แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Asset ..เรื่องนี้คนรวยใช้สอนลูก


'Asset ..เรื่องนี้คนรวยใช้สอนลูก'

พ่อรวยไม่เคยสอนให้ลูกเล่นหวยนะลูก แทงบอลนะลูก เล่นของเดี๋ยวโตขึ้นลูกจะฟลุ๊คแล้วจะรวยแบบพ่อ ..เฮ้ย!! ไม่มีพ่อรวยคนไหนสอนลูกแบบนั้น !!

สิ่งที่พ่อรวยสอนลูก เขาสอนเหมือนๆ กัน คือ 'ให้ทำงานหนัก เชื่อมั่นในตน แล้วหมั่นสะสม Asset ..ยิ่งสะสม ชีวิตยิ่งมั่งคั่ง'

คำถามคือ 'แล้วอะไรคือ Asset ?' 

Asset ก็คือ สิ่งที่มนุษย์ต้องการ - มีจำนานจำกัด และ ระยะยาวมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอด !!

'รถยนต์ ใช่ไหมพ่อ ? ...กระเป๋า หรือ รองเท้า รึเปล่าครับพ่อ ?' -- ไอ้ลูกนี่ทำย้อน !! ก็สิ่งที่ถามมัน มีจำนวนจำกัด ไม่มีผลิตเพิ่ม แล้วระยะยาวยิ่งเก็บราคามันยิ่งขึ้นหรือเปล่า ? 

...ตอบดีๆ นะ คิดดีๆ เพราะ ถ้าตอบผิด ทั้งชีวิตเราอาจเป็นอีกหนึ่งคนที่สะสมแต่ขยะชั่วชีวิตแล้ววันนึงมาพบว่า ทำไมยิ่งทำงาน ยิ่งจน

'ก็มัวแต่ จ่ายเงินเก็บสะสมของที่ลดมูลค่า ก็นักสะสมขยะชัดๆ ระวังให้ดี'

อะไรเป็น Asset ชัดๆ ครับพ่อ ?

ก็ดูพอร์ตการลงทุนของพ่อซิ มีอะไรบ้าง ...ที่ดิน , หุ้น , ทอง , ของสะสม (ของสะสมต้องระวัง หลายคน มโนเยอะ คิดเอาเองว่า สิ่งที่ตัวเองสะสมเป็น Asset)

งั้นถ้าให้เลือก 'ผมเลือกหุ้น' - หุ้นปันผล ซื้อในช่วงความเสี่ยงต่ำ คือซื้อช่วงที่มีข่าวร้ายแบบออมในหุ้น ..สะสมถือทนรวย ให้ปันผลโตขึ้นเรื่อยๆ ตามกิจการที่เติบโต ...ไม่ขาย!! ขายทำไม ในเมื่อเงินส่วนนี้ คือ ส่วนที่ปันผลจะเลี้ยงเราชั่วชีวิต 'นี่คือเคล็ดลับอย่างนึงของตลาดหุ้น ที่หลายคนไม่เคยรู้เลย - หุ้นดีออมในหุ้นได้ครับ!!'

เตรียมพบกับโครงการ The Stock Blueprint ..โครงการเรียนการลงทุนทั้งสั้นและยาว แบบครบเครื่องที่ แพ้ทยาว และ หยงสั้น ร่วมกันจัดหนัก

 ..สอนตั้งแต่การปรับความเชื่อ เปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาวในตลาดหุ้น

เปิดลงทะเบียน รับศิษย์เข้าสำนักพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ที่ www.thestockblueprint.com

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ความเสี่ยง ..ยิ่งหนียิ่งเจอหนัก อย่าหนี ให้ฝึกควบคุมมัน


'ความเสี่ยง ..ยิ่งหนียิ่งเจอหนัก อย่าหนี ให้ฝึกควบคุมมัน'

สิ่งที่เราถูกสอนกันมา คือ ให้พยายามหนีความเสี่ยง ..ทำอะไรต้องไม่เสี่ยง ..ใช้ชีวิตให้ปลอดภัย หนีให้ไกลจากความเสี่ยง -- แต่เราลืมไปว่า สถานที่ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงมันมีขุมทรัพย์มหาศาลซุกซ่อนอยู่

'คนทั่วไป เลือกความเสี่ยงเป็นตัวตั้ง แล้วหนีความเสี่ยง ..แต่คนรวย เลือกเอาผลตอบแทนเป็นตัวตั้ง แล้วค่อยคิดวิธีจัดการความเสี่ยง' 

คุณว่า 2 วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ในชีวิตแตกต่างกันอย่างไร ?

'แตกต่าง สุดขั้ว !! -- ถ้าเอาความเสี่ยงเป็นตัวตั้ง ชีวิตก็จะมุ่งหาสิ่งที่ไม่มีความเสี่ยง และก็จะไม่มีโอกาสรวยในชีวิต ..ทำงานหนัก เก็บเงินในที่ที่เงินไม่เติบโต สุดท้ายพบว่าทำงานเท่าไหร่ก็หาเงินไม่พอในชีวิต

ถ้าเอาผลตอบแทนเป็นตัวตั้ง ..เราจะมุ่งไปหาจุดที่มีโอกาส เช่น ตลาดหุ้น ..จากนั้นเราค่อยมาศึกษาวิธีควบคุมความเสี่ยงในตลาดหุ้น ..และโชคดีที่จริงๆ แล้ว หุ้นสามารถคุมความเสี่ยงได้'

เอาขุมทรัพย์เป็นตัวตั้ง แล้วมาศึกษาวิธีการล่าขุมทรัพย์แบบที่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ ...เสี่ยงแบบนักล่าสมบัติ !!

'วิกฤตคือโอกาส เราต้องกล้าแบบผู้รู้'

The Stock Blueprint ..สอนวิธีล่าขุมทรัพย์ในตลาดหุ้น ด้วยความเสี่ยงจำกัด และมีความกล้าแบบผู้รู้ 

เปิดรับศิษย์เข้าสำนักพร้อมกันทั่วโลก ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ที่ www.thestockblueprint.com


ความเชื่อ ..เปลี่ยนความเชื่อก็รวยได้


'ความเชื่อ ..เปลี่ยนความเชื่อก็รวยได้'

คนเราใช้ชีวิต คิด และทำ ตามความเชื่อของเขา ..ดังคำพูดที่ว่า 'เราเชื่ออย่างไร ชีวิตก็เป็นเช่นนั้น' ...มนุษย์ล้วนเป็นไปตามที่เขาเชื่อ

- เชื่อว่าไม่มีทางรวย ก็จะไม่มีทางรวย
- เชื่อว่าการลงทุนเสี่ยง ชีวิตก็จะไม่เคยลงทุน
- เชื่อในการเสี่ยงโชค ชีวิตก็จะเป็นไปตามดวง ไม่สามารถควบคุมได้
- เชื่อว่าชีวิตควบคุมได้ ก็จะออกแบบวิธีวางแผนอนาคตด้วยตัวเอง
- เชื่อว่า หุ้นเป็นที่ดิน ก็จะมองหาหุ้นที่เหมือนที่ดิน ..เติบโต สร้างรายได้ เลี้ยงเรา
- เชื่อว่า คนดีรวยได้ ก็จะใช้ชีวิตแก้ไขปัญหาให้คน และสร้างธุรกิจที่ทำให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น ..สุดท้ายคนๆนั้นก็จะรวยได้ ดีได้ ด้วยตัวของเขาเอง

การเปลี่ยนความเชื่อ ให้เอื้ออำนวย สร้างชีวิตสำเร็จและรวย ก็คือ 'การเปลี่ยนชีวิต โดยเปลี่ยนความเชื่อ' 

นี่คือ ความเชื่อและสิ่งที่เราสอนใน The Stock Blueprint..ชีวิตคนเราจะดี ต้องเริ่มจากพิมพ์เขียวทางความคิดที่ถูกต้อง

สิ่งที่แรกที่เรามุ่งเปลี่ยน คือ 'เปลี่ยนความเชื่อ'   โดยอาศัยความรู้และข้อมูลที่ถูกต้อง

'เราเชื่อว่า ทุกคนรวยได้ มีอิสรภาพทางการเงินได้ด้วยตัวเอง หากได้รับความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง ...โอกาสเกิดจากการที่เรามีความกล้าในวิกฤต -- เมื่อวิกฤตมา เราต้องกล้าอย่างผู้รู้'

นับถอยหลังพร้อมกันสู่ โครงการเรียนรู้ออนไลน์ 5 วัน และเจอหน้ากันติดตามผลแบบครบวงจร อีก 2 วัน พร้อมวิธีการรู้ในแบบ Blueprint ..เพื่อการสร้างความรู้การลงทุนที่ถูกต้อง ทั้งเล่นสั้น และ เล่นยาว 

เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก 4 กรกฎาคมนี้ - The Stock Blueprint !! ที่ www.thestockblueprint.com


เสียดายที่ไม่ออมในที่ดิน


'เวลาเราพูดเรื่องที่ดิน เราก็มักพูดว่า เสียดายนะที่สมัยก่อนไม่ได้ซื้อแล้วถือที่ดินในทำเลดีๆ เอาไว้ ..ไม่งั้นป่านนี้ฉันสบายไปแล้ว !!

ไม่เห็นมีใครพูดว่า ..นี่นะสมัยก่อนฉันน่าจะเคยซื้อๆ ขายๆ ที่ดิน ..ชีวิตน่าจะสบาย -- ไม่ใช่ !! ..ก็เพราะการที่จะรวยแบบชีวิตเปลี่ยน ชีวิตสบาย มันคือการ กล้าซื้อสินทรัพย์ในราคาถูก ในช่วงวิกฤต จากนั้นก็ต้องถือ 'ทนรวย' ให้เป็น 

..ชีวิตถึงจะสบาย ...ชีวิตถึงจะเปลี่ยน !!

นี่คือส่วนนึงที่เราสอนในโครงการ The Stock Blueprint ที่เราสอนการสร้าง Wealth ...นอกจากคุณจะเทรดหาเงินเรื่อยๆ สร้าง Cashflow จากตลาดหุ้นเป็นแล้ว ..คุณควรจะต้องรู้จักการสร้างความมั่งคั่งจากการหาโอกาส ให้ชีวิตสบายจากหุ้นด้วยเช่นกัน

ที่ดินทำเลดีเปลี่ยนชีวิตคนได้ ..หุ้นโหงวเฮ้งดี ก็เปลี่ยนชีวิตคนได้เช่นกัน 

รู้ว่าจุดไหน ราคาถูก ..กล้าซื้อในวิกฤต ..รู้จักประเมินความคุ้มของความเสี่ยง ..และสุดท้ายกล้าที่จะถือทนรวย ...นี่คือ หนึ่งบทเรียนที่เราถ่ายทอดในโครงการแกะพิมพ์เขียวตลาดหุ้นไทย 'The Stock Blueprint'

..โอกาสมีในวิกฤตเสมอ สิ่งที่เราควรจะทำ ก็คือ 'การมีความกล้าแบบผู้รู้'

: The Stock Blueprint 
'เปิดรับศิษย์เข้าสำนัก พร้อมกันทั่วโลก ในวันที่ 4  กรกฎาคมนี้ที่ www.thestockblueprint.com'

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เตรียมตัวกับ The Stock Blueprint ถ้าสนใจเราไปด้วยกัน


'เบื้องหลังห้องเทรด แพ้ท และ หยง!!' ...สถานที่บ่มเพาะความรู้และประสบการณ์สู่การถ่ายทอดเป็นหลักสูตรแรกของประเทศไทย ที่ผสานการเรียนรู้หุ้นออนไลน์ แบบครบเครื่องที่สุด

(เรียนออนไลน์เข้มข้นและสะดวก - ไปฝึกปฏิบัติ   เทรดจริง - แล้วกลับมาเจออาจารย์ อีก 2 วันเต็มๆ เรียนสดๆ ทบทวนความรู้ ไขปัญหาที่เจอในตลาด และ วิเคราะห์กลยุทธ์ ...เราจะนัดวันมาสัมมนาพร้อมๆ กัน หลังจากเรียนประมาณ 2 เดือน ..จากนั้นอีก 6 เดือนมาเจอกันอีกวัน -- เรียกว่าเรียนออนไลน์ แล้วยังดูแลลูกศิษย์ต่ออีกครึ่งปี 'เอาให้รู้เรื่อง ทำได้ ทำจริง!!' ...ส่วนคนที่ไม่สะดวกมาเจอกันใน 2 วันนั้น ก็สามารถเรียนออนไลน์ได้เหมือนกันครับ)

หลักสูตร 'The Stock Blueprint' 

หลักสูตรออนไลน์ 5 วัน (30 ชั่วโมง)  
 ..'แพ้ทยาว หยงสั้น' เปิดรับศิษย์เข้าสำนักแล้วครับ !!

