วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568

หุ้นปันผล กับ Work Life Balance มันเกี่ยวข้องกันยังไง ?

 หุ้นปันผล กับ Work Life Balance มันเกี่ยวข้องกันยังไง ?


1. หุ้นปันผล เป็นหนึ่งในทางเดินสู่อิสรภาพทางการเงินที่ดีที่สุด …เอาตรงๆ เพราะหุ้นปันผล เป็นสินทรัพย์ที่ให้เงินปันผล โดยที่เราเหนื่อยน้อยที่สุด 


2. หุ้นปันผลเหนื่อยน้อยจริง แต่เราควบคุมอะไรไม่ได้เลย …หุ้นจะขึ้น จะลง ปันผลจะดี จะแย่ เราก็คุมไม่ได้ …แต่เราคุมได้อย่างเดียว นั่นคือ คุมความเสี่ยงของพอร์ตเรา


3. การคุมความเสี่ยง ต้องลงทุนแบบที่เราไม่สบายใจ ….ใช่!! ถ้าเริ่มซื้อแล้วไม่สบายใจ แปลว่า เรามาถูกทาง …นั่นคือ ต้องซื้อหุ้นกระจาย และ ซื้อกลุ่มที่เราไม่ชอบด้วยอย่างสมดุลย์ 


4. Work Life Balance เป็นผลลัพธ์จากวินัยในการลงทุน …พูดง่ายๆ ถ้าเราลงทุนซื้อหุ้นปันผล จนเป็นกิจวัตร ทำไปเรื่อยๆ สุดท้ายเราจะได้ทั้งอิสรภาพทางการเงิน รวมทั้ง Work Life Balance ด้วย


5. ซื้อหุ้นปันผลถ้าเริ่มในซื้อในตลาดห่วย จะช่วยให้เรารวยเร็วและง่ายขึ้น …ช่วงตลาดห่วย หุ้นจะปันผลสูงขึ้น เราเลยได้ซื้อหุ้นถูก โอกาสสำเร็จมันก็เลยง่ายและเร็วขึ้น


6. ข้อควรระวังคือเศรษฐกิจโลกผันผวน อาจมีหลายธุรกิจไปไม่รอด …วิธีแก้ ก็คือ การกระจายความเสี่ยง ลงกระจาย ไม่กระจุก ลงไปเรื่อยๆ …ซื้อ 10 หุ้น เจ๊ง 3 หุ้น แต่ที่ไม่เจ๊ง ก็โตและปันผลเลี้ยงเราสบายๆ 


7. วางแผนให้ถูกเพราะ Work Life Balance ที่ดีจริงๆ มันมาหลังอิสรภาพทางการเงิน จากการทยอยซื้อหุ้นปันผลอย่างมุ่งมั่น ต่อเนื่อง และนานพอ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2568

ทำยังถึงจะเสี่ยงได้ รวยได้ แล้วไม่หมดตูดซะก่อน ?

 ทำยังถึงจะเสี่ยงได้ รวยได้ แล้วไม่หมดตูดซะก่อน ?


1. มีงานที่มีรายได้สม่ำเสมอก่อน …ถ้าจะเสี่ยงสุดๆ ต้องรู้ก่อนว่า เรามีศักยภาพที่สามารถเสี่ยงได้


2. ศึกษาสินทรัพย์ให้รู้ว่า อะไรขึ้นได้เยอะ …อะไรขึ้นได้น้อย …สินทรัพย์ที่ขึ้นได้เยอะ มันคืออะไรที่ดูเสี่ยง ดูไม่ปลอดภัย …ส่วนสินทรัพย์ที่ปลอดภัย มันก็ขึ้นได้น้อย 


3. จัดหนักในสิ่งที่ขึ้นได้เยอะ แล้วถือยาวผ่านความผันผวนไปเลย …หลายคนเคยซื้อสินทรัพย์ที่ขึ้นได้เยอะ แต่ทนถือไม่ได้ ก็ทนรวยไม่ได้นั่นแหละ 


4. ถ้ายังไม่รวยอย่าเพิ่งให้รางวัลตัวเอง …ใช่!! เสี่ยงต่อไป …ซื้อเข้าไป เก็บเข้าไป ….ท่องไว้ ถ้าไม่รวย ฉันจะไม่ใช้เงิน


