แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เคล็ดลับเรื่องการมองเวลาของชาวยิว ที่ทำให้เขาเป็นอัจฉริยะ !!


"เรื่องของการมองเวลาเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ ..คุณว่าประเทศอย่างอิสราเอล หรือคนยิว เขามีเคล็ดลับอย่างไรถึงเก่งและครองโลกเศรษฐกิจและความร่ำรวยเกือบทั้งหมด ของโลก อย่าแปลกใจนะถ้าผมจะบอกว่าอัจฉริยะคนล่าสุดของโลกธุรกิจ อย่าง Mark Zuckerberg เศรษฐีระดับโลกก่อนอายุ 30 ผู้ก่อตั้ง Facebook เขาก็คือ ชาวยิว !! ...หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของชาวยิวที่ทำให้เขาเป็นอัจฉริยะในทุกด้านของ โลก นอกจากสมองที่ฉลาดแล้ว ก็คือเรื่องของการมองเวลา ...คนทั่วไปจะมองเวลาเป็นสากล คือ มองตามเข็มนาฬิกา ในแนวคิดที่ว่า 'เวลาไม่เคยคอยใคร(จริงหรือ?)'..ยิ่งปัจจุบันชีวิตที่รีบเร่ง งานที่เน้นปริมาณ แต่ไม่เน้นคุณภาพ สร้างให้คนส่วนใหญ่กลายเป็นเครื่องจักรที่ทำงานแข่งกับเวลาที่ไม่เคยคอยใคร ..แม้แต่ช่วงพักเที่ยงเดี๋ยวนี้แทบไม่มีเวลานั่งกิน -- หลายคนทำงานไปเรื่อยๆ ก้าวหน้าขึ้น มีหน้าที่การงานที่สูงขึ้น แต่พบว่าเครียดขึ้นเรื่อยๆ ..เดี๋ยวนี้นิยามของหัวหน้าก็คือ ลูกน้องที่พร้อมจะแบกภาระมากกว่าลูกน้องหลายๆคนรวมกัน นั่นแหละนิยามใหม่ของหัวหน้า เงินเยอะขึ้น แต่เวลาน้อยลง เครียดเพิ่ม และรู้สึกชีวิตไร้ค่ามากขึ้นเรื่อยๆ -- คนเหล่านี้ Work = Pain มันทุกข์ มันเครียด ..ดังนั้นความฝันสูงสุดคือ เวลาที่จะพัก เวลาที่จะหยุด ...แต่ยิ่งเขาก้าวหน้าทางอาชีพมากขึ้นแค่ไหน เขาก็ยิ่งห่างไกลความฝันสูงสุดของเขาไปทุกที ซึ่งก็คือ เวลาให้ตัวเอง และเวลาให้คนที่เขารัก ...ว้าว!! ต้องให้ชื่อนิยายชีวิตเรื่องนี้ว่า ชายผู้เดินออกห่างความฝันวันละก้าว(บ้าจริง!!) ...การตั้งธงเรื่องเวลา การนิยามความหมายของเวลาจึงสำคัญต่อความสำเร็จ ยกตัวอย่าง การมองเวลาของคนยิว จะมองเป็น 'วาระ' เป็น Term ซึ่งการแบ่งเวลาเป็น 'วาระ' จะทำให้สมองเรา Focus การเรียนรู้เป็นเรื่องๆ เรียกว่า Streamline ในเป้าหมายในสิ่งที่ทำ ตัดสิ่งไร้สาระในช่วงนั้นๆออกไป ส่งผลให้การเรียนรู้แต่ละ 'วาระ' ของชีวิตได้เติบโตทางความคิดอย่างก้าวกระโดด ..ลองไปค้นหาคำตอบการตั้งธงของเวลา และอีก 4 ธง -- เงิน งาน บ้าน ความรัก ได้จาก หนังสือ แกะรอยหยักชีวิต Filter ความคิด ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศแล้ววันนี้ ..แล้วเราจะตั้งธงชีวิตรอบด้าน เงิน งาน บ้าน ความรัก และ เวลา ได้ถูกต้องสักที !!"
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือก

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปักธงชีวิตให้ถูกก่อนเดินทาง !!