'แกะพิมพ์เขียวตลาดหุ้น ..เรียนรู้วิธีการลงทุนเป็น Portfolio โดยแบ่งเงินส่วนใหญ่ลงทุนยาว เงินบางส่วนแบ่งมาทำกำไรสั้นตามรอบ ในจุดที่ความเสี่ยงต่ำ'

คุณหยงสอนวิธีดึงเงินเร็วจากตลาด ดึง Cashflow เรื่อยๆ อาศัยเครื่องมืออย่าง Future 'TFEX' ที่สามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง (เหมาะกับภาวะตลาดปัจจุบัน) การเล่นสั้นเน้นทำกำไรไม่เยอะ เอาชัวร์ แต่กินเรื่อยๆ 'เน้นเอาเงิน ไม่เน้นรวย'

ผม 'ภาววิทย์' สอนสร้างพอร์ตให้รวยในระยะยาว ซึ่งเป็นเงินส่วนใหญ่ และนำกำไรจากสั้นมาเร่งการเติบโตให้วิธีการออมในหุ้น ..การลงทุนยาวต้องเข้าใจธุรกิจ เข้าใจงบ เข้าใจการกระจายความเสี่ยง เข้าใจรอบ และการออมเป็น Portfolio 'ส่วนนี้เน้น รวย'

การเรียนจะเน้นภาคปฏิบัติ โดยผู้เรียนต้องเทรดหุ้นจริง'เงินจริง' ตามที่สอน (ไม่เน้นเทรดเร็ว แต่จะเข้าเทรดในช่วงที่ความเสี่ยงต่ำ)

ผู้เรียนควรเคยซื้อขายหุ้นมาบ้างแล้ว สามารถเปิดใช้กราฟได้ (แต่ไม่ต้องเชี่ยวชาญ เพราะในหลักสูตรมาสอนการดูกราฟ ตั้งแต่เบื้องต้น ..ขอให้สามารถเปิดใช้กราฟเป็นก็สามารถเรียนได้)

สำหรับมือใหม่เรียนได้ แต่คุณควรเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น และ TFEX ให้พร้อม เพื่อมีเครื่องมือพร้อมเล่นหุ้นได้จริงๆ หลังจากเรียน (แนะนำโบรกเกอร์ที่มีเครื่องมือเหมาะกับมือใหม่ คือ หลักทรัพย์บัวหลวง ครับ)

------------------------------------------

รายละเอียด : The Stock Blueprint Outline ประกอบไปด้วย
(Audiobook ปรับ Mindset / ebook สรุปความเข้าใจแบบเป็นขั้นตอน / หลักสูตรเรียนออนไลน์ 5 วัน / สัมมนาเจอกัน Goldenticket ดูแลต่อเนื่อง อีก 2 วันเต็ม) ดังนี้

หลักสูตรออนไลน์ 5 วันเต็ม (30 ชั่วโมง)

Day 1 : รู้และเข้าใจตลาดหุ้น

 -  ทำความเข้าใจกลไกตลาดหุ้น 
   - ผลกระทบของปัจจัยพื้นฐานกับพฤติกรรมราคาหุ้น
   - ผลกระทบของการเก็งกำไรในตลาดหุ้น
- เข้าใจ & กำหนดความคาดหวังผลตอบแทนในตลาดหุ้นที่ถูกต้อง
- เข้าใจประโยชน์ของการแยกกลยุทธ์การลงทุน (อบรมทั้ง 2 แบบ)
   i) เพื่อสร้างกระแสเงินสด (Cash flow) และ
   ii) เพื่อสร้างความมั่งคั่ง (Wealth)
- Strategy matching เข้าใจที่ถูกต้องว่ากลยุทธ์อะไรควรใช้กับสินค้าใด
- เข้าใจหลักการบริหารหน้าตักที่เหมาะสมเพื่อสร้าง Cash flow และ Wealth ไปพร้อมๆ กัน

Day 2 : Cash flow เห็นจังหวะเข้าแบบเสี่ยงต่ำ

- เข้าใจที่มา - หลักการสร้าง Cash flow กับ TFEX ดัชนี SET50
- เจาะลึกกลยุทธ์การสร้าง Cash flow ด้วย Technical analysis
   - เข้าใจกลไกความสัมพันธ์ระหว่างความผันผวนราคากับความเสี่ยง
   - เข้าใจผลกระทบ & ความสัมพันธ์ของระดับราคา, ความผันผวนราคา และแรงเหวี่ยงราคา (Momentum) และนำมาวิเคราะห์จังหวะเข้าได้อย่างถูกต้อง
- เข้าใจเงื่อนไขจังหวะเข้า (Trade setup) ที่มืออาชีพใช้จริง
   - เห็น & คำนวณระดับความเสี่ยงและกำไรที่คาดหวังที่เหมาะสมได้ในทุกจังหวะเข้า
   - รู้ว่ากี่โมงในวัน วันไหนในสัปดาห์ วันไหนในเดือนที่น่าจะเกิดจังหวะเข้า ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ

Day 3 : Cash flow เห็นจังหวะออกแบบกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย

   - เข้าใจจังหวะในภาวะต่างๆ
   - เทคนิคการใช้เครื่องมือ Fibonacci กับ     จังหวะที่แม่นยำ
   - จังหวะไหนออกได้ทันที VS จังหวะไหนถือไปได้เรื่อยๆ
   - เทคนิคการทยอยออกของ (Scaling out) ลดความผันผวนกำไร
- การบริหารเงินทุนในการเทรดดัชนี SET50 และการจัดสรรกระแสเงินสดได้ที่มา. 
   (เพราะมันไม่ใช่อย่างที่คิด) 
- รู้จักหลักและตรรกะเบื้องต้นการสร้าง Cash flow กับสินค้าอื่นๆ อาทิ TFEX Single stock futures, DW, Forex และ Options


Day4 : Wealth
 ⁃เข้าใจหลักการสร้างความรวยจากตลาดหุ้น 
 ⁃เครื่องมือที่ใช้ในการลงทุนระยะยาว 'Tool Saving in Stocks'
 ⁃การวาง Portfolio ของการลงทุนระยะยาว และ การแบ่งไม้ (Diversification of Portfolio)
 ⁃'Cycle Analysis' การวิเคระห์จังหวะ ดูความเสี่ยงของการออมในหุ้น และหุ้นรายตัวในภาวะตลาดที่แตกต่างกัน
 ⁃'โหงวเฮ้งหุ้น' หลักคิด 2 ประการในการเลือกหุ้นออม (Value - Competition - Cashflow - Risk - Cycle)
 ⁃การอ่านงบการเงิน (วิเคราะห์เชิงปริมาณ) และการอ่านธุรกิจเชิงคุณภาพ ตามหลัก โหงวเฮ้งหุ้น
 ⁃กราฟหุ้น การดูรายได้ และ การเลือกจังหวะในการเข้าซื้อ

Day 5 : Wealth

 ⁃การแบ่งไม้ การเข้าซื้อ ความเสี่ยง และ Action Plan
 ⁃การตั้งรับกับภาวะวิกฤต การพร่องเงิน และ การจัดการความเสี่ยง (Facing Financial Crisis)
 ⁃แผนการจัดการลงทุน สั้น-ยาว ..จุดร่วมของการสร้างพอร์ตที่ตอบโจทย์เอาเงินระยะสั้น และเอารวยระยะยาว 
 ⁃Active & Passive Income จากตลาดหุ้น
 ⁃Put it All together : ประมวลผล ความรู้สั้นยาว , เครื่องมือ และ การออกแบบพอร์ตของคุณ
 ⁃การเตรียมการวัดผล และ แนวทางลงทุนต่อเนื่อง 
 ⁃สรุป จบหลักสูตร 

Audiobook 5 ชั่วโมง (เทียบเท่า CD 5 แผ่น) ห้าเรื่อง ปรับ Mindset และเตรียมวิธีคิดให้พร้อมกับการต่อสู้ในตลาดหุ้นจริง

Ebook สรุปเนื้อหาสำคัญของหลักสูตร เพื่อความเข้าใจประเด็นต่างๆ อย่างเป็นขั้นตอน

'Golden Ticket Seminar' อันนี้คือ สัมมนา 2 วันที่ผู้สอนและผู้เรียนมาเจอกันตัวจริง (เรียนแล้วดูแลกันต่อ) ..ซึ่งคนที่ไม่สะดวกมาเจอก็สามารถเรียน 2 วันนี้แบบออนไลน์เช่นกัน

คำตอบของ The Stock Blueprint 

 ⁃แก้ปัญหาของคนที่เล่นสั้น แต่พอร์ตไม่โต เพราะขาดการวางแผนลงทุนระยะยาวควบคู่

 ⁃ตอบโจทย์ของคนลงทุนยาว 'ออมหุ้น' แต่เสียจังหวะในการทำกำไรตามรอบ..คุณหยง ออกแบบการเทรด Future เพื่อตอบการทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลง (โดยเลือกลงทุนเฉพาะภาวะที่เสี่ยงต่ำ ใช้ Technical เป็นหลักเข้าลงทุนในวิธีนี้)

 ⁃เป้าหมายการลงทุน ในระยะยาวสร้างเครื่องผลิตเงินเลี้ยงเรา โดยเร่งการโตของพอร์ตโดยเอาวิธีเทรดดิ้งเข้ามาช่วย -- นี่คือ 'แพ้ทยาว หยงสั้น หรือ พิมพ์เขียวตลาดหุ้น ที่ผมและคุณหยงร่วมกันแกะ !!

วิธีการสมัคร :

เปิดรับสมัครพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ครับ ที่
http://www.thestockblueprint.com

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559

มิติที่หนึ่ง 'ความเชื่อ'


'มิติที่หนึ่ง ความเชื่อ' ..สำคัญที่สุดในโลก ถ้าความเชื่อแบบไหน ชีวิตก็เป็นแบบนั้น !!

- ถ้าเราเชื่อว่า หุ้นคือสินทรัพย์ เราจะทำการสะสมหุ้นไปเรื่อยๆ ซื้อหุ้น เวลาที่หุ้นราคาถูก เวลามีข่าวร้าย จากนั้นเราก็จะสะสมหุ้นไปเรื่อยๆ ..จนวันนึง เพียงแค่เงินปันผลที่ได้จากหุ้นพื้นฐานดีที่เราสะสม ให้ปันผลมากกว่า ค่าใช้จ่ายรายเดือน ก็เท่ากับว่า เราจะมีอิสรภาพทางการเงิน (คือมีเงินใช้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องทำงานอีกต่อไป) 

...แต่ถ้าเราเชื่อว่าหุ้นไม่ใช่สินทรัพย์ เราก็มีแนวโน้มที่จะถือหุ้นสั้นๆ(มองสั้นๆ) ซื้อๆขายๆ ทำกำไรสั้นๆ ไปเรื่อยๆ และก็คงต้องทำแบบนั้นชั่วชีวิต ไม่มีวันที่เราจะหยุดซื้อๆขายๆได้ เพราะ ถ้าเราหยุด เงินก็หยุดเข้ามา (จริงไหม?)

