แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568

หุ้นดีต้องมีตำหนิ …ถ้าไร้ที่ติ เราอาจซื้อในราคาที่ไม่ดี !!

 หุ้นดีต้องมีตำหนิ …ถ้าไร้ที่ติ เราอาจซื้อในราคาที่ไม่ดี !!


1. หุ้นที่ไร้ที่ติ แปลว่า ราคาที่เราซื้ออาจเป็นราคาที่ไร้ที่ติ คือแพงเกินไปนั่นเอง


2. หุ้นดีแทบทุกตัว ไม่มีตัวไหนที่ขึ้นแบบไม่มีวันลง …วันที่ลงนั่นแหละ ‘ตำหนิ‘ ที่เราต้องมองหา


3. การแบ่งระหว่าง ’ตำหนิ’ กับ ‘ของไม่ดี‘ ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของกิจการ 


4. ต้องแยกระหว่าง ‘เหตุการณ์ชั่วคราว’ หรือ พื้นฐานที่เปลี่ยนไป …เพราะถ้าพื้นฐานเปลี่ยนไป เราอาจไม่เห็นหุ้นนั้นกลับมาได้อีกเลย


5. อะไรที่ดูดีเกินไป …จริงๆ มันดูดีเกินไปจริงๆ แหละ …ต้องเตือนสติตัวเองให้ดี 


6. การหาหุ้นดีที่มีตำหนิ ควรอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต เพราะ ธุรกิจที่เติบโต มันอนุญาตให้ทำผิดพลาดแล้วแก้ไขได้ง่ายกว่า


7. อย่าวิ่งเข้าหาแต่ข่าวร้าย …ต้องมองให้ยาว แล้วใจเย็นให้พอ …เพราะไม่ใช่ทุกข่าวร้ายมันจะเป็นโอกาส …บางอันมันแย่จริงๆ ระวังด้วย


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ลงทุนยังไงให้เราถือทนรวยหุ้นปันผลให้นานที่สุด ? (ลงทุนดี จนได้หุ้นนั้นๆฟรี!!)

 ลงทุนยังไงให้เราถือทนรวยหุ้นปันผลให้นานที่สุด ? (ลงทุนดี จนได้หุ้นนั้นๆฟรี!!)


1. คนที่กำไรการลงทุนเป็นหลายๆ เท่าตัว ก็เพราะเขาสามารถทนถือได้นานกว่าคนทั่วๆ ไป


2. การทนถือกำไรต้องผ่านการทนขาดทุนด้วย …แปลว่า การลงทุนที่กำไรเป็น 10 เท่า ส่วนใหญ่ต้องผ่านการที่ราคาย่อลงมาเยอะๆ บางครั้งหุ้นอาจลง 50-70% ก่อนจะขึ้นครั้งต่อไป


3. การจัดสัดส่วนการลงทุนที่ดี ทำให้เราทนรวยได้มากขึ้น …เช่น เราจะลงทุนไม่เกิน 10% ของพอร์ต แล้วพอมันขึ้นก็ทยอยแบ่งขายเอาทุนคืน …จนสุดท้ายเหลือแต่กำไรที่ปล่อยให้มันโตต่อ (ถ้าบริหารพอร์ตได้ดี สุดท้ายเราจะได้หุ้นนั้นฟรี ไม่มีต้นทุน)


4. เราต้องเข้าใจธุรกิจนั้นให้ดีว่า ในระยะยาวธุรกิจสามารถเติบโตได้ต่อ ถ้าไม่ใช่ต้องขายทิ้งให้หมดในช่วงขาขึ้น


5. การมีต้นทุนที่ต่ำช่วยให้เราทนรวยได้มากขึ้น …ดังนั้นถ้าเราซื้อหุ้นช่วงที่มันดีแล้วต้นทุนจะสูงและทนรวยได้ยาก …พูดง่ายๆ ต้องซื้อหุ้นดีเวลามันปรับฐานลงเยอะๆ …ทยอยเก็บ


6. เงินปันผลของหุ้น จะช่วยให้เราทนถือผ่านช่วงแย่ๆ …หรือ ทยอยซื้อช่วงแย่ๆ ก็เพราะ ปันผลคุ้มค่า


7. คนที่กำไรสูงสุดคือคนที่ถือหุ้นแบบเจ้าของ …ถือตลอดไป …แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องบริหารสภาพคล่องตัวเราให้ดี ไม่งั้นเราอาจต้องขายหุ้นนั้นในเวลาที่มันไม่ควรจะขาย


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ไม่มีกำไรที่แท้ และขาดทุนที่ถาวร !!