"คนส่วนมากคิดว่า การคิดแทนคนอื่นเป็นการแสดงความมีน้ำใจ เอื้อเฟ้อเผื่อแผ่ และ รู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนดียิ่งนัก ..จริงหรือ ? -- ถ้ามีใครสักคนมาคิดแทนคุณว่า คุณน่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ คุณมันน่าสงสารอย่างนั่นอย่างนี้ คุณมันช่างอ่อนแอ ยากจน คุณมันช่างหมดโอกาส อยากที่จะโยนเศษเงิน และ เศษโอกาสให้คุณจัง ..เอางี้ไหมคุณมาทำแบบนี้ซิ คุณจะได้มีความสุข -- ถ้ามีคนช่วยคิดให้คุณแล้วช่วยวางแผนให้คุณเรียบร้อยว่า อยากให้เป็นอย่างที่เขาคิดว่าคุณน่าจะเป็น ถามจริงๆเถอะ คุณจะรู้สึกอย่างไร ? ...บอกตรงๆ นะ ความสุขของคนแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ขึ้นกับว่าคนๆนั้นให้ค่ากับความสุขว่ามันคืออะไร บางคนอาจเป็นเงิน บางคนอาจเป็นงานที่ได้ทำ บางคนอาจเป็นประโยชน์ที่สร้างให้คนอื่น บางคนอาจเป็นการได้อยู่กับคนที่รัก ...ใช่ครับ!! การคิดแทนคนอื่นบางครั้งมันไม่ใช่การเอื้อเฟ้อ หรือเห็นแก่คนอื่น คุณแค่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วมองคนอื่นต่างหาก ....ถ้าคุณอยากทำเพื่อคนอื่นอย่างจริงใจ อย่าคิดแทนคนอื่น แต่คิดช่วยคนอื่นให้เขาได้เดินไปสู่เส้นทางแห่งความสุขที่เขาตั้งไว้ต่างหาก" ...ความสุขของแต่ละคนอยู่ที่ใจ ช่วยให้เขาคิดและค่อยๆ เติบโตด้วยตัวของเขาเอง นั้นแหละดีที่สุด -- พบคำตอบการตั้งธงชีวิต นิยามความสุขใน 5 ด้านของชีวิต เงิน งาน บ้าน ความรัก และ เวลา ได้ในหนังสือ แกะรอยหยักชีวิต Filter ความคิด ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน SE-ED และแผงหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ ..ปักธงชีวิตให้ถูก แล้วเราจะรวยขึ้น สุขขึ้น และเข้าใจตัวเองมากขึ้น -- จัดไปครับ !! (อ่านจบแล้วก็ส่งต่อไป Pay it Forward..ยุคนี้ ยิ่งให้ เรายิ่งได้ครับ ..ฟันธง!!)
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือก

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ใครตั้งธงเรื่องเงินผิด จะเครียดแล้วหาเงินได้น้อย ..ตั้งธงถูก ชิว แล้ว รวยเร็ว ..555


"ในโลกนี้มนุษย์หาเงินมี 2 ประเภท หนึ่ง พวกเป็นทาสเงิน และ สอง พวกใช้เงินเป็นทาส ..รู้ไหมคนสองแบบนี้ต่างกันแค่เรื่องการตั้งเป้าหมาย หรือ การตั้งธงเรื่องเงิน ...ใครก็ตามเอาเงินเป็นเป้าหมาย เขาก็เหมือนเอาเงินใส่พานขึ้นหิ้ง แล้วก้มหน้าก้มตา ทำงานหนักไม่ยอมใช้ ตกเป็นทาสทำทุกอย่างเพื่อเงิน ไม่ว่าจะหาได้มากเท่าไหร่ ก็ไม่คิดว่าพอ ยิ่งหาได้ก็ยิ่งทุ่มเวลาแลกเงินไปเรื่อยๆ สุดท้ายไม่มีเวลา ครอบครัวแตกแยก !! ..ซึ่งคนกลุ่มเป็นทาสเงินอีกแบบคือ ใช้เงินสนองความไม่มี เข้าข่าย 'รสนิยมสูง รายได้ต่ำ' -- คนแบบนี้หาเงินได้มากเท่าไหร่ก็ใช้ไม่พอ เพราะขาดความมั่นใจในตัวเอง ..ความมั่นใจขึ้นอยู่กับวัตถุที่ครอบครอง คนเหล่านี้ยืม Brandname มาเป็นตัวตน เพราะคิดว่าคุณค่าของตัวเองขึ้นกับของหรูที่ตัวเองสวมใส่และใช้ -- คนทั้ง 2 แบบนี้บูชาเงินทั้งคู่แต่สุดโต่งคนละด้าน ..ใครอยู่ด้วยก็เครียด เพราะตั้งธงเงิน ให้มันเหนือเรา ..วิธีแก้คือ การตั้งธงเรื่องเงินใหม่ ให้มองเงินเป็น Tool เป็นแค่เครื่องมือที่จะพาเราสู่เป้าหมายจริงๆที่ไม่ใช่เงิน ..พบคำตอบของการตั้งธงเรื่องเงินให้ถูกต้อง จากหนังสือ แกะรอยหยักชีวิต Filter ความคิด ได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำวันนี้ !! ...แล้วคุณจะเข้าใจการตั้งธงเรื่องเงินให้ถูกต้อง เพื่อชีวิตสูงกว่าเงิน แล้วเราจะหาเงินได้มากขึ้น แถมมีความสุขมากขึ้น -- "เงินน่ะมันเป็น ธง หลอก เพราะที่เราหาเงินก็เพื่อเอาเงินมาซื้อบางอย่างเท่านั้นแหละ ...ต้องเข้าใจตัวเองว่า เป้าหมายจริงๆของเราคืออะไร!!"
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน

อย่าตั้ง "ธง" ชีวิตสร้างบ้านให้แต่คนใช้อยู่ ..มันเครียดและเหนื่อย !!

"ค่านิยมเรื่องบ้านของคนสมัยนี้คือ ฉันจะสร้างบ้านในฝันต้องอยู่ดีกินดี มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ และเป็นบ้านที่บ่งบอกฐานะความเป็นผู้ดีของครอบครัวเรา ...ถามจริงๆ เถอะ เหนื่อยไหม กับการทำงานหาเงินมากมาย ซื้อบ้านหลังใหญ่ ที่ไม่มีใครอยู่นอกจากคนใช้ ..เหมือนสร้างคฤหาสน์ให้คนใช้พม่าอยู่ ..อาณาจักรที่ทำให้พ่อหาเงิน จนไม่มีเวลาให้ใคร -- 'ทำไมบ้านหลังนี้ ไม่มีใครเห็นใจพ่อเลย ..หาเงินให้ขนาดนี้ ประเคนให้ขนาดนี้ ยังไม่พอใจอีกเหรอ ? ..คงมีพริตตี้เท่านั้นแหละที่เห็นใจฉัน -- ว่าแล้วพ่อก็สร้างอาณาจักรคนรักนอกบ้าน ทิ้งเพียงเงินให้ภรรยา และ ลูก' ..ยิ่งเวลาผ่านไปบ้านหลังใหญ่ รถหรู และทรัพย์สมบัติที่พ่อหามา มันไม่ต่างอะไรกับสิ่งเย้ยหยันให้ลูกและภรรยา ..ไม่แปลกสำหรับลูกที่ถูกเลี้ยงด้วยเงิน จะใช้เงินอย่างไร้ค่า ใช้เพื่อให้พ่อรู้ว่า เงินที่พ่อหามามันไร้ค่าสำหรับผม (คุณคิดว่าลูกต้องการเงินมากขนาดนั้นจริงๆหรือ?.. หรือว่าจริงๆ ครอบครัวต้องการเวลาและความรักจากคุณด้วย ? ...ชีวิตคุณมันมีค่าแค่เครื่องผลิตเงินเท่านั้นเองหรือ ? ..คุณบอกทำเพื่อครอบครัว หาเงินเพื่อลูก แต่จริงๆ คุณกำลังสร้างบาดแผลอะไรบางอย่างให้ครอบครัวที่สุดท้ายมันกลับมาแทงใจคุณเองรึเปล่า ?) ..ทางแก้คือ ตั้งธงใหม่ !!! ..ใช่การตั้งโจทย์ตั้งแต่เป้าของคำว่า 'บ้าน' ให้ถูก ..ถ้าตั้งธงเรื่องบ้านผิด ก็พังทั้งครอบครัว -- พบคำตอบการตั้งธงเรื่องบ้าน ที่ส่งผลต่อการเงินให้คุณรวยขึ้นแบบก้าวกระโดดและครอบครัวสุขขึ้นอีกได้ใน หนังสือ แกะรอยหยักชีวิต Filter ความคิด ที่ร้าน SE-ED ทุกสาขาแล้ววันนี้ !!..'เอาหนังสือเล่มนี้ไป เปลี่ยนมุมมองชีวิตรอบด้านของคุณ จาก เงิน งาน บ้าน ความรัก และ เวลา ..มันเชื่อมกัน ปักธงชีวิตให้ถูก' -- จัดไปครับ !!"
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน



ผมเก่งสุด แต่ทำไมทำงานไม่รุ่งสักที ??