- ถ้าเราเชื่อว่า ตัวเราคือความแน่นอน ..เราก็จะทำงานหาเงินไปเรื่อยๆ ได้ค่าจ้าง ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นตามความสามารถที่เพิ่มขึ้น แล้วก็หวังว่า จะไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น สามารถทำงานหาเงินได้ตลอดชีวิต ...แต่ความจริงก็คือ ช่วงเวลาในการทำงานหาเงินของแต่ละคนจำกัดมาก ถ้าไม่ป่วยเลย (แข็งแรง) ก็อาจทำงานหาเงินได้จนอายุ 60 แล้วหลังจากนั้นก็จะหาเงินไม่ได้ ..ถ้าโชคร้ายป่วย หรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ก็จะหยุดหาเงินก่อนนั้น ...สรุปคือ 'ซวยครับ เงินหมดก่อน เงินไม่พอ' 

..แต่ถ้าเราเชื่อว่า 'เราสามารถหาเงินได้ในเวลาที่จำกัด แต่เราต้องการเงินมาหาเราชั่วชีวิต -- เราก็ต้องมองหาวิธีการหารายได้ที่สามารถมีให้เราเรื่อยๆ แม้ว่าเราจะหยุดทำงานไปแล้ว ก็เช่น ออมในหุ้นแล้วเก็บ Passive Income ที่เพิ่มไปเรื่อยๆ' (นี่ไม่ใช่การเก็งกำไรเล่นหุ้นซื้อๆ ขายๆ แต่คือการออมหุ้น ซื้อหุ้นเวลามันถูกแล้วถือรับปันผลเลี้ยงเราชั่วชีวิตต่างหาก)

- ใช่!! ผมกำลังชี้ให้เห็นว่า ก่อนที่เราจะมาพูดถึง 'ทำอย่างไรจึงรวย คิดอย่างไรรวย มันต้องเริ่มตั้งแต่ จูนความเชื่อ และปรับความเชื่อให้ถูกต้องก่อน'

ผมกับหยงทำโครงการ The Stock Blueprint ขึ้นมา เพื่อ 'แกะพิมพ์เขียวในตลาดหุ้น' 

คือคอร์สสอนลงทุนหุ้นออนไลน์ ที่ผสมผสานศาสตร์ของการเล่นสั้นและยาวสอนออนไลน์และสัมมนาใหญ่ร่วมเป็น Package การเรียนรู้ครบวงจรครั้งแรกในประเทศ !!

เพื่อสร้างทั้งกระแสเงินสด 'Cashflow ' และความมั่งคั่ง 'Wealth'

หลักสูตรประกอบไปด้วย : 

เรียนรู้ผ่านคอร์สออนไลน์ 5 วัน (30 ชั่วโมง) + Audiobook Online 5 ชั่วโมงวางแผนความเข้าใจและ Mindset + Ebook สรุปความเข้าใจและวิธีการลงทุน + Goldenticket อีก 2 วันเต็ม (ในส่วน 2 วันนี้ ผู้เรียนสามารถเลือกมานั่งเรียนสดเจอแพ้ทและหยง หรือสามารถเลือกเรียนออนไลน์ได้ตามสะดวกครับ)

 สอนโดย : 'เล่นยาว โดยแพ้ท ภาววิทย์' และ 'เล่นสั้น โดย หยง ธำรงชัย' 

หลักสูตรนี้หลักๆ เป็นออนไลน์ ซึ่งให้ผู้เรียนสมัครแล้วเรียนออนไลน์ตามเวลาที่ตัวเองสะดวก จากนั้นเราเว้นระยะเวลาช่วงนึงให้ผู้เรียนไปฝึกฝนลงทุนจริงในตลาด แล้วกลับมาเจออาจารย์อีก 2 ครั้ง 'เพื่อติดตามผล & อัฟเดท ไขปัญหา พร้อมการชี้แนะเพิ่มเติม'

ในสัมมนาใหญ่ Goldenticket 2 วันเต็ม (เราจัดสอนสดเต็มวัน ทั้งไขปัญหาที่ลงทุน - Brushup ความรู้ -และ Update ตลาด โดย แพ้ทและหยง ในวันที่ 4 กันยา และ 5 มีนาคม)

เปิดให้ลงทะเบียนเรียนวันแรกพร้อมกันทั่วโลก 4 กรกฎาคม 2559
ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า เวลาประเทศไทย
ที่ www.thestockblueprint.com


วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

10 วันสู่ The Stock Blueprint


'นับถอยหลัง The Stock Blueprint 'แกะพิมพ์เขียวตลาดหุ้น : รู้ทั้งสั้น รู้ทั้งยาว' ..นี่เป็น หลักสูตรครบวงจรที่ผมและหยงร่วมกันทำมาตั้งแต่ต้นปี วันนี้จะคลอดแล้ว !!! 

จากนี้ไป 10 วัน ..ผมจะทยอยโพสคลิ๊ป VDO ที่ปูพื้นฐานความเข้าใจตลาดหุ้นให้ได้ดูกัน ซึ่งเริ่มจากแก่นที่สำคัญที่สุดที่แทบจะไม่มีที่ไหนสอน ..แต่ผมและหยง ให้ความสำคัญเป็นลำดับสำคัญที่สุด นั่นคือ 'วิธีคิด' 

ทุกๆ วันใน Facebook ที่ www.facebook.com/pawawitstockcomment ผมจะโพสคลิ๊ปให้ดูวันละ คลิ๊ป ...เป็นการค่อยๆ แกะประเด็นสำคัญของตลาดหุ้นเป็น 10 มิติ 

...'สิบมิติที่คุณควรเข้าใจ ก่อนลงทุนหุ้นทั้งสั้นและยาว' 

(การเล่นสั้นเราวางเงินเพื่อสร้างกระแสเงินสด 'ส่วนนี้คุณหยงเชี่ยวชาญ 'ส่วนการเล่นยาว เราจัดสรร Port เพื่อเข้าซื้อยาวแบบออมในหุ้นตามช่วงจังหวะ 'ส่วนนี้ผมถนัด' 

...นี่คือการผสมผสาน ทั้งวิธีเล่นสั้นและเล่นยาวอย่างลงตัวที่สุด -- มีเงินสดใช้เรื่อยๆ แต่ไม่ลืมสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว!!)

ใครสนใจเรียนรู้ไปกับ The Stock Blueprint ก็เริ่มเข้าดูคลิ๊ปวีดีโอ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ได้เลยครับ ...เราจะแกะพิมพ์เขียวตลาดหุ้นไปด้วยกัน -- ผมและหยงจัดเต็มครับ 

เจอกัน ..จัดไป !!

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ตลาดหุ้นกำหนดความเสี่ยงได้


'การเล่นหุ้นก็เหมือนอาชีพอื่นๆ เป็นงานหลักก็ได้ หรือเป็นงานอดิเรกก็ได้' 

ในส่วนของการทำเงิน ...ในตลาดหุ้นถ้าเราเรียนรู้เทคนิคต่างๆ เราก็จะรู้วิธีทำเงินจากหุ้นได้ แต่ยังไม่รวยนะ

ถ้าอยากจะรวยจากหุ้น แค่เทคนิค วิธีการต่างๆ มันเป็นส่วนประกอบ -- ความเข้าใจหุ้นต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญที่สุดจากการรวยด้วยหุ้น

- หุ้นนี่ออมได้เป็นสินทรัพย์ไม่ต่างจากที่ดิน
- หุ้นถือยาวรวยกว่าเล่นสั้น
- หุ้นไม่ใช่การพนัน มันอยู่ที่คนเล่น (ถ้านักลงทุนเล่นหุ้นก็คือการลงทุน - ถ้านักพนันเล่นหุ้นก็คือการพนัน)
- หุ้นถือยาวมองเป็นมรดกให้ลูกหลานได้
- หุ้นสอนชีวิต เพราะคนรวยหุ้นเคยเจ๊งหุ้นมาก่อนทุกคน (อย่างน้อย ก็เจ๊ง 2 รอบขึ้นไป)
- หุ้นสามารถออมเป็นเครื่องผลิตเงิน แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
- หุ้นควรซื้อตอนข่าวร้าย แต่คนมักแห่ซื้อข่าวดี
- หุ้นควรเริ่มเล่นตั้งแต่เงินน้อยๆ คนส่วนใหญรอจนเงินเยอะจึงเสียหนัก
- หุ้นคือความเข้าใจ !!

คนที่เข้าใจหุ้น ไม่มีใครที่เลิกเล่นหุ้น ..เขาแค่ถือหุ้นดีผ่านช่วงอายุเขา แล้วส่งต่อความร่ำรวยของเขาจากรุ่นสู่รุ่นผ่านตลาดทุน ...จะรวยเร็วรวยช้า ไม่ใช่เรากำหนด อยู่ที่ตลาด ...แต่ความเสี่ยง เรากำหนด นี่แหละ 'ความเข้าใจในหุ้นที่ไม่เท่ากัน'

คนเข้าใจหุ้น เขากำหนดความเสี่ยง ...ไม่เสี่ยงก็เพราะเข้าใจความเสี่ยง !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ข้อคิดหุ้นสิบ สิบเด้ง


10 การเปลี่ยนแปลงในตลาดหุ้นที่น่าเรียนรู้ - 'งานอดิเรกที่ทำเงิน ของคนไม่จำกัดสาขาอาชีพ' ...หุ้นเปลี่ยนชีวิตใครหลายๆคน รวมทั้งผมด้วย เอาล่ะผมจะเล่าให้ฟัง

1. ตลาดหุ้นเป็นไปตามกฏ 10 เท่า ..หลายคนค้นหาสถานที่ที่สามารถจะรวยเพิ่ม 10 เท่า จากเวลาชีวิตที่เท่ากัน ...ก็นี่เลยตลาดหุ้น 

2. เคล็ดลับความสำเร็จปลายจมูกในตลาดหุ้นคือห้ามเลิก ...ไม่ว่าคุณจะพลาดกี่ครั้งในตลาดหุ้นก็ตามหากไม่เลิกสุดท้ายจะรวยในที่สุด ...ที่ที่สอนบทเรียนชีวิตจริงของคำว่า ยิ่งล้ม ยิ่งรวย คือตลาดหุ้นนี่เอง

3. หุ้นคือความเป็นเจ้าของที่วุ่นวายน้อยที่สุด ..ขึ้นชื่อว่าทำธุรกิจคือการปวดหัว ยิ่งเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวยิ่งปวดหัวและรับผิดชอบสูงสุด ..ตลาดหุ้นให้สิทธิเราเป็นเจ้าของธุรกิจโดยไม่ต้องปวดหัวผ่านการถือ'ทนรวย'ในหุ้นแค่นั้นเอง

4. หุ้นปันผลเป็นเครื่องผลิตเงินอย่างแท้จริงที่คนส่วนใหญ่มองข้าม ...คนส่วนใหญ่เข้ามาตลาดหุ้นเพื่อเล่นสั้นๆ ทั้งที่ประโยชน์สูงสุดของตลาดหุ้นคือการถือหุ้นให้มันเลี้ยงเราที่คนพูดว่า Passive Income ..หุ้นนี่แหละ Passive Income ที่เงินไหลมาแบบไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากถือหุ้น

5. ตลาดหุ้นคือสถานที่แบ่งมรดกธุรกิจที่แฟร์ที่สุดของครอบครัว ...ใครชอบก็ถือ ใครไม่ชอบก็ขาย แบ่งง่าย ขายคล่อง ราคาซื้อขายชัดเจน นั่นแหละเสน่ห์ที่ที่ดินไม่มีในมุมของการแบ่งมรดก

6. หุ้นเป็นที่ฝึกสัจธรรมของชีวิต ..คนอยากได้ง่ายๆเร็วๆ เจ๊งทุกคนอ่ะ ...ถ้าจะรวยจากตลาดหุ้นคุณต้องชนะใจตัวเอง - 'เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ..วิ่งขึ้นลงเป็นรอบๆ ไปเรื่อยๆ'

7. ตลาดหุ้นก็เหมือนสนามรบในสมัยโบราณ ..การแบ่งทรัพยากร การจัดกำลังพล การโจมตีสั้น การเข้ายึดยาว ..คุณจะได้ฝึกตำราพิชัยสงครามยุคใหม่จากการเข้าใจตลาดหุ้น

8. รางวัลสูงสุดของตลาดหุ้นมอบให้แก่ผู้อดทนสูงสุด ..ในการเล่นหุ้นมีทั้งแบบสั้นและแบบยาว แต่สิ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในตลาดหุ้นคือการถือยาว และสิ่งนี้ไม่เคยเปลี่ยน คือผู้ที่อดทนสูงสุดผ่านแรงกดดันมากสุด คนนั้นเป็นผู้ชนะ !!

9. หุ้นคือ alchemist ..คนในอดีตพยายามที่จะเป็น alchemist คือผู้ที่แสวงหาวิธีสร้างทอง แต่ไม่เคยมีใครทำได้ ...จนโลกเราได้รู้จักหุ้น มันคือวิธีการเสกทองจากอากาศ ให้มีมูลค่าจริงๆ แถมจับต้องได้ ..มันคือการเปลี่ยนโจทย์ของ alchemist ที่ให้ผลยอดเยี่ยมกว่าแค่เสกทอง ..เสกหุ้น !!