5. ถ้าทนไม่ถึง 10 ปี อย่าเพิ่งท้อว่าทำไม่ได้ …ก็ Cycle ของสินทรัพย์ จากขาลงเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ รอบใหม่ มันอาจจะกินเวลานาน …ต้องทน ต้องอด …ท่องไว้ ‘อดทนถึงที่ ได้ดีทุกคน’ 


6. รวยแล้วก็ใช้แต่ปันผล ไม่แตะเงินต้น ….อย่าหยุดรวย เพราะ ถ้าแตะเงินต้นเมื่อไหร่ โอกาสรวยมันก็จะลดลงเรื่อยๆ จะใช้ก็เอาเงินปันผลมาใช้


7. หาเพื่อน พวกที่บ้าเหมือนเรา …มันจะช่วยกันหาของ …หาจุดลงทุนที่มีโอกาสรวย 


ถ้าทำได้ 7 ข้อนี้นะ …ยังไงวันนึงก็ต้องรวยวะ !!


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

‘เป็นล้านเลยเหรอพี่ ?‘ …ทำอะไรมีเงินเป็นร้อยล้าน !!

 ‘เป็นล้านเลยเหรอพี่ ?‘ …ทำอะไรมีเงินเป็นร้อยล้าน !!


1. อยากได้เงินล้าน …ต้องทุ่มพัฒนาทักษะ เพราะ ทักษะจะทำให้เราได้งาน ได้ธุรกิจ ได้โอกาสใหม่ๆ ที่นำไปสู่การสร้างเงิน และการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ 


2. อยากได้สิบล้าน …ต้องพัฒนาทักษะ ให้ชนะคนอื่น …เรียกว่า ’ความเชี่ยวชาญ’ …ถ้าเป็นนักขาย ก็คือ เรามีวิธีขายที่เก่งกว่าคนอื่น , ออนไลน์เราเก่งกว่า , ฝีมือเราเหนือกว่า 


3. อยากได้ร้อยล้าน …ต้อง ‘มีทักษะที่มากกว่าตัวเอง‘ …อย่างเจ้าของธุรกิจ …งานมันเพิ่มขึ้นกว่าคนๆ เดียวจะทำได้แล้ว ต้องขยาย ต้องสร้างคน ต้องถ่ายทอด สอนลูกน้อง …กล้าเสี่ยง 


4. อยากได้พันล้าน …ธุรกิจที่สามารถ สร้างระบบ …มีการควบคุมที่ดี การตรวจสอบที่ดี Check & Balance …มีการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอและเติบโต …เราก็สามารถ ‘รวยจากเงินคนอื่น‘ …อย่างเช่น การนำธุรกิจเข้าตลาด ไป IPO …ถ้าธุรกิจกำไรปีละร้อยล้าน …มูลค่าธุรกิจในตลาดก็กลายเป็น พันล้านได้ 


(แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าของจะมีเงินเป็นร้อยล้าน เพราะ เขาไม่ได้ถือหุ้นทั้งหมด หรือ ก็ยังไม่ได้ขายหุ้น)


5. อยากได้เงินสดร้อยล้าน …เอาตรงๆ เจ้าของธุรกิจร้อยล้าน จริงๆ อาจจะกำไรสิบล้าน หัก นุ่นนี่ อาจแทบไม่เหลือ …การจะมีเงินสดร้อนล้าน ต้องเอาเงินไปลงทุนให้ดี ซึ่งยากชิหาย


 (ทั้งประเทศไทย 70 ล้านคน มีบัญชีเงินฝากเกิน 100 ล้านแค่ 6 พันบัญชี)


- ทางเลือก คือ ขายธุรกิจ …เอาบริษัทเข้าตลาด ก็อาจจะพอได้ 


นั่นแหละ ‘เป็นล้านเลยเหรอพี่ !!’ …ต้องวางเป้าหมายให้ถูก เข้าใจ ที่มาที่ไป …เราถึงจะมีโอกาสไปถึงจุดหมายที่เราตั้งไว้ในที่สุด


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


ทำไมคนที่รายได้มั่นคง ควรลงทุนให้เสี่ยง ?