"วันนี้หลายคนบอกฉันเก่งสุดๆ เพราะตอบได้ทุกคำถาม ประดุจอับดุล ถามมา-ตอบไป ..แต่จริงๆ มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น -- คนเก่งไม่ใช่มัวแต่ตอบคำถาม ..คนเก่งต้องหัดตั้งโจทย์ -- คิดดีๆนะ ลูกศิษย์กับอาจารย์ ..อาจารย์เก่งกว่าก็เลยเป็นคนตั้งโจทย์ ให้ลูกศิษย์เป็นคนตอบ ..เช่น สมมุติว่าคุณคือผู้บริหารแมคโดนัลด์ หากต้องการยอดขายให้สูงขึ้น คุณจะตั้งโจทย์ยังไง ? .. (ใช่!! คนที่ตั้งโจทย์ ก็คือ หัวหน้า เงินเดือนสูง ..คนตอบโจทย์ก็คือลูกน้อง ..ฮึม!! ถ้าลูกน้องอยากเป็นหัวหน้าอยากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องฝึกสมองเป็นคนตั้งโจทย์บ้าง เพราะถ้ามัวแต่ตอบโจทย์อย่างเดียว ไม่ว่าคุณจะตอบโจทย์เก่งแค่ไหน คุณก็มี Skill ที่เป็นสุดยอดลูกน้องเท่านั้นเอง) ..กลับมาที่แมคโดนัลด์ ถ้าหัวหน้าตั้งโจทย์ให้ลูกน้องไปคิดว่า จะทำให้บิ๊กแมคอร่อยขึ้นอย่างไร ..ลูกน้องทุกคนก็จะวิ่งไปตอบโจทย์ว่า ทำอย่างไรให้บิ๊กแม๊คอร่อยขึ้น ..ทั้งที่จริงๆแล้ว การทำให้บิ๊กแม๊คอร่อยขึ้นอาจจะไม่ได้ทำให้เพิ่มยอดขาย เพราะลูกค้าเดิมทีอาจไม่ได้ซื้อบิ๊กแมคเพราะความอร่อย แต่ลูกค้าอาจซื้ออาหารจากแม๊คโดนัลด์เพราะความสะดวก และความเร็ว ดังนั้น การไปพยายามทำให้เบอร์เกอร์อร่อยอาจไม่ได้ตรงจุดที่ลูกค้าต้องการ ยอดขายเลยอาจจะไม่เพิ่ม ยิงปืนไม่ตรงเป้า !! ..ดังนั้น เหมือนตั้งโจทย์ผิด ..ใช่!! การตั้งโจทย์ หรือการตั้งธง สู่เป้าหมายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ..ใครก็ตามที่อยากเป็นหัวหน้าหรือผู้บริหารก็ต้องฝึกการตั้งธงสู่เป้าหมายให้เก่ง -- Skill การตั้งธง ตั้งโจทย์ ตั้งคำถาม ก็คือ Skill ของคนที่ต้องการเป็นผู้นำนั่นเองครับ" ...ส่วนการตั้งธงในชีวิต(คือ การเลือกที่จะเป็น'ผู้นำ'ในชีวิตของเราเอง) มี 5 เรื่อง ที่จะกำหนดชีวิตของเราว่าอนาคต เราจะรวยไหม ..ทำงานหนักแค่ไหน มีความสุขหรือไม่ ..ครอบครัวดีไหม ต้องฝึกตั้งธงชีวิต 5 เรื่องให้ถูกต้องคือ เงิน , งาน , บ้าน , ความรัก และ เวลา ...พบคำตอบการตั้งธงชีวิตได้ในหนังสือ แกะรอยหยักชีวิต Filter ความคิด ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำแล้ววันนี้ -- จัดไป ตั้งธง !!
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน


วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แรงบันดาลใจจากการทำหนังสือ แกะรอยหยักชีวิต Filter ความคิด ...มันเริ่มที่ปัญหาของผมนี่แหละ ?


หลายคนอาจจะสงสัยว่า ผมเขียนหนังสือ แกะรอยหยักชีวิต Filter ความคิดขึ้นมาทำไม ...มันเหมือนไม่ใช่แนวภาววิทย์เลย ...แนวภาววิทย์ต้อง Money Machine มนุษย์หน้าเงินที่มองเงินเป็นพระเจ้าแล้วทำทุกอย่างเพื่อเงินถึงจะตรงแนว ...ใช่!! สารภาพเลยว่า ผมเริ่มรู้สึกเครียดกับสิ่งที่ทำ งานที่ทำ หงุดหงิดคนรอบๆข้าง -- "ผมเป็นบ้าอะไรนี่ ..ทำงานหนักมาก แต่มันเครียดขึ้นเรื่อยๆ มีปัญหากับทุกๆคน ทะเลาะไปหมด ...ทำไมทุกคนมันแย่จังวะ ?"