10. หุ้นคือหุ้นส่วน ..มันเปิดโอกาสให้เราได้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่ดีๆ โดยที่เราไม่ต้องเข้าไปบริหาร ...ถ้าไม่มีหุ้น เราต้องใช้แรงงานแลกเงิน ..เราคงไม่สามารถใช้สมองทำเงินได้อย่างแท้จริง 

นี่แหละงานอดิเรกของผม ยิ่งเอาจริงยิ่งเก่ง ยิ่งสะสมก็ยิ่งรวย ...ผมไม่ปฏิเสธเลยหากความเชี่ยวชาญจะทำให้ผมมีหุ้นเต็มบ้าน เพราะมันคือ 'เครื่องผลิตเงิน'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทำไมต้องถาม สิบข้อนี้ล่ะ


หลายครั้งที่ผมยิ่งคิดถึงเรื่องต่างๆ รอบๆตัว มันยิ่งเห็นอะไรหลายๆ ที่มันน่าสนใจและอยากจะแชร์

1. ทำไมงานอดิเรก ต้องเสียเงิน ..คนส่วนใหญ่จ่ายเงินและทุ่มเวลาให้งานอดิเรก แต่ทำไมคนส่วนน้อยมีงานอดิเรกที่ทำเงิน ..งานที่ทำแล้วสนุกมันก็คืองานอดิเรกที่ทำเงิน 

2. ทำไมคนส่วนใหญ่ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ..เพียงทำสุดทาง อย่างใดอย่างหนึ่ง คุณก็เป็นตำนานแล้ว ได้ทั้งชื่อเสียง และได้เงิน แล้วทำไมเราทำอะไรแค่ครึ่งๆ กลางๆ ...ภาษาวัยรุ่น เขาบอก 'สุดตีนเลยพี่!!'

3. ทำไมเราไปฝึกความคุมสติในป่าหรือสถานปฎิบัติธรรมที่เงียบสงบ ..ทั้งที่การฝึกสติ และควบคุมอารมณ์ที่ยากที่สุด คือบนถนน ...ถ้าเรามีสติบนถนน คงไม่มีใครหยิบปืนมาจ่อหน้าคนอื่นเพียงขับรถไม่ถูกใจกัน ...สติ!!

4. ทำไมลูกไม่อยากอยู่กับพ่อแม่ทั้งที่พ่อแม่ รักและหวังดีกับเขามากที่สุด ..ผมถามนักศึกษาว่า สิ่งที่อยากได้หลังเรียนจบคือ คอนโด ก็เพราะจะได้ย้ายออกนอกบ้านไง 

5. ทำไมแรงกดดันและคำชม พาคนสู่จุดหมายมากกว่าความสามารถ ..คนที่สำเร็จอย่างสูงในสังคมและประเทศ ล้วนเป็นคนที่มีปมความกดดันชีวิตที่รุนแรง จากนั้น ป้ายต่อไปใช้คำชมเป็นเชื้อเพลิง ..เริ่มด้วยความกดดันจากเรื่องร้าย ต่อด้วยความกดดันจากเรื่องดี 

6. ทำไมคนชอบซื้อของแก้เครียด เพราะสุดท้ายมันเครียดหนักกว่าเดิมหลังจากซื้อ หนึ่ง เครียดเรื่องหนี้บัตรเครดิต สอง เครียดเรื่องของที่ซื้อมาเป็นขยะรกบ้าน ...เครียด เครียด และ เครียด !! 

7. ทำไมมหาวิทยาลัยไม่สอนวิธีรวย สอนแต่วิธีทำงานแบบไม่รวย ..ผมเพิ่งมาเรียนรู้วิธีวางเงินทำงานหลังจากเรียนจบแล้วเป็นสิบปี ..ถ้าผมช้ากว่านี้ก็คงต้องเป็นอีกคนที่ทำงานจนเกษียณแต่ไม่สามารถสร้างตัวได้ !!

8. ทำไมคนชอบคิดลบ ทั้งที่การคิดลบนำแต่ปัญหา ยิ่งคิดยิ่งซวย ...ต่างจากคนคิดบวก รอบตัวมีแต่โอกาส ทำงานก็ก้าวหน้า รอบตัวก็มีแต่คนคล้ายๆ กัน แม้แต่วิกฤต คนคิดบวกยังมองเห็นแต่โอกาส ...แล้วทำไมคนส่วนใหญ่คิดลบล่ะ ?

9. ทำไมของอร่อยต้องอ้วนวะ แล้วทำไมการออกกำลังกายถึงทรมานสุดๆ ..ถ้าใครคิดอาหารอร่อยที่กินแล้วผอม เขาน่าจะรวยสุดๆ

10. ทำไมยิ่งมนุษย์ฉลาดโลกยิ่งพัฒนาขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งมีความสุขน้อยลงเรื่อยๆ ...หรือความสุขวิ่งสวนทางกับความฉลาด 

'เงินซื้อได้แต่ความสบาย แต่ความสุขเราใช้ใจเราแลกมา'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

เงิน คือความเชี่ยวชาญ


'คนเราเชี่ยวชาญอะไร จะได้สิ่งนั้น ..ถ้าเชี่ยวชาญเรื่องหมา ก็จะมีหมาเต็มบ้าน

...ถ้าเชี่ยวชาญเรื่องนาฬิกา ก็จะมีนาฬิกาเต็มบ้าน

...ถ้าเชี่ยวชาญเรื่องรองเท้า บ้านจะเต็มไปด้วยรองเท้า

...ถ้าเชี่ยวชาญเรื่องเงิน บ้านจะเต็มไปด้วยเงิน

 -- เฮ้ย!! โชคดีจริงๆ พอดีเลย ..ขอไปพัฒนาความเชี่ยวชาญเรื่องเงินต่อครับ

...ที่ผมพูดแต่เรื่องเงิน ไม่ใช่เพราะหน้าเงิน แต่ผมไม่อยากเป็นทาสเงินไปตลอดชีวิต ...วันใดก็ตามที่เราเชี่ยวชาญเรื่องเงิน เงินจะกลายเป็นทาสแล้วทำงานให้เราแทน' 

ใช่!! ผมเชื่อแบบนั้น 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

10 แนวคิดของลูกจ้างบ้าพลัง


10 ข้อคิด ในการเป็นมนุษย์เงินเดือนยุคใหม่ ...พูดถึงชีวิตมนุษย์เงินเดือนก็จะเห็นภาพของ คนทำงานหนักที่ไม่มีเวลาให้ตัวเอง เครียด พอว่างก็ใช้เงินแก้เครียด ...แต่ยุคต่อไป มนุษย์เงินเดือนแนวใหม่จะเปลี่ยนไปดังนี้

1. ลองใส่พลังลงไปในงานที่ทำ ..ปกติการทำงานเรื่อยๆ มันก็ทำให้งานเสร็จ แต่ผมอยากจะบอกว่า ในเวลาที่เท่ากัน ลองใส่พลังและความบ้าลงไปในงาน มันอาจเกิดผลงานที่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างน่าตกใจ

2. เวลาว่างที่คุณแทบไม่มีให้ไปออกกำลังกาย ..ผมมาพบกับตัวเองว่า การบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายมันกระตุ้นพลังภายในให้ออกมาโลดแล่นมากขึ้น

3. ทำเลยไม่มีรอ ..แต่ก่อนผมรวบรวมไอเดียเด็ดๆ จดรวมไว้มากมายสุดท้ายแทบไม่ได้ทำเลย ..เอางี้ คิดได้ ลองทำเลย แม้มันเป็นไอเดียเล็กๆ ก็ดีกว่าเก็บไว้เฉยๆ

4. การนั่งเทียนไม่ได้ทำให้เราเก่งเลย ..ยุคนี้ผมว่าคำตอบเดียวในการเข้าใจลูกค้าคือ เดินตลาด ..อย่านั่งอยู่ออฟฟิศแล้วคิดมโนว่าลูกค้าต้องการอะไร ..ไปเลย ลงไปคุยกับลูกค้าเลย ..ไอเดียส่วนใหญ่ผมได้จากการพูดคุยกับผู้คนจริงๆ

5. หลายคนทำงานตามโจทย์จนเก่งกาจให้ลองฝึกตั้งโจทย์บ้าง ..ในที่ทำงานจริงๆ มีแค่ 2 หน้าที่ คือ '1.ทำตามโจทย์' อันนี้แนวลูกน้อง รองานตามนายสั่ง พวกนี้เงินเดือนน้อย และตำแหน่งไม่เติบโต '2.พวกตั้งโจทย์กระซิบนาย' พวกนี้คิดวิธีแปลกๆ มาคุยกับนายเสมอ เหมือนมัน no respect แต่มันสร้างความสนุกและการเปลี่ยนแปลงสู่ที่ทำงาน (อ้าว!!แล้วถ้านายไม่คุยกับลูกน้อง -- มรึงลาออกเลย มีนายมากมายที่พร้อมจะเปิดใจคุยกับลูกน้อง)

6. เปลี่ยนโจทย์การทำงาน ..หลายครั้งที่การแก้ปัญหาและพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในงานที่เราทำ ก็คือ 'เปลี่ยนโจทย์แล้วทำตรงข้ามกับวิธีการทำงานเดิม' ..เราไม่สามารถเก่งขึ้น 10 เท่าจากการทำงานแบบเดิมให้หนักขึ้น แต่เราเก่งขึ้นได้ 10 เท่าหากเราเปลี่ยนโจทย์ถูกจุด 

7. อย่ามัวแต่ทำนายการเปลี่ยนแปลงให้สร้างความเปลี่ยนแปลงนั้นขึ้นเองเลย ..ผมว่ายุคนี้เราหลงประเด็นกันเยอะ เพราะมัวแต่เอาเวลามาทำนายว่า สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไปอย่างไร ..สิ่งที่แน่นอนคือ เอาตัวเรานี่แหละสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็นเลย ...คนกำหนดอนาคตจริงๆ ก็คือ เรานี่แหละ โลกมันตามเรา ไม่ใช่เราต้องตามโลก 

8. ยุคนี้ขี้เกียจให้หนักเลยแต่ทำให้ได้งานเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น ..หมดยุคคนขยันแล้วเจริญ วันนี้หากเราอยากก้าวหน้าต้องทำงานให้น้อยลงแต่ให้ผลลัพธ์ของงานเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น ..แล้วเอาเวลาที่เหลือมานั่งคิด ...ยุคนี้ตัดกันที่ความคิด ไม่ใช่แรงงาน !!

9. เลือกที่จะทำอะไรบางอย่างแบบโดดเด่น ...วันนี้สิ่งที่ตกยุคสุดๆคือคนเก่งทุกอย่าง ..ผมเรียนรู้สิ่งนี้จากการสังเกตคนพิการ ถ้าคนไม่มีมือจะใช้ขาเก่ง ถ้าคนไม่มีขาจะใช้มือเก่ง หรือคนไม่มีตาจะใช้หูได้เก่ง (Daredevil) ...สรุปคือ คนส่วนใหญ่จับฉ่ายเกินไป ไม่พยายามตั้งใจให้อะไรดีที่สุดสักเรื่อง

10. พูดให้ดังตังค์มาเอง ..อันนี้ไม่เกี่ยวกับการใช้เสียงนะ แต่เกี่ยวกับการรู้วิธีใช้เครื่องมืออย่าง Social Networks ให้ได้เงิน ..ลูกจ้างที่ใช้ FB เป็นมันได้เงิน ...คนใน Social มี 2 แบบ 1.คนได้เงิน 2.คนเสียเงิน ...ถ้าไม่รู้ว่าจะทำเงินจาก Social ยังไง ให้ไปเรียนรู้จากคนที่เขาทำเงินเป็น -- เมื่อเสียงคุณดัง คนอยากฟัง ตังค์จะมาเอง

ด้วยเวลาที่เท่ากันในที่ทำงาน เราใส่พลังใส่ใจลงไปในงาน มันก็จะสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ...ลองเอาแนวลูกจ้างบ้าพลังไปใช้ดู ผมใช้แล้วดีจึงบอกต่อ

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ความจริงสำคัญกว่าความรู้


'ความจริง 10 ประการที่สำคัญกว่าความรู้' ...โอ้โห ตัวผมใช้เวลานานมาก กว่าจะรู้ว่าความจริงมันสำคัญกว่าความรู้

เพราะยิ่งโลกของข้อมูลข่าวสารพัฒนาไปมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้เราหลงคิดว่า ความรู้สำคัญกว่าความจริง ...เดี๋ยว !! หลายคน อาจจะสงสัยว่าผมพูดอะไรเพ้อเจ้อ 