 ทำไมคนที่รายได้มั่นคง ควรลงทุนให้เสี่ยง ?


1. รายได้ที่มั่นคงมักจะมีข้อจำกัด คือ มีรายได้เรื่อยๆ แต่ไม่โต …ดังนั้น การลงทุนควรหาโอกาสที่เสี่ยง เพื่อเป็นทางเติบโตของเราเอง


2. โอกาสที่เสี่ยง คือ ลงทุนในสินทรัพย์ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเสี่ยง และ ในเวลาที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าลง


3. การลงทุนที่เสี่ยงอย่างสม่ำเสมอและนานพอ จะลดความเสี่ยงลง จนกลายเป็นความมั่นคงในระยะยาว ….พูดง่ายๆ คือ การลงทุนมันไม่ใช่การซื้อๆ ขายๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา …แต่มันคือการซื้อสะสมสินทรัพย์ที่เสี่ยง แล้วถือนานพอจนมันให้ผลตอบแทนอย่างสาสม


4. การสร้างพอร์ตการลงทุนที่เติบโตอาศัยวินัยและความอดทน มากกว่าความเก่ง ….ในระยะยาวตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง มักให้ผลตอบแทน 10% แบบทบต้น แต่เราจะได้ผลตอบแทนนั้น ก็ต่อเมื่อเราถือผ่านความผันผวนแต่ก็ยังทนถือและซื้อเพิ่ม (บางช่วงพอร์ตเราอาจติดลบ 50% ระหว่างทางที่ถือ เป็นเรื่องปกติในการลงทุน)


5. อดเปรี้ยวไว้กินหวาน แล้วใช้เงินจากปันผลของการลงทุนเท่านั้น …วิธีการเดียวที่จะใช้เงินแล้วไม่จนลง ก็คือ ใช้เงินจากปันผลของการลงทุน …เพราะถ้าเราจะใช้เงินจากเงินต้น ถึงรวยเท่าไหร่ก็ไม่พอ 


6. ไม่มีสินทรัพย์ที่ดีที่สุด และไม่มีสินทรัพย์ที่ดีตลอดไป ….สินทรัพย์ทุกอย่างมันมี Cycle ขึ้นและลงเป็นรอบ และวนเวียนไปเรื่อยๆ …อะไรที่ดูดี ส่วนใหญ่ปลายรอบ ใกล้ซวยละ …อะไรที่แย่ ส่วนใหญ่ต้นรอบ ใกล้ดีละ !!


7. ต้นหญ้าบ้านคนอื่นจะดูเขียวกว่าสนามบ้านเราเสมอ ….เรามักจะคิดว่าคนอื่นลงทุนได้ดีกว่าเราเสมอ …แต่ลึกๆ เชื่อเถอะว่า แค่คุณดูแลสนามของคุณให้ดี คุณก็เป็นผู้ชนะในระยะยาวแล้ว


8. ถ้าเราขาดทุนเยอะ ไม่ได้แปลว่าเราโง่ …ถ้าเรากำไรเยอะก็ไม่ได้แปลว่าเราเก่ง ….ถ้าคุณอยู่ในตลาดการลงทุนนานพอ คุณจะพบว่า วันไหนที่คุณเริ่มคิดว่าตัวเองฉลาด เก่ง …การขาดทุนครั้งใหญ่ หายนะที่สุด มันกำลังรอเราอยู่ใกล้ๆ แล้วล่ะ


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

6 เคล็ดลับ หาจุดเปลี่ยนชีวิตที่นานๆ จะมาสักทีนึง

 6 เคล็ดลับ หาจุดเปลี่ยนชีวิตที่นานๆ จะมาสักทีนึง


สำหรับผม ผมเจอจุดเปลี่ยนชีวิตมา 3 ครั้งใหญ่ๆ …ครั้งแรก สมัยเรียน จากเด็กเรียนธรรมดา ..ผมไปสมัครสอบได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ไป Australia 1 ปี พอกลับมาผมกลายเป็นเด็กเรียนเก่ง จนสอบได้มหาวิทยาลัยที่ผมอยากเรียน