จนในที่สุดพี่ที่สนิทคนนึง ก็แนะนำให้ผมไปพบกับ ดร.ต้อง (ดร.พงษ์รพี บูรณสมภพ) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ เรื่องของ Life Enrichment ..ตอนแรกผมก็บอกว่า "ไร้สาระน่า ..ผมไม่เห็นต้องไปคุยกับใครเลย ชีวิตผม ผมเข้าใจที่สุด" ...แต่ในที่สุดผมก็ไปเจอ ดร.ต้อง ...ผมท้าทาย ดร.ต้องว่า "พี่ต้อง ..ไหนพี่บอกผมซิว่า ผมต้องการอะไร ผมมีชีวิตไปเพื่ออะไร อะไรคือ แรงจูงใจที่ทำให้ชีวิตผมมีความสุข ...คือ ผมอยากจะรู้ว่า อะไร Drive ผมให้ทำงาน ...แล้วความเครียดผมเกิดจากอะไร ...อะไรที่จะเติมเต็มความสุขในชีวิตผม ...อะไรที่จะเปลี่ยนคนรอบข้างให้ได้ดั่งใจ ?????" ...ตูม!! ชัดเข้าไป ท้าทาย ดร.ต้อง ..."ไหนลองดิ มั่วอะเปล่า (ผมคิดในใจ)"

หลังจากนั้นเราก็เริ่มคุยกัน โดยดร.ต้องให้ผมเล่าชีวิตให้เขาฟัง ...ผ่านไป 1 ชั่วโมง ดร.ต้อง เริ่มเขียนชีวิตผมออกมาเป็นแผนภูมิ ...แล้วเริ่มค้นหาแรงจูงใจในเรื่องต่างๆ ของชีวิต ...(คอร์สนี้เราคุยกัน 10 วัน วันละ 2 ชั่วโมงรวมเป็น 20 ชั่วโมง) ...ดร.ต้องเริ่ม จุดประเด็นอย่างนึงออกมาในเรื่องของ Money Machine .."นิยามชีวิตคุณแพ้ท ก็คือ กระสวยที่พุ่งไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายกระสวยนี้จะไหม้ไปในที่สุด ...คุณแพ้ทต้องการแค่ประสบความสำเร็จ ติดอยู่กับ Law of Success ที่ต้องการจะสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ คำถามที่อยู่ในหัวตลอดคือ What's Next ? ..วันนี้สำเร็จแล้วอะไรต่อ ...คนเหล่านี้ไม่แปลกที่ไม่ต้องดูหมอก็รู้ว่ารวยแน่ ... แต่!! โคตรเครียด และ สุดท้ายจะเครียดจนไม่มีใคร เหมือนกระสวยน่ะ ชีวิตพุ่ง แต่ทำลายตัวเองในที่สุด ...คุณจะตายคนเดียว เพราะไม่มีใครที่รักคุณจริงๆเลย เพราะคุณไม่เคยรักใคร แม้กระทั่งตัวเอง ...ใช่หรือเปล่าคุณแพ้ท?" ...เจสสสส แรงสัดๆ!!!

ผมอึ้งอยู่พอสมควร "ก็ใช่นะ ...วันนี้ก็เครียดนะ คนรอบข้างก็ไม่ค่อยเข้าใจว่า เราจะทำงานหนักไปขนาดนี้ทำไม ?" ...ดร.ต้อง ก็บอกว่า คุณแพ้ทเก่งมากในเรื่องของ Law Of Success และ ก็ Law of Attraction คือ การบริหารเสน่ห์ ...และสังเกตไหมว่า คนที่เก่งเรื่อง Law of Attraction มีเสน่ห์มีคนรักทั้งบ้านทั้งเมืองแบบดารา หรือ คนที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ จะมีชีวิตครอบครัวที่พัง ..ตัวเองไปทางนึง ภรรยาไปอีกทาง ลูกก็ขาดความอบอุ่น แล้วไปอีกทาง ...ยิ่งสำเร็จ ยิ่งมีเสน่ห์ แต่ยิ่งเหงา และ อ้างว้างขึ้นเรื่อยๆ ...สุดท้าย เงินจะครอบงำคุณ เพราะ คุณคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่มีค่า แม้แต่หัวใจคุณเอง !!