เอางี้ ผมเล่าให้ฟัง 

ทุกอย่างในโลกวางอยู่บน 'จำนวนผลิต' กับ 'ความต้องการ' ..โลกยิ่งก้าวหน้าทางข้อมูลข่าวสารก็ยิ่งผลิตข้อมูลข่าวสาร และความรู้ท่วมโลก ดังนั้น รางวัลของโลกมนุษย์จะไปตกอยู่กับ คนที่ผลิตความจริง แล้วดำเนินชีวิตตามความจริง 10 ประการ ดังนี้

1. 'ยุคนี้ไม่ควรสร้างศัตรูเลย' เพราะมันไม่คุ้ม คุณไม่รู้หรอกว่า คนที่อาจดูไม่เอาไหน วันนึงเขาอาจยิ่งใหญ่จนคุณต้องหลบ 

2. 'คนยุคต่อไป จะสนใจเฉพาะสิ่งที่เขาสนใจ' ..อันนี้เป็นความจริงที่คนทำธุรกิจควรรู้ ทุกอย่างที่ผลิตออกมา ขายดีแบบขายใครก็ได้ สุดท้ายจะขายใครไม่ได้ เพราะกลุ่มใครก็ได้ มันกำลังจะไม่มี (กลุ่มใครก็ได้ วันนี้คือตลาด Mass)

3. 'คนคิดยาวในยุคนี้จะชนะคนคิดสั้น' ยิ่งโลกหมุนเร็วคนยิ่งคิดสั้น เอาง่ายๆ เอาเร็วๆ ..คนที่อยากเป็นผู้นำ ผู้ชนะ ให้ตั้งธงแล้วมองยาว คุณจะกลายเป็นผู้นำในทุกอาชีพที่คุณทำ (เรียนสูงแต่คิดสั้น คือความน่าอายของคนยุคนี้)

4. 'คนที่ใส่ใจคือคนเจ้าเสน่ห์ในยุคนี้' ..ยุคที่คนไม่มีใครแคร์ใคร คนที่ใส่ใจจะกลายเป็นคนที่มีเสน่ห์สูงสุด ..คนมีเสน่ห์สำเร็จง่ายกว่าคนไร้เสน่ห์ 'กรูเข้าใจมรึง -- เป็นคำพูดที่โคตรเท่ห์ บอกตรงๆ'

5. 'ไม่มีความพ่ายแพ้ที่เป็นถาวรในยุคปัจจุบัน' ..ผมสังเกตเห็นคนที่แพ้เยอะๆ แต่ยังลุกขึ้นมาสู้ต่อ สุดท้ายกลายเป็นผู้ชนะในสิ่งที่เขาทำ

6. 'ออนไลน์จะเปลี่ยนชีวิตเฉพาะคนที่ทำเงินจากมันได้' ผมอยากจะบอกว่า คนส่วนใหญ่คิดว่าเมื่อโลกพัฒนาแล้วตัวเขาจะดีขึ้น ไม่ !! มันดีแค่บางคน ..อย่างวันนี้ออนไลน์พัฒนาแบบเปลี่ยนชีวิต แต่คนที่จะได้ประโยชน์จากมันคือ คนที่ได้เงินจากมัน ..คิดง่ายๆ ถ้าวันนี้คุณเล่น Facebook แล้วได้เงิน แปลว่าคุณได้ประโยชน์จากออนไลน์ เพราะคนส่วนใหญ่เล่น Facebook แล้วทำให้เสียตังค์..น่าคิดนะ !!

7. 'พ่อแม่คือกระจกสะท้อนของตัวเรา' เราทุกคนล้วนเป็นกระจกสะท้อนของพ่อแม่ ถ้าเราต้องการเข้าใจตัวเอง อยากเป็นอะไร เกิดมาทำไม ต้องศึกษาและใส่ใจพ่อแม่ ..คุณจะกลายเป็นคนเข้าใจเป้าหมายของตัวเอง

8. 'ปมชีวิตคือแรงผลักดันให้คุณเดินไปสู่จุดที่คุณอยากเดิน' ..ฟังแล้วดูตลกว่า เราสามารถผูกสูตรชีวิต ไม่ต่างกับสูตรเลข ..ใส่ที่ เหตุ แล้ว ผล มันจะตามมาในแบบที่เราคาดคะเนได้

9. 'ไม่มีความสำเร็จที่ยั่งยืน' ยิ่งเราไปได้สูงแค่ไหน เรายิ่งไม่ควรลอยอยู่เฉยๆ เพราะคุณจะโดนสอยไง ..จะลอยเป็นเป้าทำ ปรึส!! อะไร ...ไปซ้าย ไปขวา อย่าอยู่นิ่งๆ

10. 'ยิ่งผ่านความเจ็บปวดเท่าไหร่ ถ้าเวลาผ่านไปคุณจะยิ่งใหญ่กว่าสิ่งนั้น' ...ทุกสัจธรรมความเจ็บปวด มันสามารถเปลี่ยนเป็นเรื่องตลกได้เกือบทุกเรื่องเมื่อเวลาผ่านไป ..จงน้อมรับความเจ็บปวดด้วยรอยยิ้ม

'ความรู้ทำให้เราเอาตัวรอดในสังคม' แต่ถ้าเราเข้าใจความจริง เราจะกลายเป็น 'ผู้นำในสังคม' 

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เกษียณไม่เคยเป็นคำตอบของชีวิต


'เกษียณไม่เคยเป็นคำตอบของชีวิต ...ทำไมต้องเกษียณในเมื่อคุณสามารถทำเงินจากงานที่คุณรัก' ...ก็ตอบง่ายๆ เพราะคนส่วนใหญ่ ไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรักยังไงล่ะ !!

วันนี้หลายคนพร่ำเพ้อถึง 'วิธีเกษียณเร็ว' ..เพื่อ ? -- เพื่อที่จะได้หยุดทำงาน แล้วนั่งดูทีวีทั้งวัน แคะขี้มูก ดูทีวีสาระดีจากประเทศไทย แล้วก็นั่งเลี้ยงหลาน งานที่ใครๆก็ไม่อยากทำ ...'ผมว่า เราเข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่า ?'

คุณรู้ไหม ย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้ว ผมเริ่มทำงานครั้งแรก ผมตั้งธงชีวิตเลยว่า 'ผมจะเกษียณให้ได้ก่อนอายุ 40'

วันนี้ผมจะ 40 แล้ว ..ผมมานั่งถามตัวเองใหม่ว่า 'เกษียณเพื่ออะไรวะ ? ...กรูเกลียดงานที่กรูทำจนต้องเลิกทำ แล้วไปนั่งดูรายการน้ำเน่าในทีวีทั้งวันขนาดนั้นเลยหรือ ?'

ตลกดี!! ...ผมได้คำตอบใหม่ในชีวิต มันเป็นคำตอบที่ผมหามานานในชีวิต ว่า คนเราน่ะเกิดมาทำไมวะ ?

พ่อผมเกษียณแบบมีเงินใช้สบายๆ ตั้งแต่อายุ 40 ...สิ่งที่พ่อสอนผมก็คือ 'มรึงอย่าเลิกทำงาน!!' ...คุณว่าคุณเรียนรู้อะไร จากคนเก่งที่สามารถมีอิสรภาพทางการเงินตั้งแต่อายุเขา 40 

ครับ !! ผมเรียนรู้ว่า 'พ่อสอนให้รู้จักคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ...มันคือ ประโยชน์ที่เราสร้างให้กับคนอื่น ซึ่งมันสะท้อนความสุข มาสู่ตัวเราในแบบที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้'

คนที่เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ..ก็เพราะเขาไม่สำคัญไง

การที่คนเราจะมีความสำคัญ ...คนๆนั้น ต้องเป็นคนดี

เรื่องของคนชั่ว เราเล่าเราฟังเราขำสนุกปาก แต่เรื่องของคนดีมันบันดาลใจ

ถ้าสิ่งที่คุณทำ มันเป็นประโยชน์ต่อผู้คน คุณได้เงินจากสิ่งที่คุณทำ ..สิ่งนั่นแหละคืองานที่สามารถทำโดยไม่ต้องเกษียณ

ไม่ใช่อะไรอะไรก็เงิน ..แต่สิ่งดีที่ทำแล้วได้เงิน มันแปลว่าคนอื่นก็เห็นความสำคัญในสิ่งนั้นๆเหมือนกับคุณ 

คนเราเป็นคนดีได้ เป็นคนสำคัญได้ แถมรวยได้ แล้วไม่เกษียณก็เลือกได้ ...ผมว่าวิธีคิดแบบนี้มันทันสมัยดีนะ !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ปริญญาน่ะเราอาจเลือกไม่ได้แต่ความเชี่ยวชาญนี่เลือกได้


'ปริญญาน่ะเราอาจเลือกไม่ได้ (ก็มันดันสอบได้คณะนี้ก็เรียนไป) ..แต่ความเชี่ยวชาญนี่เลือกได้ ...คุณรู้ไหมตอนเด็กๆ ผมคิดว่าชีวิตจบเมื่อวันที่เลือกคณะเรียน 'ความคิดวันนั้นโคตรเด็กน้อยเลย !!'

ผมไม่แน่ใจว่า เราสอนกันยังไง คนส่วนใหญ่รวมทั้งผมด้วย ตอนเด็กๆ ถึงมองว่า สอบติดมหาวิทยาลัยดีๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

วันนี้พอมองย้อนไป ผมก็เรียนจบดีนะ เรียนเก่งด้วย ..แต่สิ่งที่เห็นวันนี้คือ อ้าวเฮ้ย!! ทำไมเดี๋ยวนี้หลายๆคนเรียนไม่จบ แต่มันรวยกว่าเราอีก ...พวกเด็กหลังห้อง สมัยเรียนนี่อ่อนมาก วันนี้หน้าที่การงานมันแซงเราไปหลายช่วงตัวเลย

'ไม่อยากไปเลี้ยงรุ่นว่ะ ...บอกตรงๆ อาย !! ...ก็เราว่าเราทำตามหลักความสำเร็จทุกอย่าง แต่ฉไหนชีวิตจริงกลับ แป๊ก ...ไอ้พวกแหกคอกมันกลับได้ดีวะ !!'

มันมีข้อผิดพลาดในชีวิตบางอย่างที่ผมอยากแชร์ 'รู้ไว้ ไม่แย่แบบนี้'

1. ความเชี่ยวชาญสามารถเลือกสิ่งที่แตกต่างจากใบปริญญาได้ ..คนส่วนใหญ่ไม่รู้เลยมัวแต่ทำงานตามปริญญาที่เรียน ยิ่งทำยิ่งถลำ ยิ่งทำยิ่งไม่มีความสุข 

2. บริษัทสมัยนี้ให้เงินเดือน ตามความเชี่ยวชาญไม่ใช่ตามใบปริญญา ..ในใบปริญญาจะทำให้เราได้พิจารณาในส่วนค่าแรงทั่วไป ภาษาชาวบ้านก็ค่าแรงขั้นต่ำนั่นแหละ ...ส่วนเงินเดือนเยอะเหนือธรรมดา เขาพิจารณาจากความเชี่ยวชาญพิเศษ ที่บริษัทนั้นๆ ต้องการ

3. 'ความเชี่ยวชาญ เริ่มพัฒนามาจากสิ่งที่รัก'..คุณรู้ความเชี่ยวชาญแทบไม่เคยพัฒนามาจากสิ่งที่เรียน เพราะทุกวิชาที่เรียน โคตรไม่อยากเรียนเลย แล้วใครจะไปต่อยอด ...ตรงกันข้าม ถ้าเรารักเรื่องอะไร เราจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนั้นๆ แบบไม่รู้ตัว 

4. ควรเลือกเรื่องเงินเป็นหนึ่งในเรื่องที่เชี่ยวชาญ ..เพราะคนเชี่ยวชาญเรื่องเงินจะพาตัวเองออกจากปัญหาเรื่องเงิน ...คุณว่าแปลกไหม เรื่องเงินจำเป็นที่สุดในชีวิต แต่ไม่มีมหาวิทยาลัยไหนสอนเรื่องเงิน

5. ความเชี่ยวชาญจะดึงดูดสิ่งนั้นเข้าหาเรา ..คนเชี่ยวชาญเรื่องหมาก็จะได้หมาเต็มบ้าน ..เชี่ยวชาญเรื่องกระเป๋าก็จะมีกระเป๋าเต็มบ้าน ..เชี่ยวชาญเรื่องรถจะมีรถเต็มบ้าน ...จะดีแค่ไหนทีถ้าฉันเชี่ยวชาญเรื่องเงิน - 'เงินเต็มบ้าน'

6. ความเชี่ยวชาญจะทำให้คุณถูกเลือกเป็นผู้นำ ...ทำไมบางคนชีวิตไม่เคยถูกเลือกให้เป็นผู้นำในที่ใดๆเลย ก็ตอบง่ายๆ แปลว่า คนๆนั้นไม่เชี่ยวชาญในเรื่องอะไรเลย ก็เลยเป็นผู้ตามตลอด 

7. ทั้งชีวิตเราเรียนเพื่อท่องจำ เรียนให้คิดในกรอบ แต่เวลาทำงานดันวัดความสำเร็จจากการคิด และการทำอะไรนอกกรอบ ..คิดแล้วคือตลกร้าย !!

