แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อะไรคือ "ถูก แพง ขึ้น หรือ ลง"!!

คำ 4 คำที่สำคัญ มากสำหรับ "นักลงทุน" คือ "ถูก/แพง/ขึ้น/ลง"

คำทั้งสี่คำนี้ ทำให้คนเล่นหุ้นขาดทุนตลอด เพราะไม่เข้าใจวิธีการใช้ ...ผมจะยกตัวอย่างจากหุ้นจริงให้ดู

ลองมาดู PTT ...
"ราคาถูก" อันนี้ ต้องไปเทียบกับพื้นฐาน ...คนที่ยังวิเคราะห์ Fundamental ไม่เป็น อาจไปขอ Target Price ของราคาพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวที่ Broker ก็ได้ ...แต่ต้องเข้าใจว่า "ราคา" กับ "พื้นฐาน" ไม่จำเป็นต้องวิ่งไปในทางเดียวกันตลอดเวลา มันจึงเป็น โอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้นั่นเอง

การที่บอกว่า ราคาถูก คือ "ราคา" ในเวลานั้นต่ำกว่า "พื้นฐานจริงๆของกิจการ" ... แต่โดยส่วนใหญ่ เมื่อราคาถูก มันถูกเพราะคนส่วนใหญ่ขาย ...นั่นแปลว่า Demand & Supply ...จะส่งผลให้ราคาหุ้น เป็น Trend ขาลง ...ดังนั้น หุ้นถูก ก็คือ หุ้นที่อยู่ในขาลง -- ดังนั้น การซื้อหุ้นถูก ก็คือ "ซื้อแล้วหุ้นควรจะลงต่อ" ...ลองดูที่ กราฟ PTT ... อย่างหุ้นถูก ก็คือ ราคาต่ำกว่า 300 บาท ...แต่ถ้าซื้อในจุดที่ต่ำกว่า 300 บาท (ใต้เส้นน้ำเงิน) โอกาสที่ซื้อแล้วลงต่อ มีสูง ... ดังนั้น คนที่ต้องการซื้อหุ้นถูก ก็ต้องทำใจแล้วว่า การซื้อในเวลานั้น หุ้นอาจลงต่อ

สรุปคือ "คนที่ซื้อหุ้นถูก คือมักซื้อในขาลง ..หุ้นควรจะลงต่อ -- แต่ถ้ามองระยะยาว การซื้อหุ้นตอนถูก ก็ย่อมมีหุ้นราคาแพงในอนาคต คนเล่นระยะยาวก็ได้กำไรจากตรงนั้น (ถ้าทำใจเห็นราคาหุ้นที่ตัวเองซื้อลงต่อไม่ได้ ห้ามซื้อหุ้นถูก ..แก้ไขโดยหยุดซื้อหุ้นถูก แล้วไปเลือกใช้วิธีการลงทุนแบบซื้อหุ้นแพง แล้วไปขายแพงกว่าแทน ซึ่งวิธีการนั้นเราเรียกว่า Technical Analysis "คือ ซื้อแพง ไปขาย แพงกว่า")

.....ลองหลับตา แล้วคิดดีๆ ว่า คุณกำลัง งง ใช่หรือไม่ ..."ไม่แปลก เพราะคนส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจเลย ..ผลก็คือ ซื้อแล้ว งง ขายก็ งง สรุปขาดทุนตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่า กำลังทำอะไรอยู่"

ในทางตรงกันข้าม ..

"ราคาแพง" ...ราคาแพง ก็คือ หุ้นแพงกว่าพื้นฐาน (แต่โดยมากนักวิเคราะห์ มักปรับพื้นฐานตาม ..ฮามาก...อิ อิ) ...อย่างตัวอย่างคือ หุ้นแพง คือ ราคาเกิน 380 บาท ... แต่ถ้าราคาวิ่งขึ้นเลย 380 บาทจริง ...หุ้นจะเข้า Trend ขาขึ้นอย่างเต็มที่ (ราคา Break เส้นแดง New High) ...นั่นแปลว่า ซื้อแพง แต่ซื้อแล้ว ราคามันจะวิ่งไปต่อ

--- ที่ผมพูดมา มันอาจฟังดู ไม่เข้าท่า ..แต่ลอง เอาสิ่งที่ผมพูดไปทำความเข้าใจ ...แล้วคุณจะเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า 4 คำนี้ "ถูก/แพง/ขึ้น/ลง" ...เป็นสิ่งที่นักลงทุนกว่า 80% ในตลาด ไม่เข้าใจเลย และมั่วมาก .....

