วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563

ความเข้าใจจะช่วยให้ไม่ตกรถ ไม่ติดดอย

‘ตอนนี้ยังซื้อหุ้นทันไหม ?’

ทัน แน่นอน !! ..แต่พูดแบบนี้ไม่ได้ ต้องเอา ‘ข้อมูล’ และ สถิติ มาคุยกัน ถึงจะมีเหตุผล

สำหรับคนทั่วไป การจะให้ซื้อหุ้น แล้วถือยาว อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เพราะ ราคาหุ้นมันแกว่ง

ยกตัวอย่าง สมมุติซื้อหุ้น ปี 2008 ที่ราคา 2 บาท พอปี 2009 ราคาหุ้นมันวิ่งขึ้นไป 6 บาท ...โอ้ว!! ปีเดียว 3 เด้ง (ฉันรวยแล้ว!!) ...สมมุติว่า เผอิญไม่ได้ขาย มาปี 2010 มีข่าวร้าย ราคาหุ้นลง จาก 6 บาท ไปเหลือ 3 บาท ...คราวนี้ โคตรเครียด !!!

‘แย่จริงๆ ...ฉันน่าจะขาย ตอน 6 บาท แล้วนี่ 3 บาท ก็มาซื้อกลับ’ ...โถ่เอ้ย !! ‘รู้งี้รวยแล้ว’ หงุดหงิดจริงๆ

จากนั้น ราคาหุ้นค่อยๆ ขึ้นไปที่ 6 บาท ...’ขายละ !! โชคดีจริงๆ’ ...พอขายเสร็จ ราคาหุ้นค่อยๆ วิ่งไปอย่างช้าๆ จนถึง 10 บาท

‘ฉันเริ่มเซ็ง ไม่ดูละ ปวดหัว ตลาดหุ้น การพนันชัดๆ ...ไร้สาระ!!’

หลังจากนั้น ฉันก็ไม่สนใจตลาดหุ้นอีก ...วันนึงปี 2015 ก็นึกคลึ้ม อยากรู้ว่า หุ้นที่ขายไป 6 บาท ...ตอนนี้เท่าไหร่แล้ว ?

ดูปั๊บ ...ปี 2015 หุ้นตัวนี้ ราคา 20 บาท

‘เฮ้ย!! บ้าไปแล้ว ....ทำไม คนพวกนี้โง่จริงๆ ...หุ้นตัวนี้ จะไปราคา 20 บาท  ได้ไง ? ....โง่ จริง ๆ ...ใครซื้อ ก็โง่แล้ว !! ...ฮ่า ฮ่า ตลกจริงๆ’

เรื่องที่ผมเล่า คือ เรื่องจริง ขอสรุปให้ เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

1. ตอนซื้อที่ 2 บาท คือ ซื้อหุ้นตอนวิกฤต ราคามันถูก บางทีซื้อได้ ต่ำกว่า Book Value ด้วยซ้ำ

2. ขายไปที่ 6 บาท ...เพราะ ถือไป แล้วราคาลง ก็รู้สึกว่า ‘รู้งี้น่าจะเล่นสั้น ...น่าจะเอากำไรบ้าง ระหว่างทาง’ ราคาลงไป 3 บาท ก็เลยเซ็ง ...พอราคาเด้งกลับมาที่ 6 บาท เลยรีบขาย ....แต่สุดท้ายหุ้นวิ่งต่อไป 10 บาท ก็เซ็ง

แต่สรุปง่ายๆ คือ ‘คนนี้ ไม่เข้าใจเรื่องรอบหุ้น’ ...ว่า ถ้ามันลง มันก็จะลงไปต่ำกว่ามูลค่า ...พอเวลาเด้ง มันก็ย่อมเด้งเกินมูลค่า ...ถ้าเข้าใจ เราจะเฉยๆ มาก เพราะ เราเข้าใจ ‘รอบหุ้น’

3. ‘เอาตรงๆ นะ ถ้าซื้อ 2 บาท แล้วทนๆ ถือ ทนรวยไป’ ...ขึ้นลง ช่างมัน ทนรับปันผลไป ...ซึ่งดีกว่า ฝากธนาคารหลายเท่าๆ ...ถ้าทำแบบนี้ สุดท้ายจะได้กำไรสูงสุด !! ...แต่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เพราะ ไม่เข้าใจนั่นเอง

4. ‘วิธีแก้ปัญหานี้ คือ ศึกษาเรื่องรอบ’ ...ถ้ารอบระยะกลาง หุ้นจะใช้เวลา 2 ปี จากข่าวร้ายถึงข่าวดี หุ้นขึ้นตั้งแต่ 50% จนถึง 200% ในแต่ละช่วง

5. ‘ช่วงที่รับหุ้นได้ราคาถูก’ ก็คือ ช่วงวิกฤตที่ RSI อยู่ในระดับต่ำ จากนั้น ถือขึ้นไปจน RSI ขึ้น ..ชน Oversold แล้วก็ไม่ต้องรีบขาย ทนรวยได้ต่อ ...ขาขึ้น จะรีบขายทำไม

6. ช่วงปรับฐานระยะกลาง ตลาดมีข้าวร้ายทุกๆ 2 ปี ...เก็บเพิ่มได้ ถ้ามีเงินเตรียมไว้ (เงินมากน้อยไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ เราเตรียมเงินเย็น ไว้ซื้อในเวลาที่หุ้นมีวิกฤตหรือเปล่า)

7. โอกาสครั้งใหญ่ จะเกิดเวลาตลาดเกิดวิกฤตแรง ...ตลาดจะลงเกือบ 50% เหมือนอย่างปี 2008 จากนั้น จะค่อยๆ ขึ้นครั้งใหญ่หลังจากนั้น

8. ‘ตลาดถูก คือ ตลาดอยู่ในช่วง 1 เท่าของ Book Value’ ...แปลว่า เราสามารถซื้อหุ้นได้เท่าๆ ต้นทุนเจ้าของ แถมปันผลก็ค่อนข้างสูง

เอาสถิติ มาดู ก็รู้เลยว่า ที่คนส่วนใหญ่ พลาดโอกาส เพราะ เอาอารมณ์นำเหตุผล ...ศึกษาดีๆ ครับ จากนี้ไป ผมว่า โอกาสจากตลาดหุ้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ

เอาใจช่วย ให้เพื่อนๆ นักลงทุน สามารถคว้าโอกาสในรอบนี้นะครับ

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น