8. เด็กรวยมักถูกเลี้ยงแบบสิ้นคิด ..ทำไมต้องคิดล่ะ ในเมื่อเกิดมามีทุกอย่าง จานมีคนล้าง รถมีคนขับ ผ้ามีคนซัก ..งั้นคิดเรื่องเดียว 'ทำไงกรูถึงจะผลาญเงินพ่อแม่ให้สูญสิ้นในยุคกรู!!' (ปู่สร้าง - พ่อสาน - ลูกใช้ทำลายตัวเอง)

9. เราต่างไม่รู้ว่า เราเปลี่ยนความเชี่ยวชาญได้ทุกวัน ..แปลว่าชีวิตและโอกาสครั้งใหม่เริ่มได้ทุกวัน ...หลายคนที่เอาแต่พูดว่า สายเกินไป ..เขาก็คือ คนที่ไม่เคยทำอะไรทันการ - 'ชีวิตน่ะ เริ่มเปลี่ยนได้ทุกวัน ถ้าคุณกล้าพอ'

10. โลกที่เราอยู่ไม่ได้มีใบเดียว ..ก็เพราะเรรทุกคนสร้างโลกในแบบของเราเอง ..พวกขี้ท้อ ก็จะรวมกลุ่มกันแล้วร้องว่า ทำไม่ได้ ฉันทำไม่ได้ ...ส่วนพวกขี้ชนะ ก็จะรวมกลุ่มกัน แล้วก็พูดแต่ว่า ผมทำได้ ..ทำได้ ...กรูทำได้ 

ทำได้ ทำไม่ได้ ..ก็แบ่งโลกของคนแต่ละแบบออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่วันที่เขาคิดแล้ว

ไม่ต้องไปอิจฉา คนที่เจาทำอะไรก็สำเร็จ ...แค่คุณเปลี่ยนคำพูดของคุณแล้วพูดว่า 'ฉันทำได้' แค่นี้ชีวิตคุณก็จะดีขึ้นกว่าเดิมแบบมโหฬารเลยล่ะ !!!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ความสำเร็จที่ถูกเขียนตามแบบโลกยุคใหม่


'สิ่งที่ทำแล้วชีวิตจะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด โชติช่วงชัชวาลในยุคนี้ คุณรู้ไหมคืออะไร ?'

ไม่!! ...นี่ไม่ใช่ยุคของคนเก่ง 'เรียนเก่งยุคนี้ ธรรมดา ใครๆ ก็เรียนเก่ง'

นี่ไม่ใช่ยุคของการเอาเปรียบ 'ยุคก่อนคนใหญ่เอาเปรียบคนเล็ก แต่ดูดีๆ ยุคนี้อะไรกำลังเปลี่ยน'

นี่ไม่ใช่ยุคของคนชนะ 'คนชนะยุคนี้มักกลัวความผิดพลาด สุดท้ายตกยุคและแพ้ในที่สุด เพราะติดกรอบการไม่กล้าทำอะไรเลยที่แตกแต่ง'

นี่ใม่ใช่ยุคของคนพาล 'อันธพาลครองเมืองจบไปนานแล้ว ยุคนี้มันกลายเป็นยุคของคนดี'

ผมไม่ได้ตลก และผมก็ไม่ได้ตกยุค ผมเป็นคนนึงที่เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงของยุคนี้แบบใกล้ชิดมากที่สุดคนนึง

'คุณรู้ไหมว่า ผมสังเกตเห็นอะไร จากการได้คุยและรู้จักกับคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จแบบรวดเร็ว หลายต่อหลายคนในยุคนี้ มีเหมือนๆ กัน' -- คนพวกนี้เขาคิดดีต่อคนรอบข้าง (เฮ้ย!! จริง)

ผมสะดุดคิดเลยว่า เฮ้ย!! นี่มันโคตรเปลี่ยน ..กลายเป็นคนที่สำเร็จในชีวิตรวดเร็วในยุคนี้เพราะ

1. เขาไม่เคยคิดว่าเขาประสบความสำเร็จ

2. เขามีเป้าหมายชัดว่าต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่หนึ่งอย่างที่จารึกชื่อเขาไว้ในระดับประเทศ

3. คนเหล่านี้รวยเพราะฉลาดใช้เงิน เมื่อเขารู้ว่าเงินเป็นกระสุนที่จะช่วยให้เขาไปถึงเป้าหมายในข้อ 2 เขาจะเป็นคนที่ฉลาดใช้เงิน (เด็กยุคนี้ไม่ต้องคุยเรื่องใช้เงิน ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสิ้นคิดเลยแหละ)

4. คนพวกนี้ชอบให้โอกาสคนรอบข้าง อยากพลักดันให้คนรอบๆเขาชีวิตดี และสร้างแนวร่วมที่ทรงพลัง

5. อ่อนน้อมถ่อมตน ..เงินมันทำให้เราคิดว่าเราเจ๋งกว่าที่เป็น โดยเฉพาะเงินพ่อแม่ที่ทำให้หลายๆคนคิดว่าตัวเขาเจ๋งกว่าที่เป็น ..พวก Selfmade จะอ่อนน้อมถ่อมตน สังเกตคนเหล่านี้อยู่กับผู้ใหญ่ซิ

6. คิดบวกสุดๆ ..บอกตรงๆใครเกิดในสมัยนี้มันรอบตัวด้วยเรื่องร้าย มันแทบจะทำให้คุณเป็นคนคิดลบตั้งแต่เด็กและมองโลกในแง่ร้าย ..สังเกตง่ายๆ คนคิดลบ มักจะพูดว่า ชีวิตไม่มีโอกาส ธุรกิจวันนี้ไม่เห็นโอกาส ...ก็มรึงคิดลบไง -- โอกาสมันอยู่ในมุมคิดบวกของทุกปัญหา (คนส่วนใหญ่ผิดทางสุดๆ ตั้งแต่เริ่มคิดเลยนะ) ..ผิดตั้งแต่ระดับสมองเลย ว่าเข้านั่น!!

7. เงินซื้อคนแบบนี้ไม่ได้ว่ะ ..ยุคนี้เงินซื้อใครก็ได้ ที่ตั้งเป้าหมายชีวิตเป็นเงิน - 'ก็เด็กเกือบทุกคนในยุคนี้ตั้งเป้าหมายเป็นเงิน คนเหล่านี้ไม่รู้จักคำว่า Passion และ คนเหล่านี้เงินซื้อได้ สุดท้ายเขาจะกลายเป็นแค่เครื่องมือ'

8. ไม่เอาเปรียบคนอื่น แต่คิดเผื่อคนรอบข้าง แม้แต่ศัตรูยังคิดเผื่อให้เขามีที่ลงเลย ..ไม่!! เขาไม่ได้ใจกว้าง แต่เขารู้ว่ามันไม่ประโยชน์ที่จะสร้างศัตรู เพราะชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะมาสร้างศัตรูคู่ไร้สาระ (ไร้สาระทั้งคู่ ไอ้พวกต่อสู้กันน่ะ) ..เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร นี่วิธีคิดของคนฉลาด

9. ล้อมรอบด้วยคนเก่ง ...คนที่คิดว่าตัวเองเก่งจะมีแต่คนโง่อยู่ล้อมรอบ เพราะมัวแต่คิดว่าตัวเองเก่ง คนเหล่านี้ต้องทำอะไรทุกอย่างเอง โคตรเหนื่อย ...ถ้าเราทำเป็นโง่สักนิด รอบๆ ตัวเราจะมีแต่คนเก่ง - นี่คือเคล็ดลับของคนเก่งที่ชีวิตชิวๆไง

10. ให้กำลังใจคนรอบข้าง ...อันนี้สำคัญที่สุดในสิบข้อ และอินเทรนด์ที่สุดในยุคนี้ - ถ้าถามว่า ถ้าต้องเลือกทำได้ข้อเดียว ผมเลือกข้อ 10 เพราะสิ่งที่จำเป็นที่สุดในความสำเร็จของยุคนี้เลยล่ะ

ลองฝึกให้กำลังใจคนรอบๆ คุณ แล้วคุณจะรู้เลยว่า  มันดีแค่ไหน (ลองทำดูซิครับ แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นแบบไม่รู้ตัว) 

กฏแห่งความสำเร็จในโลกยุคนี้กำลังถูกเขียนใหม่ และที่มันเท่ห์มากๆ คือ คนที่เขียนใหม่เหล่านี้มันวางอยู่บนฐานความคิดของ 'คุณธรรม' !!!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ใช้ข้อมูลข่าวสารอย่างไรให้เป็นประโยชน์


'ใช้ข้อมูลข่าวสารอย่างไรให้มีประโยชน์ ...ถ้าอ่านข่าวแล้วไม่ต้องตีความ ทุกคนที่เสพย์ข่าวคงร่ำรวยมหาศาลไปหมดแล้ว จริงไหมล่ะ ?'

- เคยถามไหมว่า เหตุใดคนที่ใกล้ข้อมูลและรู้ข่าวเร็วกว่าใคร กลับไม่รวย ..แต่คนที่รวยและได้ประโยชน์จากข่าวในกระแส คือ คนที่มองตรงข้าม !!

- ถ้าเราติดตามข่าวแล้วมันไม่ให้ประโยชน์เราจะหาโอกาสจากจุดนี้ยังไง ?

ผมมีวิธีตามข้อมูลให้มีประโยชน์ ดังนี้

1. ตามข่าว แต่มองอีกประเด็นของข่าว 

2. วิเคราะห์ว่าคนส่วนใหญ่จะคิดและทำอะไรเมื่ออ่านข่าวเหมือนๆ กัน

3. หาโอกาส ในมุมที่อยู่ตรงข้ามกับข่าวที่คนส่วนใหญ่เสพ โดยการหาข้อมูลเพื่อสนับสนุนสิ่งตรงข้ามที่เราเชื่อ

4. หมั่นบ่มเพาะความคิดสวนกระแสด้วยการลงทุนตรงข้ามมวลชนด้วยการใช้เงินจริง โดยเริ่มจากจำนวนน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น

5. นำผลลัพธ์ที่เราได้รับจากการปฏิบัติ ส่งต่อให้เพื่อนและคนรอบข้าง สร้างสังคมที่มีภูมิคุ้มกันต่อโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่จำเป็น

หลายคนอาจจะแปลกใจว่า คนที่ติดตามข่าวสารในวงการการลงทุนแบบใกล้ชิดอย่างผม ถึงเสนอวิธีคิดแบบนี้ 

...ใช่!! ก็วิธีมองโลกในมุมต่างมันให้ผลที่ดีในชีวิตผม เลยอยากแบ่งวิธีคิดนี้ให้ลองไปต่อยอดกันดูครับ

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

คนขี้เกียจที่ฉลาดคือแรงงานที่ขาดในยุคนี้


'คนขี้เกียจที่ฉลาดคือแรงงานที่ขาดในยุคนี้ !!'...นี่เป็นคำพูดที่แรงมากและมันน่าจะทำให้หลายๆคนฉุกคิด

- วันนี้เราไม่ต้องการแรงงานธรรมดา เพราะเครื่องจักรกำลังทำงานนี้แทนคน

- เราไม่ต้องการคนเก่ง เพราะคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง คือ คนโง่ on the making ..นั่นคือคนที่หยุดพัฒนาตัวเอง

- เราไม่ต้องการคนขี้ขลาด เพราะสิ่งใหม่ๆที่เปลี่ยนโลกต้องใช้ความกล้า !!