 ไม่มีกำไรที่แท้ และขาดทุนที่ถาวร !!


1. ในการเมืองเราจะพูดว่า ‘ไม่มีมิตรแท้ และ ศัตรูที่ถาวร‘ …ส่วนการลงทุน ก็ไม่มีกำไรที่แท้ และขาดทุนที่ถาวร


2. ถ้าเราถือหุ้นกำไรนานพอ สุดท้ายมันจะเปลี่ยนเป็นขาดทุนในที่สุด …เพราะไม่มีหุ้นที่ขึ้นตลอด …ขาขึ้นแรง ขาลงย่อมแรงพอๆ กัน


3. ถ้าเราขาดทุนนานพอ สุดท้ายมันจะเปลี่ยนเป็นกำไรในที่สุด …หุ้นจะลงได้สุดก็เมื่อคนขาย ขายหมด จากนั้นเหลือแต่คนที่ไม่ขาย กับคนที่รอซื้อครั้งใหม่ …จากจุดนั้นจะค่อยๆ เปลี่ยนขาดทุนเป็นกำไร


4. พื้นฐานไม่ใช่ตัวกำหนดว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง แต่คนซื้อและขายต่างหากที่ทำให้หุ้นขึ้นลง …เครื่องมือการอ่านแรงซื้อหรือขายคือ กราฟ และ Technical 


5. ตัวกำหนด Trend ขาขึ้น หรือ ขาลง ในรอบใหญ่ ก็คือพื้นฐาน …หลักๆ คือ ยอดขาย และ กำไร ที่เป็นขาขึ้น


6. “ยอดขายขึ้น กำไรขึ้น = ต้นรอบ / ยอดขายขึ้น กำไรลด = ปลายรอบ” : “ยอดขายลด กำไรขึ้น = เริ่มลง / ยอดขายลด กำไรลง = ลงใกล้สุดละ ”


7. ถ้าคุณไม่เคยติดหุ้น แปลว่า คุณยังอยู่ในตลาดไม่นานพอ (ชั่วโมงบินยังน้อยไป)


8. เหตุผลเดียวที่เราจะยอมถือหุ้นแม้ว่าเราจะขาดทุน หรือขาดทุนหนัก …ก็เพราะเราต้องการหนึ่ง ปันผล , สอง พื้นฐานในอนาคตที่โต และ สาม เราต้องการกำไรสูงสุด


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ทำไมหุ้นที่เราซื้อน้อยถึงขึ้นเยอะ แต่หุ้นที่ซื้อเยอะขึ้นน้อย ?

 ทำไมหุ้นที่เราซื้อน้อยถึงขึ้นเยอะ แต่หุ้นที่ซื้อเยอะขึ้นน้อย ?


1. ไม่ใช่เรื่องดวง แต่เป็นเรื่องของการบริหารความเสี่ยง …ถ้าซื้อหุ้นเป็นพอร์ตจะลดเรื่องเหล่านี้ลงไปได้


2. หุ้นที่เราซื้อน้อย แปลว่า หุ้นมันยังดูไม่ดี อาจจะเป็นหุ้นที่ราคาลงมาเยอะ พื้นฐานอาจจะยังดูไม่ดี …เราก็เลยไม่กล้าซื้อเยอะ ..ซึ่งภาวะแบบนี้ส่วนใหญ่เป็นหุ้นต้นๆ รอบ


3. หุ้นที่เราซื้อเยอะ แปลว่า หุ้นนั้นมักจะอยู่ในข่าวดี ขึ้นมาเยอะแล้ว ทุกอย่างดูดี ใครๆ ก็ซื้อกัน …หุ้นภาวะนี้ เราจะกล้าซื้อเยอะ แต่ส่วนใหญ่มันปลายๆ รอบแล้ว …พอซื้ออาจขึ้นไม่เยอะ หรือ อาจจะเปลี่ยนเป็นขาลงได้ตลอด