คนที่จะซื้อหุ้นลงทุนระยะยาว ต้องซื้อ "หุ้นถูก" (ไม่จำเป็นต้องถูกที่สุด เพราะไม่มีใครสามารถซื้อหุ้นได้ถูกที่สุด)

คนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ต้องซื้อ "หุ้นแพง" แล้วไปขายแพงกว่า ...เพราะ หุ้นแพง มักอยู่ใน Up Trend คือ ซื้อแล้วขึ้นเลย ... แต่คิดดีๆนะ การซื้อหุ้นแพง คือ เราซื้อตอนมันแพง ดังนั้น เราไม่มี Room ให้ขาดทุน ..เพราะถ้าคุณผิดทาง คุณจะเสียหายหนัก ดังนั้น คนที่จะเล่นวิธีนี้ ต้องศึกษา Technical และมีวินัย มีจุด Cut Loss ที่ชัดเจน ...เพราะความเสี่ยงมันมากกว่า

--- ทำความเข้าใจดีๆครับ "ต้องเลือกให้ถูกว่า เราจะลงทุนแบบไหน แล้วใช้วิธีนั้น" แล้วการลงทุนของคุณจะดีขึ้น!!

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เบื้องหลัง 1 ล้าน เป็น 500 ล้าน


"จากเงิน 1 ล้าน เป็น 500 ล้านบาท ...แน่นอน ไม่ใช่เรื่องง่าย -- คนส่วนใหญ่อาจจะพูดว่าเป็นไปไม่ได้"
แต่!! ...แต่มันก็เป็นไปแล้วอ่ะนะ ... "มาแกะรอยกันดีกว่า ว่า พี่กิ๊ต เจ้าของ Port 500 ล้าน เขาทำอย่างไร"

"เริ่มที่ จุดเดียวกัน!!"

จุดอะไร!! ... ใช่!! จุดนั้นคือ "ความคิด" ...ทุกการกระทำล้วนมาจากความคิด ที่สร้างความเชื่อ และ ความมุ่งมั่น

ในงานสัมมนาเปิดตัวหนังสือ ผมจึงเน้นไปที่ "ความคิด & Lifestyle ของคุณกิ๊ต" ว่าเบื้องหลัง ความมั่งคั่งแบบไม่ธรรมดา มีที่มาที่ไปอย่างไร

คำตอบที่ได้ ไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจแต่อย่างใด ...เพราะ คุณกิ๊ต คิดไม่เหมือนคนทั่วไป ตั้งแต่การใช้ชีวิต การลงทุน -- และ "ความคิดต่าง" นี่แหละ ที่ทำให้เขารวยแบบไม่ธรรมดานั่นเอง

อย่างแรก การใช้ชีวิต ...คนที่มีเงินระดับ คุณกิ๊ต น่าจะเป็นคนใช้ชีวิต หรูหรา เช่น มีคฤหาสน์ใหญ่โต รถยนต์ Super Car แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย ...คุณกิ๊ต ไม่ขับรถ แถมอยู่ คอนโด ที่ติดรถไฟฟ้า ..เรียกได้ว่า ไปไหนมาไหน ก็ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ... "ผมถามไปว่า อย่างนี้ คงมีหุ้น BTS อยู่เป็นแน่!!" ..แต่ No no "ไม่มี" เพราะ มีหุ้นดีกว่านั้น อีกมากมาย...555

แหละการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายนี่เอง ทำให้ "ต้นทุนชีวิต" ของคุณกิ๊ต ไม่ได้แพงเหมือน Hi-so ทั่วๆไป ที่มีค่าใช้จ่าย ค่าคนรถ ค่าคนสวน ค่าตัดหญ้า ค่าสารพัด ...เงินที่คุณกิ๊ตประหยัด ถูกเปลี่ยนเป็นเงินลงทุน ซึ่งคุณกิ๊ต ถือได้ว่า เป็นนักลงทุน Port อสังหา รายใหญ่ ที่มี คอนโด และ บ้านเช่า นับร้อยล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเริ่มจาก บ้านเพียงหลังเดียว ที่เริ่มต้นซื้อเมื่อ 20 กว่าปีก่อน

... "คุณกิ๊ต เน้นในเรื่องของเงิน ต้องทำงาน ...นั่นคือ ทุกบาททุกสตางค์ที่วาง ต้องสร้างผลตอบแทน ..คือ จะไม่วางเฉยๆในบัญชีเงินฝากเหมือนคนส่วนใหญ่ในประเทศ"

"ถามถึง ความผันผวน เพราะ ราคาอสังหา และ ที่ดิน มีขึ้นมีลง ... คุณกิ๊ต มองอย่างไร"

"เรื่องปกติครับ ...ราคาบ้านและที่ดิน ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ...นักลงทุนที่ดี คือ เข้าใจจังหวะ ...เวลาซื้อ ต้องซื้อในราคาที่ถูก ..และก็ต้องขายในราคาที่แพง ...แต่โดยธรรมชาติ ด้วยเงินเฟ้อที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ...ราคาของ อสังหาและที่ดิน ย่อมขึ้นในระยะยาว เหนือกว่าเงินเฟ้ออยู่แล้ว (พูดง่ายๆ ว่าถึง บางเงินใน Asset แบบมั่วๆ ยังให้ผลตอบแทนที่เหนือ เงินฝาก ไม่รู้จักกี่เท่า ในระยะยาว)

 ...ดังนั้น ถ้ามองเงินก้อนที่ลงทุน เป็นเงินที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา แล้วมองผ่านความผันผวน ..เราก็จะได้ สินทรัพย์ที่สร้างเงินให้เราตลอดเวลา ...ถือเฉยๆ ก็รวย ว่างั้น"

อย่างที่สอง เรื่องมุมมองการลงทุน ... "คุณกิ๊ต เน้นการลงทุน ในหุ้นดี ...คือ ซื้อแล้วถือไปเลย ...โดยเลือกในกิจการที่ดี ..แล้วก็ถือไปเรื่อยๆ ..สุดท้าย บริษัทที่เราถือหุ้น ก็จะสร้างผลตอบแทนให้เราเรื่อยๆ ยกตัวอย่าง หุ้นหลายๆบริษัท ที่คุณกิ๊ต ได้ทั้งเงินปันผล และ Capital Gain ...จนวันนี้ จะขาย หรือ ไม่ขาย ก็ไม่สำคัญ เพราะยังไงผลตอบแทนมันโตขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และ ก็เรื่อยๆ"

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ คุณกิ๊ต ไม่ได้มองเหมือนคนส่วนใหญ่ ที่มุ่งเข้ามา เล่นหุ้นให้กำไรเยอะๆ ในเวลารวดเร็ว ...แต่สำหรับคุณกิ๊ต นั่นไม่ใช่ประเด็นเลย ..."คุณกิ๊ต มองเรื่องของการวางเงินให้ทำงาน ก็เท่านั้นเอง ...ซึ่ง 10% เป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่พอเอาเข้าจริง ...มันได้มากกว่านั้นมาก และ มากจนเกินกว่าที่ตั้งไว้ ...เคล็ดลับก็คือ Compound Interest ..เพราะเงินทุกบาท ทุกสตางค์ ถูกใส่กลับเข้าไปในตลาด โดย อาศัยจังหวะเวลาที่ดี ซึ่งคุณกิ๊ต ก็ยอมรับว่า ใช้ Technical ประกอบ ในการหาจังหวะ การลงทุนที่ดี"