ฉลาดรุ่นใหม่ ต้องใช้แรงงานประหยัด

1. เริ่มจากข้อจำกัด เพราะข้อจำกัดคือช่องว่างของปัญหาที่สร้างโอกาส

2. คนเก่งที่ขี้เกียจ จะมองหาวิธีในการทำงานของตัวเองให้เสร็จเร็วขึ้น ง่ายขึ้น ..นั่นคือการพัฒนา

3. เราจะไม่เคยหยุดกับที่เดิม เพราะที่เดิมจะถูกจับจองจนไม่เหลือโอกาสอีกแล้ว

4. การก่อสร้างยากกว่าการทำลาย เมื่อเรามุ่งมั่นมากพอ เราจะส่งแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง และนั่นคือพลังแห่งโอกาส

5. เมื่อคนพูดถึงความสำเร็จเขาพูดถึงเรื่องเงิน แต่ผมบอกเลยว่า มันคือประโยชน์ที่คุณสร้างให้คนรอบๆข้างคุณต่างหากล่ะ ที่มันสร้างความสำเร็จ

'ทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ถ้าเจอเรา เขาต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น'

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

โลกยุคต่อไปจะเป็นอย่างไร


'โลกต่อไปจะเป็นอย่างไร ? ..คำถามสำหรับคนหัวก้าวหน้า ..อยากรู้ว่าต่อไปโลกจะเปลี่ยนยังไง จะได้เตรียมตัวให้เราพร้อมกับโอกาสใหม่'

เชื่อไหม คำตอบ อยู่ในตัวของเราแต่ละคนเรียบร้อย !! ...พูดแล้วเหมือนตลก

คนที่พร้อมเขาก็จะพร้อมอยู่แล้ว ส่วนคนไม่พร้อมรู้ไปก็ไม่พร้อมอยู่ดี

เคยได้ยินคำพูดนี้ไหม 'เราทุกคนสร้างโลกในแบบของเราเอง ..เราคิด เราทำ เราตัดสินคน มองความสำเร็จ ในหัวของเราเอง'

ข้อหนึ่ง ถ้าอยากสำเร็จในอาชีพ จงทิ้งคำว่าอาชีพแล้วเลือกทักษะอันใดอันหนึ่งที่คุณรัก ..เขียน พูด อ่าน ขาย สอน ฟัง แล้ว Master ทักษะนั้นให้เป็นที่กล่าวขาน ..ประตูโอกาสจะเปิดขึ้นทันที

ข้อสอง ถ้าเราอยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อเราอย่างไร จงปฏิบัติเช่นนั้นต่อเขาก่อน ...ทุกอย่างคือกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน ..ที่เราพูดว่าไม่มีใครรักเรา ก็เพราะเรายังไม่เริ่มรักใคร ..ลองเริ่มรักซิ รักคนรอบข้างจริงๆ เราจะสัมผัสสิ่งนั้นตอบ

ข้อสาม โอกาสทองมีสำรองให้แค่ผู้นำ ..ฟังดูโหดร้ายถ้าผมจะบอกว่า ในโลกนี้ไม่สามารถเปิดโอกาสให้ทุกคนในทุกสาขาอาชีพสำเร็จ แต่จะเปิดโอกาสให้ผู้นำในสายอาชีพที่เขาเป็นเท่านั้นที่ได้สิทธ์ ...ไม่สนว่าทำอะไร แต่คุณต้องเป็นชื่อแรกในใจเมื่อคนนึกถึงเรื่องนั้น !!

ข้อสี่ 'เรื่องราว คือ สิ่งที่โอบอุ้มโลกใบนี้ไว้' ทุกคนใช้ชีวิตเพื่อเขียนนิยายหนึ่งเรื่องที่เรานำแสดงเอง ..ทำไมไม่เขียนให้มันสุดตีนหน่อยละครับ อย่าน่าเบื่อ ทำอะไรแหวกแนวสุดตีนบ้าง ขอให้ไม่เดือดร้อนใคร เชื่อผมทำเถอะ !!

ข้อห้า ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้อย่างแท้จริง ..คนส่วนใหญ่มักคิดไปเองว่าพ่ายแพ้คือล้มเหลว แต่เอาเข้าจริงโลกยุคใหม่ คนที่สำเร็จคือผู้ที่สะสมความพ่ายแพ้และบาดแผลกลางหลังที่มากกว่า ...ยิ่งมาก ยิ่งคม 

เราต่างเป็นมีด ที่รอลับคม จากความพ่ายแพ้ ...คนที่ลุกได้เร็วจากความพ่ายแพ้ คือ ผู้ชนะในโลกยุคนี้ครับ !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม (นักสะสมความพ่ายแพ้ ที่ไม่เคยหยุดเดิน)

เข้าใจเงินกันบ้างซิ


'วันนี้ทุกคนพูดแต่อยากจะหาเงินเยอะๆ เอาเร็วๆ แต่ทำไม่เห็นได้กันเลย ..เอาเข้าจริงกลับยิ่งซวยกว่าเดิม เงินก็ไม่ได้ แถมถลำลึกชีวิตพังหนักขึ้นไปอีก'

เงินน่ะเหมือนปืน ..หลายคนคิดว่ายุคนี้พกปืนแล้วชีวิตปลอดภัย ..ไม่ใช่เลย เพราะยุคนี้คนมีปืนติดคุกง่ายกว่าคนไม่มีปืน 'ชีวิตซวยได้ง่ายๆ'

- ถ้าผู้ร้ายจะยิงจะมองหาคนมีปืน
- ในผับปืนจะดึงเรื่องเลวร้ายเข้ามา แถมไม่ได้ช่วยเรื่องป้องกันตัว
- บางคนซวยเพราะอารมณ์ชั่ววูบจากปืนที่ตัวเองพกอยู่
- คนมีปืนจะคิดว่าตัวเองเจ๋ง แต่จริงๆ มันตรงข้ามกับที่เขาคิด ...สรุปปืนที่พก มักจะดึงความซวยมาสู่ตัวเอง มันไม่ได้ช่วยเรื่องป้องกันตัวเลย บัปผ่าเถอะ !!!

คนที่พร้อมใช้ปืน คือคนที่มีวุฒิภาวะในตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวว่าเขาต้องเก่งเรื่องกลไกการใช้ หรือความแม่นปืน แต่มันอยู่ที่ตัวของเขา

เหมือนกัน 'เงิน' ...ใครได้เงินมาในเวลาไม่พร้อมก็จะเสียเงินไป 

ผมมีวิธีทำตัวให้พร้อม 'ได้เงิน' ง่ายๆ ดังนี้

1. เข้าใจเป้าหมายชีวิตของตัวเอง ..คนที่ชีวิตไร้เป้าหมายจะใช้เงินสนุกมือมาก เพราะเขาเอาสิ่งของมาเป็นเป้าหมาย ทำให้มีเท่าไหร่ก็ซื้อของหมด สุดท้ายหมดกระสุนที่จะพาชีวิตไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต

2. ใช้เงินสดให้เป็น ..คำแนะนำอาจจะดูโบราณและขัดกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำ ยุคนี้เรามีบัตรเครดิต มีเงินออนไลน์ ซึ่งมันใช้ง่ายเพราะเรามองไม่เห็น ...ตัวผมเวลารับเงินผมชอบรับออนไลน์ผมจะได้ไม่ค่อยเห็น แต่เวลาผมจ่ายเงินผมชอบจ่ายเงินสด เพราะมันรู้สึกใจหายเวลาเงินสดจริงๆ มันออกจากมือเราไป - รับง่าย จ่ายต้องเห็น อันนี้แหละรวย

3. ให้สนุกที่จะได้เงินจากสิ่งที่รัก ..คนส่วนใหญ่จะสนุกกับการใช้เงิน ..ให้เรามองหากิจกรรมในชีวิตเรา ที่เราสนุกแล้วเราได้เงิน ให้เราพัฒนาสิ่งนั้นให้เราเชี่ยวชาญขึ้นเรื่อย ๆ ..นี่แหละวิธีสร้างรายได้ที่จะทำให้เรารวยแบบไม่คาดฝัน 

4. 'อยากเป็น' คือ โอกาสทำเงิน แต่ 'อยากไป' คือโอกาสจ่ายเงิน ...ผมเป็นคนเพ้อฝันแต่ผมไม่เพ้อเจ้อ ผมอยากเป็นนุ่น เป็นนี่มากมาย วันนี้ผมได้เป็น นักเขียน นักลงทุน และวิทยากร ..ส่วน 'อยากไป อยากใช้' ผมวางมันไว้เป็นส่วนเสริมของสิ่งที่เป็น - เป็นนักเขียน ก็ได้เที่ยวนะ , เป็นนักลงทุนก็ได้ใช้เงินนะ

5. 'สนุกกับการเรียนรู้ มากกว่าการจับจ่าย' ..ทุกวันความสนุกมันผูกกับความใหม่ ..เราจะชอบได้อะไรใหม่ๆ ..เวลาเราได้ของเล่นใหม่ ชีวิตจะสนุก ..ลองเปลี่ยนเป็นการหาความรู้ใหม่ ให้สนุกกับการพบเจอสิ่งใหม่ อย่าแค่สนุกกับการใช้จ่ายเงิน

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คนรวยในอเมริกาที่สร้างตัวเองรวยจากออมในหุ้น


'คนรวยในอเมริกาที่สร้างตัวเอง พวก Selfmade จาก 7ใน 8 คน ..ก็คือเกือบทั้งหมดรวยจากการออมในหุ้น'

นี่เป็นข้อมูลการสำรวจจาก Marketwatch เขาพบว่า คนอเมริกาที่รวยด้วยตัวเอง
1. รวยจากหุ้น
2. รวยเพราะถือหุ้นยาว 

ข้อมูลนี้ตรงข้ามกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิด ..คนส่วนใหญ่คิดว่าคนที่รวยจากหุ้นน่าจะเล่นสั้น เทคนิคแพรวพราว เข้าออกเร็ว ใช้ข้อมูลอินไซค์ -- ไม่ใช่เลย !!

มันสรุปให้เราเห็นว่า จริงๆ แล้วคนที่รวยด้วยตัวเอง ไม่ใช่จากมรดก เพราะเขาวางแผนเป็น

'ออมในหุ้น' ผมทำอยู่ ผมเขียนแชร์เรื่องนี้และผมก็จะพิสูจน์โดยใช้ตัวเอง

การเล่นหุ้นสั้นๆ ก็คือการหาเงินใช้ไปวันๆ เหมือนทำงานหาเช้ากินค่ำนั่นเอง ..ส่วนการที่จะรวยจากหุ้นคือถือ 'ทนรวย' 

ผลลัพธ์พิสูจน์แล้ว สถิติก็บอกแบบนั้น ...เหลืออย่างเดียวคือ การพิสูจน์ด้วยชีวิตเรา

ท้าทายนะ ..ที่การเล่นหุ้นยาว มันไม่ได้มีโอกาสมากมายให้แก้ตัว มีแต่จะทำ หรือไม่ทำ ก็แค่นั้นเอง

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

ทำธุรกิจขายยักษ์


'ทำธุรกิจขายยักษ์ ...อีกแนวคิดปั้นธุรกิจแบบคนรุ่นใหม่'

ในยุคนี้เงินล้นระบบมาก แต่ล้นเฉพาะรายใหญ่ ไม่ใช่ธุรกิจเล็กๆ ...เพราะในเศรษฐกิจแบบนี้ธนาคารก็อยากจะให้กู้เฉพาะธุรกิจยักษ์ใหญ่ 

ดังนั้นแนวทางการทำธุรกิจอีกแบบที่น่าสนใจ ก็คือ 'ขายของให้ยักษ์' ...เราจะได้เห็นข่าวบริษัทยักษ์ใหญ่ซื้อบริษัท Start-Up -- นี่แหละแนวทางที่พูดถึง

การปั้นธุรกิจ Start-Up ใช้เงินไม่เยอะ ใช้คนก็ไม่เยอะ แต่เน้น Concept คือ
1. สิ่งที่รายใหญ่ไม่กล้าทำ ..แนวสุดๆ
2. สิ่งที่รายใหญ่ไม่อยากทำ ..เพราะอาจจะดูว่าไม่คุ้มด้วยขนาดของเขา

ในประเทศไทยก็มีตัวอย่างให้เห็นอย่าง Global ขายวัสดุก่อสร้าง สุดท้ายขาย SCC บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย ยอมซื้อเพราะ Global ขายอุปกรณ์ก่อสร้างทั้งหมดแต่ไม่ขายของ SCC เลย ...ใช่!! ดูกวนนะ แต่นี่แหละเหตุผลที่ SCC ยอมซื้อ เพราะได้ธุรกิจใหม่ต่อยอด SCC แบบไม่ซ้ำซ้อน เป็นการขยายตลาดโดยไม่เสี่ยง เพราะบริษัทอย่าง SCC หาเงินกู้ง่ายสุดๆ

และมีแนวโน้มว่าต่อไปบริษัทใหญ่ๆ จะควบและซื้อกิจการม่กขึ้นเรื่อยๆ -- นี่คือโอกาสรวยของคนรุ่นใหม่เลย

ไปศึกษาเลยครับ ทำ Start-Up ต้องทำสิ่งที่รายใหญ่ 1.ไม่กล้าทำ 2. ไม่อยากทำ ..นี่แหละแนวทางทำธุรกิจขายยักษ์ !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ใครชีวิตไม่มีเป้าหมายจะใช้จ่ายมากขึ้น



'ใครชีวิตไม่มีเป้าหมาย จะใช้จ่ายมากขึ้น !!'