"เฮ้ย!! แรงว่ะ ..ดร.ต้องหมายความว่า คนที่เก่งเรื่องของการบริหารความสำเร็จ และ บริหารเสน่ห์ จะมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ แล้วอะไรล่ะที่ต้องแก้ไข"

ดร.ต้องเล่าให้ฟังอีกว่า สังคมไทย ขาด Law of Affection คือ คนเอเชีย เวลาเลี้ยงลูก จะเลี้ยงแบบโหดน่ะ โดยเฉพาะคนจีน ...เรื่องของการกอดลูก แทบจะไม่เคยมี ..มีแต่ไม้เรียว ผิดตี , ลงโทษ ...ซึ่งผลก็คือ เด็กเสพย์ติดการลงโทษ เราจะเรียนรู้ว่า พ่อแม่รักจะต้องตี ...ดังนั้น พฤติกรรมบางอย่างจะส่งผลให้คนเหล่านี้ ชอบการลงโทษ ..เออ เดี๋ยวนะ "ไม่ใช่แนว ฟาดแซ่ เอาเทียนลนนะ ..ฮ่า ฮ่า"

เรื่องเสพย์ติดการลงโทษ มันเป็นผลถึง การเลือกคนที่คบ เลือกงานที่ทำ เลือกคู่ชีวิต ..พูดง่ายๆ ว่า Mindset ของเราจะเลือกสิ่งที่เข้ามากระตุ้นตัวเรา ให้มองแต่เพียงเรื่องของ ความสำเร็จและเงิน ..ซึ่งไม่ได้ผิดนะ เพราะคนเหล่านี้ประสบความสำเร็จสูง เนื่องจากแรง Drive เหมือนกระสวยอวกาศ ..แต่ปัญหาคือ กลับมาที่ What' Next ? คำถามนี้ยาก เพราะคิดดีๆ ใครจะสร้างผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีลด ..มันเครียดนะ ถ้าเราตั้งว่า เราต้องทำให้ดีขึ้น พอดีขึ้นแล้ว ก็ดีขึ้นไปอีก ...ถ้ามองอีกมุม คือ ความสุขมันกลายเป็นการไต่เต้าความสำเร็จเพียงอย่างเดียว กลายเป็นสังคมทุนนิยมที่ทุกคนเหยียบหัวกันขึ้น จนลืมไปว่า แล้วขึ้นไปเพื่ออะไร ?

จุดนี้มันย้อนกลับมาที่ความหมายชีวิต ว่า ตกลงน่ะ อะไรคือ ความสุขในชีวิตคุณ ? ...เงิน รึเปล่า ? ...แน่นอนคนส่วนใหญ่จะบอกว่าเงิน แต่ปัญหาคือ เงินจริงๆ ไม่ได้มีความหมายในตัวของมัน ..คนเราทุกคนหาเงินเพื่อเอาเงินมาซื้อบางอย่าง ...เช่น บางคนหาเงินมาซื้อความไม่มีในอดีต , บางคนมาซื้อความรักจากคนรอบๆข้าง , บางคนหาเงินมาเพื่อลงโทษตัวเอง , บางคนหาเงินมาเป็นเกราะระหว่างตัวเองและพ่อแม่ ...คือ จริงๆ มันต้อง นิยามคุณค่าของตัวเราเองก่อนที่จะออกไปหาเงินมาให้ได้ก่อนว่า

เป้าหมาย หรือ ธง ของชีวิต คืออะไร ? ..อะไรคือ ความสุขของเรา ...คุณรู้ไหมว่า วันนี้ธงเดียวของระบบทุนนิยมคือ เงิน ซึ่งไม่ผิดนะ ทุกคนต้องหาเงินให้พอใช้ แต่ที่ผิดคือ การตั้ง ธง และ การอธิบายความหมายของ ธงที่เราตั้ง เพราะ สิ่งนี้แหละ จะเป็นตัวกำหนดเลยว่า ชีวิตเราจะมีความสุขได้ไหม ..คนรอบข้างกับเราไปกันได้ไหม ...เพื่อน คนรัก ลูก ทุกอย่างไปกันได้ไหม

เรื่องของการตั้งธงชีวิต มันคือ การกำหนด Mindset ของเรา ซึ่งมีผลต่อทุกอย่าง มีผลต่อนิสัยของเรา มีผลต่อวิธีการทำเงิน มีผลต่อวิธีการทำงาน และ มีผลต่อความสัมพันธ์ การเลือกคู่ครอง การสอนลูก

