วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553
"หนังสือที่ขายดีที่สุดในโลก" หนังสืออะไร!!!
ผมว่าหลายคนน่าจะรู้จัก Seth Godin , Malcolm Gladwell และ Chris Anderson (จริงๆผมว่า.. ไม่ค่อยมีคนไทยรู้จัก 3 คนนี้เท่าไหร่ "ถ้าไม่ได้ชอบอ่านหนังสือแปลกๆ" ..ผมคนนึงล่ะ ที่ชอบไปหาหนังสือแปลกๆอ่าน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะ "ชีวิตมันสับสนขึ้นเรื่อยๆ" ..คุณคิดเหมือนผมไหม ทุกวันนี้ สิ่งรอบตัวมันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ วิถีชีวิตที่รีบเร่งขึ้น การเกิดของ Internet ที่ อัดข้อมูลใส่เรา "จน Information Overload จริงๆ", ทุกวันนี้ต้องเสียเวลา(นานนม)มาก Check ตั้งแต่ E-mail, Facebook , Twitter และก็ คลิป"ฉาว"ใน Youtube --หลายคนบอก "ผมไม่สนหรอก"--แต่พอเอาเข้าจริง เรากลับรู้สึกว่าเราเชย!! ตกกรอบของสังคมตามคนอื่นไม่ทัน!! "ท้ายสุดต้องกลับมา Updated ต่อ", พอเราหันไปข้างๆ เพื่อนเราบินไปเรียนต่อ "อีกสองปริญญาในอเมริกา"--(ทั้งหมดนี้แหละครับ ผมกำลังจะบอกคุณว่า "หนังสือที่ขายดีที่สุดในโลก มีชื่อว่าอะไร!!"
ถูกต้อง!! มันคือ "หนังสือโป๊" ...หุ หุ (ไม่ๆ.ไม่ใช่ Playboy ..แต่มันคือ หนังสือที่ จะโป๊เปลือยความคิด ...และไขข้อสงสัย "บอกคุณว่า ตอนนี้โลกมันเกิดอะไรขึ้น (อะไรเกิดกับกู!!) และบอกว่าคุณจะรับมืออย่างไร" ..นักเขียนทั้งสาม (Seth Godin , Malcolm Gladwell และ Chris Anderson) เป็นนักเขียน International Bestseller เพราะหนังสือเกือบทั้งหมดของเขาพยายามชี้ให้เราเห็นว่า "บ้าบอ..อะไร มันเกิดขึ้นกับโลก เบี้ยวๆของเรา" เอ๊ะ!! โลกเรามัน เบี้ยว หรือ The World is Flat ตามที่ Thomas Friedman บรรจงเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้น...( สับสนมาก!!)
คือ สรุปแล้วผมว่า "เรื่องของอนาคต ยังไงมันก็คือ "เดา"ทั้งนั้น (เพราะมันยังไม่เกิดขึ้น)" ดังนั้น ไม่ว่า คุณจะอ่านหนังสืออะไร ..ท้ายสุด ผมว่าคุณควร"คิดต่อตอนจบเอง" เพราะ ผมมองว่าตอนจบที่ดีที่สุดของหนังสือ มันควรจะจบตามที่เรา "เชื่อ" (ไม่ใช่จบตามที่คนเขียนหนังสือพยายามหว่านล้อมให้เราเชื่อ)... "สรุปว่า อ่านหนังสือ ให้เว้นตอนจบ" --ละครเรื่องนี้มันจะได้จบ สวยงาม "Happy Ending" แบบพระเอก สมหวังกับนางเอก ...แต่ผลลัพธ์จริงๆในอนาคต "ปล่อยให้มันเป็นไป" --"Let's it be but Be Happy today คร้าบบบ....
(เอาเป็นว่า ค่อยๆเรียนรู้ ค่อยๆ ปรับไป มีอะไร แบ่งปันกัน อย่าลืม มา Add Facebook ของผม ..มี Link ใน Blog ของผมที่ http://pawawit.blogspot.com --แล้วก็ "ment..คุยกันเข้ามา" ช่วยกัน Shape โลกเบี้ยวๆนี้กันหน่อย...หุ หุ หุ)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
เมื่อคืน 1 มีนาคม 2555 คุณแม่โทรมาบอกว่า "แพ้ท!! คุณตาท่านเสียแล้ว" ผมก็รู้สึกใจหายอย่างมาก เพราะคุณตาเป็น เสมือนต้นแบบ ที่สอนให้ผ...
-
หลายคนสงสัยว่า ตลาดหุ้นผันผวนสุดๆ ทำไมนักลงทุนระยะยาวถึงแทบไม่เคยดูราคาหุ้นขึ้นลงรายวันเลย ? "บ้าหรือ เงินแกว่งขึ้นลงเป็น แสน เป...
-
"ใครว่าเป็นนักธุรกิจยาก ..หากเทียบนักกีฬา เกมธุรกิจเล่นง่ายกว่าเยอะ -- เล่นแล้วรวยอีก!!" ..คิดดูนะ ถ้าเราเล่นกีฬาอะไรก็ต...
-
6 ปัจจัย ที่ทำให้พอร์ตคุณโตแบบก้าวกระโดด 1. ’เคยพอร์ตระเบิด แต่ยังไม่เลิกเล่นหุ้น’ …ต้องบอกว่า นักลงทุนที่สามารถปั้นพอร์ตให้โตก้าวกระโดดแทบ...