เคยเห็นคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานจนไม่มีเวลาให้ตัวเองไหมครับ ..กรูไง !!

เคยเห็นคนที่พอมีเวลาพักสักนิดก็อยากใช้เงิน เพราะมันระบายความเครียด และทำให้รู้สึกดี ..รู้สึกดีเมื่อจ่ายเงิน จ่ายยิ่งเยอะ ยิ่งสะใจมากขึ้น ...ก็กรูอีกนั่นแหละ !!

เคยเห็นคนที่ทำงานดี แต่ชีวิตอยู่ที่เดิม ตำแหน่งไม่เพิ่ม เงินเดือนไม่ขึ้นไหมครับ ..เฮ้ยกรูเลยล่ะ !!

'กรูว่าแล้ว ว่าโลกนี้มันไม่แฟร์' ...คนเหล่านี้ก็จะรวมกลุ่มกันตั้งสภากาแฟขึ้นมาศึกษาเรื่องของคนอื่น ...คนเหล่านี้จะรู้เรื่องอินเทรนด์ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคนอื่น แต่!! ...แต่คนเหล่านี้ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย !!

คุณชอบทำอะไร ? ...ไม่รู้อ่ะ 

คุณสับสนและแยกไม่ออกใช่ไหมว่า การพักผ่อนกับการเกษียณมันไม่เหมือนกัน !! ...จริงเหรอ -- คิดว่าเกษียณแล้วจะเดินทางรอบโลก

 (ทำไมมันไม่เรียนไกด์วะ ชีวิตมันจะได้ทำสิ่งที่รักแล้วได้เงิน ไม่ต้องรอเกษียณ)

คุณอยากเป็นอะไร ? ...เป็นอะไรก็ได้ที่ได้เงิน

คุณอยากมีอะไรที่คนอื่นไม่ฮิตไหม ? ...ไม่อ่ะ ฉันอยากมีในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ฮิต อยากกินอยากเที่ยวในที่ที่คนส่วนใหญ่ไป 

สรุปคือ คนส่วนใหญ่แค่ใช้ชีวิตแข่งกันโดยไม่ได้รู้ว่า จุดหมายคืออะไร แล้วทำไปเพื่ออะไร 

ถ้าเราเดินช้าลงสักนิด หยุดคิดอีกสักหน่อย เราจะมีเวลาเลือกว่า เราอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร 

คนสมัยก่อน เขามีชีวิตต่างจากคนสมัยนี้ ตรงที่เขารู้ว่า เขาอยากทำอาชีพอะไร เขาทำสิ่งนั้นให้เป็นสุดยอดในสิ่งที่เลือก ..ช่างตีเหล็กที่เก่งที่สุด , ช่างทำโรงเท้าที่เยี่ยมที่สุด , ร้านน้ำชาที่ดีที่สุด , พ่อค้าผ้าที่ชำนาญที่สุด , นักรบที่เก่งกล้าที่สุด

คำว่า 'ที่สุด' หายไปจากอาชีพของคนปัจจุบัน เราทำอะไรก็ได้ ขายอะไรก็ได้ ...เราส่วนใหญ่ลืมไปว่า คุณค่า ความภูมิใจ และความมั่งคั่ง มันซ่อนอยู่ใน 'ที่สุด' ที่หายไป

'ที่สุด' ทำให้คุณภูมิใจ
'ที่สุด' ทำให้คุณอยากทำให้ดีขึ้น
'ที่สุด' ทำให้คุณลืมใช้จ่ายเพื่อระบายความเครียด

'ที่สุดในจุดที่คุณยืน' !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม


ถ้าคุณต้องอยู่ด้วยเงินวันละ 2 เหรียญเหมือนคนพันล้านคนทั่วโลก คุณจะทำอะไร อยู่แบบไหน ?


'ในโลกนี้มีคนหนึ่งพันล้านคน ที่อยู่ด้วยเงินวันละ 2 เหรียญ ก็ประมาณ 60 บาท ...เขาทำอะไร อยู่ยังไง ? -- มีคนไปถาม Bill Gates คนที่ครองแชมป์รวยที่สุดในโลกตลอดกาลว่า ...ถ้าพี่ Bill ต้องใช้ชีวิตด้วยเงินวันละ 2 เหรียญ เขาจะทำอะไร อยู่ยังไง ?'

เดี๋ยว!! คุณลองคิดดูก่อนว่า ถ้าให้คุณอยู่ด้วยเงินวันละ 2 เหรียญ ...คุณคงตอบว่า ก็กินมาม่าไง (ใช่ไหมล่ะ..555 คิดเหมือนผมเลย)

 ...ไม่นั่นไม่ใช่การอยู่ เพราะเราไม่สามารถกินมาม่าทุกวัน 'ตัวเหลืองหมด!!' -- แต่คำถามต้องการ ทางออกของชีวิตว่า ถ้าไม่มีเงิน คุณจะเริ่มสร้างชีวิตด้วยอะไร ?

รู้ไหมว่า Bill Gates ตอบ ปั๊บ ทุกคน อึ้ง !! ...แต่มันทำให้เราหยุดคิดเพิ่มว่า ทำไมคนที่รวยที่สุดในโลกเขาคิดแบบนั้น !!

'เขาตอบว่า เขาจะเลี้ยงไก่' 

เลี้ยงไก่ !!! 

จริงดิ ...เพราะเขาบอกว่า ไก่ 10 ตัว ทุกๆ 3 เดือน จะเพิ่มเป็น 40 ตัว คือ 4 เด้งของการลงทุน ..ทำให้การลงทุนครั้งนี้เขาจะรวยขึ้น 16 เด้งทุกๆ ปี ...ไก่แต่ละตัวขายเนื้อได้ ขายไข่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่ต้องขาย กินไก่ กินไข่ไป ...แล้วถ้าเขาจริงจังกับการเลี้ยงไก่มากพอ เขาจะสร้างตัวได้ !!

ผมรู้เลยว่า ถ้าเกิดมีใครมาถามคุณธนินท์ เจ้าของ CP ก็คงได้คำตอบเดียวกัน

จากคำตอบครั้งนี้ของ Bill Gates เขาไม่ใช่แค่พูด แต่เขาให้มูลนิธิ Bill Gates & Melinda ทำการบริจาคไก่จำนวนมากให้กับคนด้อยโอกาสในแอฟริกาแบบจริงจัง ...เอาจริงว่างั้นเถอะ !!

ผมไม่ได้เอาบทความนี้มาชวนให้เลี้ยงไก่ แต่ผมอยากจุดประเด็นให้เห็นว่า แท้จริงแล้วโอกาสอยู่ที่ใดก็ได้ หากเรานั่งคิดแบบจริงจังในเรื่องใดเรื่องนึง จากนั้นก็ลงมือทำ

สุดท้ายคนในแอฟริกาทุกคนคงไม่ได้เลี้ยงไก่ขาย แต่มันจุดประกายให้คนด้อยโอกาสสามารถเห็นได้ว่า เขาสามารถเปลี่ยนชีวิตตัวเอง เพียงแค่เขาลุกขึ้นมาศึกษาและจริงจังกับการทำอะไรบางอย่าง

'นี่แหละเปลี่ยนโลก ...ใช้ความคิดเล็กๆ ต้นทุนต่ำ ใครทำก็ได้ จุดประกาย แล้วชี้นำสู่การปฎิบัติ แค่นี้ก็เปลี่ยนโลกแล้ว' ...คุณว่าไหมล่ะ ?

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

http://www.businessinsider.com/first-thing-bill-gates-would-do-if-he-were-living-in-poverty-2016-6?utm_content=buffer3bcdd&utm_medium=social&utm_source=facebook.com&utm_campaign=buffer

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

'10 เหมือน' ของมนุษย์ที่ชอบเปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาส


'10 เหมือน' ของมนุษย์ที่ชอบเปลี่ยนปัญหาเป็นโอกาส -- 'หลายคนยังสับสนกับคำที่พูดว่า ปัญหาคือโอกาส แปลว่าอะไร ?' ..ผมเลยเอาแนวคิด CNBC 50 Disruptor คือ 50 บริษัท Startup ที่ท้าทายอุตสาหกรรมของโลกมาให้ดู

ใช่!! หลายคนก็ยังอยู่ในโลกยุคเก่า ที่คิดว่า เรียนให้สูง สถาบันให้ดี แล้วมาทำงานที่มั่นคงในบริษัทยักษ์ใหญ่ ...'แล้วโลกใหม่เขาทำกันอย่างไรอ่ะ?'

50 บริษัทนี้เป็นบริษัทที่เริ่มสร้างจากคนเล็กๆ คนรุ่นใหม่ ใช้การระดมทุนแบบใหม่ และก็ท้าทายธุรกิจยักษ์ใหญ่เดิม คนเหล่านี้มีอะไรที่เหมือนๆ กันคือ

1. 'เจ้าของรวย และเร็ว' (อันนี้ไม่ต้องสงสัย)

2. 'คนเหล่านี้เริ่มธุรกิจจากปัญหาของคนที่ไม่ได้รับการแก้ไข' (นี่ 50 บริษัท Startup ชั้นนำเหล่านี้ ก็มาจาก 50 ปัญหาที่กลายเป็นโอกาส)

3. 'คนเหล่านี้เรียกปัญหาว่า โอกาส'

4. 'คนเหล่านี้มักจะกู้ธนาคารไม่ได้' เพราะธนาคารให้เงินกู้โดยดูจากสินทรัพย์ที่เราวาง แต่คนเหล่านี้ไม่ได้มีพ่อรวย เลยต้องหาเงินจากแหล่งเงินรุ่นใหม่ เช่น Angel Investors , crowdfunding , incubator , VC ,...

5. 'คนเหล่านี้อาจไม่ได้เรียนสูงหรือเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลก' ..ต้นทุนชีวิตไม่ได้สูง ใช้ใจ เรียนรู้จากการทำงานจริงเป็นหลัก 

6. 'คนเหล่านี้ยอมทำงานที่ไม่ทำเงินในช่วงแรกของชีวิต' ..พวก Startup ตอนเริ่ม กินมาม่าครับ ..ทุกอย่างคือธุรกิจ ชีวิตหรูหราไม่ต้องคิด

7. 'อยู่ในโรงรถ' อาจไม่ถึงขั้นนั้น แต่คนเหล่านี้แทบไม่มีสังคมในช่วงเริ่มต้น เพราะธุรกิจคือทั้งหมดของเขา (กินนอนงาน งานกินนอน กินงานนอน แค่นี้)

8. 'คนเหล่านี้รู้จักคำว่า Passion เป็นอย่างดี'

9. 'คนเหล่านี้เป็นนักปรับตัวชั้นเยี่ยม' เพราะธุรกิจ Startup ในวันที่เริ่มกับวันที่สำเร็จ มันแทบจะเป็นคนละธุรกิจกัน

10. 'คนเหล่านี้ใช้งาน ในการอธิบายตัวตน' ในขณะที่คนส่วนใหญ่ใช้ของหรูหราที่ซื้อในการอธิบายตัวตนปลอมๆ ของเขา

ว่าแต่แล้วเราจะ Disrupt ธุรกิจอะไรดีนะ ? ...กลับไปทำการบ้านกันดูครับ !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

http://www.cnbc.com/2016/06/07/2016-cnbcs-disruptor-50.html

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