ทั้งหมด ผมคุยกับ ดร.ต้อง ไป 20 ชั่วโมง ...มันผ่านไปไวมาก ...ผมรู้เลยว่า จริงๆ แล้ว ที่ผมเคยเข้าใจตัวเอง ..."ผมไม่เคยเข้าใจตัวเองเลย" ...หลังจากวันนั้น ผมเริ่มตั้งธงชีวิตของผมใหม่หมดเลยใน 5 เรื่อง ก็คือ เงิน ในความหมายของผมคืออะไร , งานในความหมายของผมคืออะไร , บ้านในความหมายของผม , ความรักในความหมายของผม และ เวลา ในความหมายของผม ...ใช่ครับ !! อันนี้แหละ คือ ที่มาของ "Filter ชีวิต" ที่ผมชวน ดร.ต้อง ให้มาเขียนหนังสือ แกะรอยหยักชีวิต Filter ความคิด ร่วมกับผม เพราะ ผมต้องการถ่ายทอด สิ่งที่ผมเรียนรู้มา แล้วคิดว่ามีประโยชน์

...ลองเอา Filter ความคิด ทั้ง 5 ด้าน "เงิน/งาน/บ้าน/ความรัก/เวลา" ไปลองตั้ง ธง กับชีวิตคุณเองบ้าง ...ความยากคือ แต่ละคน นิยามความสุขไม่เหมือนกัน ...ดังนั้น การตั้งธง ต้องตั้งด้วยตัวเอง โดยอาศัยตัวอย่าง และ Guideline ของแต่ละ Filter เป็นตัวช่วยในการตั้ง Filter ชีวิตของคุณเอง

"ก็ไม่รู้ซินะ !!" (คำยอดฮิต) ...นั่นแหละที่มาของหนังสือ ฉีกแนวของผมเลย ...มันเป็นการถ่ายทอดจุดเปลี่ยนทางความคิดในห้าเรื่อง ที่เปลี่ยนแล้วจะหาเงินได้มีความสุขมากขึ้น ดังนั้น ไม่ใช่เข้าใจตัวเราแล้วจะจนลง ..ไม่ใช่ !! แต่ยิ่งเข้าใจตัวเอง เข้าใจว่า งานอะไรที่เรารักจริงๆ ที่ขยายคุณค่าในตัวเรา เราจะยิ่งทำอย่างมีความสุขขึ้น ส่งผลให้ผลงานออกมาดี ..เราก็ทำงานเก่งขึ้น และ ได้เงินมากขึ้น ...การแบ่งเวลาที่เราเข้าใจวาระของเวลา จะช่วยให้เรา Focus ในสิ่งจำเป็นในแต่ละช่วงของชีวิต แล้วตัด Noise ต่างๆ ...และ สุดท้ายการเข้าใจความต้องการเรื่องความรัก คุณจะพบว่า จริงๆ คุณต้องการจะได้อะไรจากความสัมพันธ์จริงๆ ซึ่งไม่ใช่การคาดหวังอย่างที่เราเป็นกันอยู่

...ลองดูครับ ลองไปอ่านดู ผมว่ามันเปลี่ยนชีวิตผม และ ผมก็หวังว่า หนังสือเล่มนี้มันจะช่วยเปลี่ยนชีวิตคุณ ไม่ทางใดก็ท่างนึงครับ ...จัดไป !!

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สมัยนี้เล่นหุ้นต้องรู้สามสิ่ง ..จึงจะไม่เสียเปรียบ !!


บันได 3 ด่านที่คุณต้องเรียนรู้ เพื่อรวยจากตลาดหุ้น คือ 
ด่านที่หนึ่ง : Fundamental มันบอกได้ว่า หุ้นถูกหรือแพง
ด่านที่สอง : Technical มันบอกว่า หุ้นอยู่ใน Trend ขาขึ้น หรือ ขาลง รวมทั้งบอกได้ว่า เวลานี้หุ้นอยู่ในจุดไหนของรอบ (ตรงไหนของ Cycle)
ด่านที่ 3 : Mindset คือ จิตวิทยาการลงทุนที่ผ่านยากที่สุด (ด่านนี้ต้องเอาชนะใจตัวเอง โดยเอาความรู้ในด่านที่ 1 และ 2 มาประกอบการวิเคราะห์และตัดสินใจ)
-- จะรวยจากตลาดหุ้น ไม่มีฟลุ๊ค เกี่ยวกับโชคน้อยมาก เพราะคนที่ไม่รู้จริง ไม่ว่าได้มามากและเร็วแค่ไหน จะหมดในที่สุด ไม่มีข้อยกเว้น ทางเดียวที่จะรวยอย่างยั่งยืนในตลาดหุ้น คือ เข้าใจกลไกทั้ง 3 ด่าน ซึ่งมันหมายถึง การเข้าใจและชนะใจตัวเองได้

ชีวิตเรา คือ ภาพที่ฉายจาก Projector ที่เรียกว่า 'ความคิด' ..เปลี่ยนซิ แล้วชีวิตจะเปลี่ยน !!


"ชีวิตไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยน" ..คนถูกหวยชีวิตอาจเปลี่ยน แต่มักเปลี่ยนแบบไม่ยั่งยืน เพราะเขารวยจากโชค คือ รวยจากความหวัง ..ใครที่ใช้เงินเป็น แต่หาเงินไม่เป็น วันนึงเงินก็ต้องหมด ..ดังนั้น รวยจากโชค แบบฟลุ๊คๆ ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตคน -- "การเปลี่ยนชีวิตคนอย่างแท้จริง ต้องเปลี่ยนที่ความคิด เพราะความคิด จะกำหนดพฤติกรรม และ กำหนดผลลัพธ์ของชีวิตทั้งหมดของคนๆนั้น" ...ใช่!! "ความคิด" ก็คือ "เส้นชีวิตที่บอกอนาคตอย่างแม่นยำ" ของแต่ละคน 
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เศรษฐีรุ่นใหม่ มันหน้าตาแบบนี้ คิดเยี่ยงนี้เหรอ ..กรูเอาบ้างดิ !!


"เศรษฐีพันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน" ...อย่าไปหลงกับตัวเลขมันนะ ..คิดดีๆนะ คนรวยที่บอกเดี๋ยวนี้รวยเป็นหมื่นล้าน เขาไม่ได้รวยไปกว่าเศรษฐีเงินล้านในอดีต ..เพียงแต่ Asset ที่เขาครอบครองมันราคากระโดด เป็นร้อย เป็นพันเท่า เช่น ที่ดินซื้อไร่ละพันบาทสมัยก่อน วันนี้ไร่ละพันล้านบาท ...ที่ขึ้นมันคือ "เงินเฟ้อมหาศาล" ...และยิ่งอนาคตเงินก็ยิ่งเฟ้อ แปลง่ายๆ ว่า Asset มันก็ต้องขึ้น ..ก็เท่านั้นเอง -- อนาคตเราจะเห็นเศรษฐีล้านล้าน Trillion!! ..."ถ้าหาเงินอย่างเดียวไปไม่ถึงหรอก ต้องรู้จักลงทุนและเก็งกำไรจากราคา Asset ที่กำลังขึ้นบ้าคลั่ง ถึงจะตามกระแสได้" (รอบนี้ Buffett ไม่ได้เกิดในอเมริกา หรือ ยุโรปแน่ เพราะ Asset ประเทศเขามันจะเฉาไปอีกนานในภาพใหญ่ ..รอบนี้ Emerging Market และเอเชียเรานี่มาแน่) -- เข้าใจ มองออก ก็รวยสุดท่ามกลางเงินเฟ้อ!!
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Trust = Wealth ..คนที่คนอื่นไว้ใจจึงรวย -- ให้ก่อนรับดิ เป็นคนดีดิมีสัจจะ ..ยุคนี้น่ะคนดีน่ะ รวย !!


Trust  คือ "ประตูแห่งทรัพย์ ที่ผู้แสวงหาเงินทอง และอํานาจพึงมี". ... ประตูแห่งทรัพย์ คุณหมายถึงโอกาสน่ะหรือ!! (ผมนึกว่า โอกาสคือ การหาช่วงว่าง หรือการเอาเปรียบ และรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า) ...ตลกไหม คนส่วนใหญ่คิดแบบนั้น ...ในโลกจริงๆ ลองไปสังเกตดูจะพบว่า "ชายที่รวยที่สุดในหมู่บ้าน เขาคือ คนที่ทุกคน Trust". .. หากผมเป็นคนที่น่าเชื่อถือสุดในโลกการเงิน ผมจะเป็นนักบริหารเงินที่ยิ่งใหญ่ ...ถ้าผมเป็นคนสร้างบ้านที่ทุกคน Trust ผมจะมีบริษัทสร้างบ้านที่ใหญ่โต ... หากผมเป็นนักการเมืองที่คนส่วนใหญ่ Trust ผมจะเป็นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่
:: Now you Know ... It's all about Trust !!!! 
นั่นแหละ ที่ผมบอกว่า "Trust" มันคือประตูสู่โอกาสไง ... เริ่มจากวันนี้ สร้างความน่าเชื่อถือของคุณในที่ทํางาน ในชีวิต ... คุณธรรมและความซื่อสัตย่์ คือ Wealth Machine นั่นเอง ...คิดดีๆ มันจริง
: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