-
6 ข้อที่ผมหลงใหล …เกษียณแล้วไปไหน ? 1. ‘ถึงจุดที่ต้องถอดหัวโขนแล้ว แต่ Ego ยังอยู่‘ …หลายครั้งที่คนเกษียณจะมองว่าตัวเองหมดความสำคัญ (ให้หาส...
-
'คาถาหาโอกาส ..ท่องในใจ ใครเจอเราคนนั้นโชคดี!!' วันนี้พี่หนิง เรียกตัวผมไปสัมภาษณ์ที่ช่อง 3 ..ประเด็น การหาโอกาสธุรกิจ และ ...
-
10 ข้อเสีย ของลูกคนรวย เดี๋ยวนี้เราเห็นชีวิตคนรวยมากขึ้น จาก Social ..ส่วนใหญ่ก็มักจะปลอม ..ไอ้มีจริงๆ ไม่ค่อยโชว์ ..แต่ทั้งหมด เรา...
-
6 ข้อ จัดการยังไงในวันที่หุ้นไทยไม่มีอนาคตแล้ว 1. ’การหาข้อมูลที่แตกต่าง‘ …ปกติเราจะรับข้อมูลทางเดียว คือ ดูข่าว อ่าน หรือดู แบบที่ใครๆ ก็ด...
-
5 ข้อ ทำไมเราไม่ควรล้างพอร์ตแม้ว่าตลาดจะแย่แค่ไหนก็ตาม 1. ‘เวลาหุ้นลงเราก็แค่ขายหุ้น แต่จุดที่เราอยากจะล้างพอร์ตแปลว่า ตลาดแย่จนไม่ไหวแล้ว‘...
ย้อนรอย SET จัดทำเพื่อย้ำเตือนของคำพูดที่ว่า "History Repeat itself!!"
- ภาพใหญ่หุ้นไทย ปี 1987 - 2009
- ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990(จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)
- ย้อนรอย SET ปี 1991 - 1993 ( 3 ปีสู่ยอดดอย )
- ย้อนรอย SET ปี 1994 - 1996 ( 3 ปี แห่งการ "เผาหลอก" )
- ย้อนรอย SET ปี 1997 - 1999 ( 3 ปี "เผาจริง"แตะ Bottom แล้วเด้งขึ้น )
- ย้อนรอย SET ปี 2000 - 2008 ( 9 ปี แห่งการ "พายเรื่อในอ่าง" )
- ย้อนรอย SET ปี 2009 (Do you Remenber?)
"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ
-
จาก หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หน้า 20 - วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 : Link ที่ Thairath Online http://www.thairath.co.th/content/life/321...
-
10 เรื่องที่ต้อง "รู้งี้" ก่อนจบปริญญา ... 1. "ใบปริญญามีวันหมดอายุ" ..หลายคนคิดว่า ใบปริญญาไม่มีวันหมดอายุ พอเรียนจ...
-
ในตลาดจริงๆ มีหุ้นอีกมากมายที่เรามองข้าม ..หลายคนก็กลัวว่าซื้อแล้วหุ้นจะไม่ขึ้น แต่ลองมองอีกมุมนึงว่า ถ้าหุ้นนั้นๆ ให้ปันผลในระดับ 5 -10% ต...
-
ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ (จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทาง...
-
'คำทำนาย ที่ว่าโลกหลังปี 2017 จะเกิด ..ธุรกิจเล็กจะใหญ่ ธุรกิจใหญ่จะเล็ก!!' ยุคนี้รายใหญ่ก็ตายได้ ..รายเล็กก็เกิดได้ ..นี่อ่านข...
-
วันนี้มาดอนเมือง ผมได้ชิมกาแฟมวลชน จุดเริ่มของ All Cafe ของ 7-11..วันนี้เกมค่าปลีกแข่งดุ เนื่องจากค่าเช่าแพงขึ้นตามราคา Asset ที่พุ่งกร...
-
เราค้างเรื่องของ "จิตอิสระ" กับ "จิตทาส" เอาไว้ว่า มันแบ่งระหว่าง คนที่จิตเป็นทาส ย่อมเป็นทาสตลอดไป ไม่ว่าระหว่างทางใน...
-
Luxury คือ เงินเฟ้อ!! เศรษฐกิจไม่ดี ทำไม ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ..คนธรรมดาทำไมอยู่ยากขึ้นทุกวันล่ะ ? ก็เพราะ เราไม่รู้ว่า 'ความห...
-
วันนี้ฟังรายการ "คุยกับ อาจารย์ วีระ ธีรภัทร ช่อง FM 96.5" ...ไปสะกิดกับคำถามนึง คือ มีพี่ผู้หญิงท่านนึงเขาโทรเข้ามาแล้วระบายให้...
-
(อันนี้ยกขึ้นมาให้ดูเล่นๆนะครับ ..ไม่ได้จะบอกว่ามันดีหรือไม่ เพียงแต่ มาดูกัน "แปลกดี") ประเด็นแรก ผมชอบหุ้นปันผล แต่ตัวนี้ถ้ามอง...
อืม...จากประสบการณ์ที่ขายหนังสือมาหลายปี(มีแผงหนังสือหน้าร้าน)หนังสือที่ขายดีที่สุดเป็นนสพ.รายวันค่ะ ง่ายๆเลยคงเพราะราคาถูก ยิ่งถ้าข่าวแบบชาวบ้านด้วยแล้ว(ไทยรัฐ เดลินิวส์)ยิ่งขายดีค่ะอ่านแล้วไม่ต้องเก็บมาคิดให้เหนื่อย
ตอบลบ