ครั้งที่สอง ผมรวบรวมประสบการณ์การทำธุรกิจและความล้มเหลว มาเป็นงานเขียน จนสุดท้ายรวมเล่มกลายเป็นหนังสือ Best Seller ของประเทศ ทำให้ผมได้ย้ายมาทำงานสายการเงิน


ครั้งที่สาม ช่วงโควิด ผมรวบรวมเงินที่มีทั้งหมดแล้วทุ่มลงทุนในตลาดในวันที่ตลาดแย่ที่สุด March 2020 จำได้แม่น …จนพอร์ตเติบโต เปลี่ยนชีวิต


หลักๆ มันมีหลักการคร่าวๆ ดังนี้


1. ’จุดเปลี่ยนชีวิตจะมาในเวลาที่เราแย่ หรือแย่ที่สุด‘(The End is the Beginning) …ถ้าชีวิตเรายังไม่แย่พอ เราก็ยังทนทำสิ่งที่มันไม่ได้เรื่องอยู่นั่นแหละ …..ใช่ !! พอเราแย่ ถึงแย่ที่สุด มันบังคับให้เราต้องเปลี่ยน มองหาสิ่งใหม่


2. ’จุดเปลี่ยนชีวิต มักอยู่ในจุดอ่อนที่เราไม่เคยทำ‘(Talent hidden in weakness)…ปกติเราจะค่อยๆ ก้าวหน้าในหน้าที่การงานจาก จุดแข็ง …เราทำได้ดี ได้เงินมากขึ้น …แต่จุดเปลี่ยนชีวิตมักซ่อนอยู่ในจุดอ่อนที่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยทำ ไม่กล้าทำ หรือ ไม่คิดจะทำ


3. ‘จุดเปลี่ยนต้องอาศัยการหาผลลัพธ์ใหม่ที่มันใช่ แล้วใส่เต็ม’(Identify the Trend)…จุดสำคัญคือ เราต้องเจอผลลัพธ์ใหม่ที่ใช่ก่อน แล้วถึงจะใส่เต็ม จัดหนัก …แต่คนส่วนใหญ่มักใส่ ตอนที่ยังไม่เห็นอะไร ถัวไป …อันนั้นยิ่งจะทำให้เจ็บหนัก ไม่ใช่จุดเปลี่ยน


4. ‘แนวร่วมที่ใช่ จะโคจรมาเจอพร้อมๆ กัน’ (The Avengers)…โอกาสใหม่ มันไม่ใช่เราเจอคนเดียวในโลก …มันมักจะมีหลายๆ คนที่ เจอพร้อมๆ กัน …คนกลุ่มนี้แหละที่ศีลเสมอกัน และจะเติบโตในโอกาสใหม่ ไปพร้อมๆ กับเรา


5. ’จุดเปลี่ยนชีวิตจะอยู่ตรงข้ามกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่มอง’(Against the Mass)….มันต้องไม่ใช่จุดที่มหาชนมองตรงกัน …เพราะ จุดที่ทุกคนมองว่าดี ส่วนใหญ่มักจะเป็นปลายรอบ และไม่ใช่จุดที่ดีในการลงทุนแล้ว


6. ‘ถ้าเรายังไม่สำเร็จ แปลว่าเรายังเสี่ยงทำไม่มากพอ‘(Do it till we make it) ….ถ้าครั้งแรกไม่ใช่ …มันอาจจะใช่ในครั้งที่ 2 …3 …หรือ 4 ….แปลว่า เราต้อง Stay in the Game till we Success!!! 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2568

10 ข้อควรรู้ เพื่อเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้น

 

10 ข้อควรรู้ เพื่อเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้น

1. ตลาดหุ้นสามารถเล่นแบบการพนัน และก็สามารถเล่นแบบการลงทุน คนกำหนดคือคนเล่นเอง ไม่ใช่ตลาด ..คนส่วนใหญ่เลือกเล่นแบบพนันแล้วโทษตลาด

2. หุ้นพื้นฐานที่มีปันผล สามารถซื้อแล้วถือเหมือนลงทุนในที่ดิน ไม่จำเป็นต้องขายก็ได้ ..ถ้าถือได้นานพอ ปันผลก็คืนเงินทุนในที่สุด หลังจากนั้นหุ้นนนี้จะกลายเป็นเครื่องผลิตเงินเลี้ยงเราชั่วชีวิต ..นี่คือ อิสรภาพทางการเงินที่ตลาดหุ้นให้เราได้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้

