ จังหวะ ซื้อสวนแม่ม รวยเร็วเลยกรู …อ้า!! ก็คิดกันไปเรื่อย …555
7.’ผู้นำที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูล …จากฉินซี ฮ่องเต้ , อาณาจักรโรมัน …สู่ราชวงศ์ฮั่น‘
…ยุคแรกที่มีการเอา ’ข้อมูล’ การจดบันทึก มาสร้างระเบียบ ระบบ ความเป็นเจ้าของ และควบคุมคนในอาณาจักรก็คือ ฉินซี ….หลังจากสามารถรวมจีนเป็นหนึ่ง ฉินซี ใช้การควบคุมด้วย ‘ข้อมูล‘ และการจัดระเบียบ กฏเกณฑ์แบบเข้มงวด เชื่อมต่อทั้งประเทศด้วยลำดับชั้น แบ่งแยกปกครองอย่างเป็นระบบ เรียกได้ว่า เป็นการใช้ระบบข้อมูล ปกครองอาณาจักรแบบเต็มรูปแบบครั้งแรกๆ ของโลก (ซึ่งในช่วงเวลาต่อมา ก็มี อาณาจักรโรมัน ที่นำระบบ ข้อมูล และการปกครอง มาปรับใช้) …แต่!! ใช้เวลาเพียง 15 ปี อาณาจักรฉิน ก็ล่มสลาย
พูดง่ายๆ ว่า ฉินซี สร้างอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ด้วยการควบคุม แบบเข้มงวด กระดิกตัวแทบไม่ได้ ปกครองด้วยความกลัว ….จนสุดท้าย เกิดการกบฏลุกฮือ ทั่วทั้งแผ่นดิน จนอาณาจักรฉินส่มสลาย
…สุดท้ายอีกไม่กี่ปี หลังจากนั้น จีนก็ถูกรวบรวมเป็นหนึ่งอีกครั้งภายใต้ ราชวงศ์ฮั่น
…บทเรียนของ ฉิน …ทำให้สมัย ฮั่น ได้เรียนรู้ ….แล้วก็เอาระบบการความคุมด้วย ’ข้อมูล‘ มาใช้ แต่ใช้ในแบบที่ยืดหยุ่นมากกว่า ….และนั่นทำให้ อาณาจักรฮั่น สามารถดำรงค์อยู่ได้อย่างยาวนาน
ด้วยประการละฉะนี้ …แต่น แต้น !!
…หมายเหตุ ฮิตเลอร์ หลังจากได้เป็น Chancellor… ‘Nazi’ ก็ออก Coordination Act ควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่ การเมือง สังคม สมาคม คลับ แม้กระทั่งทีมฟุตบอล …ทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้หากปราศจาค การจัดการ ’ข้อมูล‘ ที่ละเอียดสุดยอด
มองไปถึงโซเวียต ..Stalin เข้มงวดยิ่งกว่า Nazi เพราะคุมไปจนถึงโบสถ์ และ ทุกธุรกิจ …พูดง่ายๆ ทุกกิจกรรมภายใต้อาณาจักร ที่มีการรวมตัวของคน จะต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าจดบันทึกข้อมูล !!
…มาถึงยุคปัจจุบัน …เราแทนที่ ‘คนเก็บข้อมูล’ (Agents) …ด้วย คอมพิวเตอร์ , กล้องทุกหนทุกแห่ง ผ่านการประมวลผมด้วย AI …ใช่!! จีน วันนี้ไปไกลจน มีการ ให้คะแนนทุกคน (Social Score) …ใครมีพฤติกรรมดี ทำตามกฏหมาย และ ทำดี ก็จะได้คะแนนดี ….ซึ่ง ‘คะแนน‘ หรือ ข้อมูลนี้ ส่งผลในทุกๆ ด้านในชีวิต ตั้งแต่ ทำมาหากิน , หางาน , ใช้จ่าย (คะแนนดี ชีวิตง่ายกว่า)
…นี่คือ ยุคข้อมูล ที่แม้แต่ ฉินซี , ฮิตเลอร์ หรือ ผู้นำอาณาจักรใดๆ ในอดีต ได้แค่ฝัน
(ในปี 2024 AI อย่าง ChatGPT สามารถอ่านประมวลผล ‘ข้อมูล‘ ได้ เป็นล้านคำต่อนาที …เทียบกับมนุษย์ที่เป็น Agents เก็บข้อมูล อ่านได้แค่ 250 คำ ต่อนาที)
8.‘ผู้ประกอบการ และ นักลงทุน ผู้หาช่องว่างและทำประโยชน์จากข้อมูล‘ …บทนี้คุยในมุมของ การเข้าใจช่องว่าง ซึ่งทุกข้อมูล ทุกระบบ มันมีช่องว่างอยู่ …ขึ้นกับว่า ใครที่เห็นและเข้าใจใช้ประโยชน์จากมัน
ก็ลองช่วยกันคิดครับ ….ยุคข้อมูลข่าวสาร Information Age ที่มี AI เป็นเหมือน ระเบิดนิวเคลียร์ …ก็ขึ้นกับว่า มนุษย์ในยุคใหม่นี้ จะเอาตัวอย่าง ความผิดพลาดในอดีตมาเรียนรู้ และ ปรับให้การเปลี่ยนผ่านทำให้มนุษย์และโลก ดีขึ้นหรือไม่ ก็คงต้องรอดูกัน
สิ่งที่ทำได้ สำหรับคนทั่วไป …คุณและผม ก็คือ การเปิดใจเรียนรู้ เกี่ยวกับยุคที่ข้อมูลข่าวสาร คือ สิ่งที่ทรงพลังสูงสุด …เราจะปรับใช้ให้มันเป็นประโยชน์มากที่สุด ต่อเรายังไง …นั่นแหละ จุดสำคัญ
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น