4. ให้เปลี่ยนวิธีคิดก่อน …คือ หุ้นที่ดีแล้ว ก็ซื้อให้มันน้อยลง หรือไม่ซื้อก็ได้ …ส่วนหุ้นที่ยังไม่ดี ก็ซื้อมันมากขึ้น …หรือ วิธีลด Bias อคติทางการลงทุน ก็ให้ซื้อมันเท่าๆ กัน แบบเป็นพอร์ต


5. หุ้นที่ขึ้นดีที่สุด คือหุ้นที่เราไม่มี …ทำไม ? ก็เพราะ หุ้นที่เรามี มันก็คือหุ้นมหาชน หุ้นที่ใครๆ ก็ซื้อ …หุ้นพวกนี้ขึ้นไม่เยอะ เพราะ ตลาดหุ้นไม่ได้สร้างขึ้นมาให้คนส่วนใหญ่รวย …มันสร้างขึ้นมาให้คนส่วนน้อยเท่านั้นที่รวยได้


6. ช่วงว่างหรือโอกาสรวยจากตลาดหุ้น …คือ การหาแนวทางการลงทุน ที่ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ …แค่หาว่าคนส่วนใหญ่ลงทุนอะไรซื้ออะไร เราแค่ไม่ทำแบบนั้น ก็แค่นั้นแหละ !!


7. เมื่ออยู่ในตลาดนานพอเราจะพบว่า ตลาดหุ้นและพอร์ตการลงทุน มันจะโตตาม Mindset ของเราที่มีต่อการลงทุนนั่นเอง 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ฉันควรทำอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยกลับตัวแล้ว !!!

 ฉันควรทำอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยกลับตัวแล้ว !!!


1. ‘เริ่มด้วยซื้อหุ้นใหญ่ปันผลดี’ …ตอนนี้หุ้นใหญ่ปันผลดี ราคาลงมาจนแค่ซื้อแล้วถือกินปันผลยาวๆ ก็คุ้มค่าแล้ว …แทบไม่ต้องเทรด


2. ‘เริ่มมองหาหุ้นขนาดกลาง ที่มีกำไรและปันผลต่อเนื่อง’ …กลุ่มนี้รอจังหวะ เพราะเป็นหุ้นพื้นฐานที่ปันผลดี และ มีสภาพคล่องพอสมควร …เรียกได้หุ้นกลุ่มนี้ ถึงซื้อแล้วติด ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร


3. ’ทำการบ้านหุ้นแถว 3 รอโอกาส‘ …หุ้นกลุ่มนี้จะมาก็เมื่อตลาดกลับตัวเป็นขาขึ้นไปแล้วสักพัก …ดังนั้นไม่ต้องรีบซื้อ แค่ต้องรีบทำการบ้าน แล้วรอจังหวะ …กลุ่มนี้ถ้าได้ถือเต็มรอบ มีโอกาสเปลี่ยนชีวิต …โย่ว!!


4. ’แบ่งเงินสด ออกมาตามความเสี่ยง เพื่อรอลงทุน’ ….ให้แบ่งเป็น 3 ก้อน คือ เสี่ยงมาก เสี่ยงกลาง เสี่ยงน้อย …เพื่อทยอยซื้อหุ้นตามความเสี่ยงที่เราจัดไว้แล้วนั่นเอง


5. ‘ช่วงนี้ลองศึกษาเรื่องรอบ Cycle ตลาด และ Cycle หุ้นรายตัว‘ ….โอกาสแบบนี้ทุกๆ สิบปีมีหนึ่งครั้ง …ถ้าปล่อยผ่านไป โดยที่เราไม่ได้อะไร ก็เสียเวลามาก


6. ’ความเสี่ยงอยู่ในจุดที่ทุกคนคิดว่าไม่เสี่ยง’ …ส่วนโอกาสมันอยู่ในจุดที่ทุกคนมองว่าเสี่ยง 


7. ‘การเสี่ยงโดยปราศจากความรู้ ก็คือการพนัน‘ ….การเสี่ยงโดยมีความรู้ และ จัดพอร์ตคุมความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เราเรียกว่า ’นักลงทุน‘ ครับ 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