3. หุ้นสามารถปั่นราคาขึ้นลงได้ แต่เราไม่จำเป็นต้องเป็นเหยื่อในเกมนั้น ..ถ้าเราลงทุนแบบออมในหุ้น คือซื้อหุ้นดีในเวลาวิกฤต มันเหมือนอยู่คนละเกมกับคนอื่น ..ใช่!! อินดี้ในแบบของเราเอง

4. ถ้าหุ้นที่เราถือ มันขึ้นเร็วไป หรือ เราอยากใช้เงิน ก็สามารถขายหุ้นได้ โดยส่วนต่างจากกำไรในตลาดหุ้น เป็นรายได้ที่สุดยอด เพราะไม่เสียภาษี

5. โอกาสในชีวิตไม่ได้หาง่าย แต่โอกาสในตลาดหุ้นมาหาเราบ่อยมากๆ ..สำหรับนักลงทุนระยะยาว เช่น แนวออมในหุ้น ผมมองทุกวิกฤตเป็นโอกาส ..หาวิกฤตตลาดหุ้นให้เจอ แล้วเราจะเห็นโอกาสตลอดเวลา

6. หุ้นที่เราซื้อตามคนอื่น ไม่มีทางซื้อได้ในจุดที่ดีเท่ากับเราเลือกเอง ..อย่าหวังจะรวยจากตลาดหุ้นหากคุณเลือกหุ้นด้วยตัวเองไม่เป็น

7. ถ้ากระจายความเสี่ยงเป็น ไม่มีทางเจ๊งในตลาดหุ้น ..คิดดีๆ หุ้นลงได้แค่ 100% แต่หุ้นขึ้น ขึ้นได้เป็น 1,000% ..ดังนั้น คนที่รู้วิธีออมในหุ้นอย่างถูกต้อง ไม่มีทางเจ๊งเลย !!

8. ตลาดหุ้นถ้าใครลงทุนแล้วไม่เลิกเล่น รวยทุกคน เพราะหุ้นดีมันเหมือนที่ดิน มันคือสินทรัพย์ที่โตขึ้นเรื่อยๆ ปันผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ..ถือที่ดินยิ่งนานยิ่งรวย ถือหุ้นปันผลก็เหมือนกัน

9. ความผันผวนของราคาหุ้นในระยะสั้นมีผลกระทบต่อคนเล่นสั้นโดยตรง แต่แทบไม่มีผลกระทบอะไรเลยกับนักลงทุนระยะยาว ..ดังนั้น ถ้าคุณมีงานประจำหรือมีธุรกิจส่วนตัว ควรเน้นลงทุนระยะยาว

10. ความสุดยอดของอาชีพนักลงทุน คือ 'สามารถวางเงินทำงานได้ (เกษียณแล้วยังมีปันผลจากหุ้นเลี้ยงเราต่อ) และก็เป็นอาชีพเดียวในโลกที่ยิ่งแก่ ก็ยิ่งรวย' เพราะหุ้นดีมูลค่ามันขึ้นไปเรื่อยๆ และปันผลก็โตไปเรื่อยๆ ...รวยไปเรื่อยๆ

ต้องถามตัวเองว่า

หนึ่ง คุณพร้อมศึกษาให้ รู้จริง ในตลาดหุ้นหรือเปล่า ?

สอง 'คุณทนรวยเป็นหรือไม่?'

 #ภาวิทย์กลิ่นประทุม

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2568

10 อันดับ สินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

 10 อันดับ สินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก


1. ทอง มีมูลค่ารวม 20.5 Trillion 


2. Microsoft มูลค่ารวม 2.6 T


3. Apple มูลค่ารวม 2.59 T 


4. NVIDIA มูลค่ารวม 2.34 T


5. Amazon มูลค่ารวม 1.8 T


6. Google มูลค่ารวม 1.77 T


7. Vanguard total Stock Market ETF มูลค่ารวม 1.7 T


8. Silver มูลค่ารวม 1.69 T


9. Saudi Aramco มูลค่ารวม 1.63 T


10. Bitcoin มูลค่ารวม 1.5 T


….Vanguard S&P 500 ETF 1.32 T , Facebook 1.29 T , Berkshire 1.06 T , Broadcom 733.6 B , TSMC 733.2 , Tesla 713.2 B , Walmart 655.6 B , Visa 504.6 B , Tencent 516.8 B , Netflix 372.3 B , LVMH 288.1 B , Hermes 267.2 B , Moutai 263.4 B , Nestle 252.2 B , Alibaba 252.1 B , Samsung 236.9 B , McDonald 214.4 B , 


..PTT 25 Billion 


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2568

8 ข้อคิด จาก The Psychology of Money

 8 ข้อคิด จาก The Psychology of Money


1. ความมั่นคงทางการเงิน คือ ความยืดหยุ่นในชีวิต

2. ความมั่นคงทางการเงิน ไม่ใช่ การได้เยอะ แต่คือ การไม่เสียหมดตัว

3. ตลาดและการลงทุน ไม่เคยให้ผลตอบแทนฟรีๆ

4. อย่าเอาอนาคตไปผูกกับแผนที่เป๊ะจนเกินไป

5. เป้าหมายทางการเงินที่สำคัญที่สุดคือ การมีอิสระ (เพราะเงินซื้อเวลาได้)

6. นิสัยทางการเงินสำคัญกว่าความรู้ทางการเงิน

7. ยิ่งมีอีโก้เยอะ ยิ่งเก็บเงินได้น้อย

8. การวางแผนระยะยาว ต้องเผื่อว่าอนาคตเราคิดไม่เหมือนตอนนี้ 

วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568

7 ข้อ ความเชื่อในการลงทุนที่เปลี่ยนไป ในตลาดวันนี้

 7 ข้อ ความเชื่อในการลงทุนที่เปลี่ยนไป  ในตลาดวันนี้


1. ยิ่งเสี่ยงยิ่งโชคดี …จริงๆ ไม่ใช่ …ต้อง ‘ออกแบบให้ตัวเองมีโอกาสเสี่ยงได้เรื่อยๆ’ อันนี้สำคัญกว่า


2. เวลาพลาดต้องถัว …อันนี้ใช้ได้เวลาตลาดขาขึ้น แต่ถ้าตลาดไม่ใช่ขาขึ้น เวลาพลาดต้องหยุด …มันเป็นการเตือนให้เราทบทวนแผนใหม่


3. หุ้นที่ดีจะทำให้เรารวย …ยุคนี้หุ้นที่ดีคือ หุ้นที่ใครๆ ก็เห็นว่าดี โอกาสที่เราจะเข้าไปซื้อแล้วมันจะขึ้นเยอะๆ ก็น้อยลง


4. เล่นหุ้นตามเซียนจะรวย …ทุกวันนี้วิธีการที่ทำให้เซียนรวย พอเราทำตามมันก็ไม่ใช่แล้ว เพราะ เขารวยจากขาขึ้น พอเราตามก็มักจะเป็นขาลง


5. การลงทุนไม่เสี่ยงจะทำให้เรามั่นคง …จริงๆ แล้วการลงทุนในสิ่งที่ไม่เสี่ยงมันไม่มี …พอเราคิดว่าอะไรไม่เสี่ยง มันเสี่ยงมากทันที …เพราะเราจะลงเยอะ แล้วไม่รอบคอบ


6. หุ้นไทยไม่มีอนาคต ต้องหุ้นต่างประเทศ …จริงๆ ก็ไม่ใช่ ถ้าดูสถิติในอดีต ก็มีช่วงที่หุ้นไทยดีกว่าหุ้นต่างประเทศ และ ช่วงที่แย่กว่า …สรุปสั้นๆ คือ หุ้นมันวิ่งเป็นรอบ เป็น Cycle ถ้าเราเข้าถูกรอบก็รวย


7. การกระจายความเสี่ยงดีที่สุด …ปกติยิ่งกระจายความเสี่ยงเยอะ ผลตอบแทนยิ่งต่ำ …ดังนั้น ถ้าเราอยากกระจายความเสี่ยง เราก็ควรกระจายลงทุนในสิ่งที่เสี่ยงด้วย


#ภาววิทย์กลิ่นประทุม