สุดท้าย คือ "มุมมอง และ ความสม่ำเสมอ" ...(อ่ะนะ ..การทำแบบนี้ เป็นเวลากว่า 20 ปี ..ผมเชื่อว่า มันไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค แต่มันเป็นความเข้าใจในแนวทางของตัวเอง ที่เริ่มตั้งแต่ Lifestyle ที่ยิ่งใช้ มันยิ่งเพิ่ม ..ความสุขของคุณกิ๊ต ไม่ได้อยู่ที่การใช้จ่ายซื้อของหรูหรา แต่อยู่ที่การวางเงินให้ทำงานอย่างฉลาด ...มันเป็นความท้าทาย ทางความคิด ซึ่ง ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ --- ก็นี่แหละครับ เราอาจมองว่า มันง่าย แต่มันจะเริ่มไม่ง่าย ถ้าเราต้องทำ สิ่งเหล่านี้ติดต่อกัน จนเป็น นิสัย และ อยู่ในสายเลือด)

ขอสรุปว่า "จาก 1 เป็น 500 ล้าน" มันทำได้จริง ...หากนิสัย การลงทุน มันเข้าไปอยู่ใน "สายเลือดของคุณ"

ครับ!! "สายเลือดนักลงทุน!!".... คุณก็ทำได้ ... (ถ้าคุณทำได้..555)

-- นี่แหละวิถีชีวิตของคนรวย มันไม่ได้เหมือนในละคร ที่พระเอกต้องมีบ้านใหญ่ ขับรถหรูๆ วันๆก็ไร้สาระไปเรื่อยๆ ..ไม่ใช่เลย!! ...เพราะพระเอกของเรา เขามีความสุข ที่รู้ว่า วิถีชีวิตของเขาเป็น วิถีชีวิตที่ฉลาดและมีปัญญาไง

.... สุดยอดเท่ห์เลย!!



วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ความคิด ที่ฝาก ไป "เงาหุ้น" ..โย่ว!!



"เมื่อวาน พี่เจ๊ยบ แห่ง "เงาหุ้น" นสพ.ไทยรัฐ มาสัมภาษณ์" ..นั่งคุยกันยาวเลย ... พี่เจี๊ยบสนใจว่า คนหนุ่มอย่างผม มาอยู่ในวงการนี้ ได้อย่างไร (วงการหุ้นมัน โหด มันส์ ฮา ..มีหมาป่า เสือ หมี กระทิง และ หักเหลี่ยมกันตลอดเวลา) ทั้งๆที่ไม่ได้เรียนการเงิน

-- "ผมก็ตอบไปตรงๆว่า ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ก็ตรงๆลูกทุ่งๆ จริงใจ แค่นี้ก็แปลกแล้ว...555 -- คงเป็นเพราะผม ไม่ใด้เรียนสายนึ้มาโดยตรง ประสบการณ์ต่างๆในวงการเลยมาจาก การลองผิดลองถูกจริงๆ ..พอถ่ายทอดออกมา มันเลยเข้าใจง่าย เป็นที่มาของหนังสือหุ้นและการลงทุน ที่ชาวบ้านๆ ที่สุดมั้งครับ ก็เลยขายดี!!"

 ..แล้วเป้าหมายจริงของภาววิทย์คืออะไร ...

"ฮึม!! ตอบยากนะครับ ..ผมว่าพอผมทั้งเขียนและสอนการลงทุนแทบไม่มีวันหยุด ผมสนุกกับการเป็นอาจารย์ ..การที่คุณสามารถเปลี่ยนความคิดคนแล้วมันเปลี่ยนชีวิตคนๆนึงไปเลย ผมว่ามันท้าทายมากๆ ..และนั้นเป็นที่มาของการ รวมตัวของ นักลงทุนเก่งๆใน Stock2morrow

..ก็เริ่มจากความต้องการของตัวเรานี่แหละ ที่เราต้องการหนังสือสักชุดนึง ที่ถ่ายทอดอะไรตรงๆ ..ผมเองชอบที่จะคุยกับ เจ้าของกิจการ ทุกครั้งที่มีโอกาส ..คนเหล่านี้ มีมุมมองที่ไม่ธรรมดา สิ่งเหล่านี้จึงถ่ายทอดลงมาในภาษาแบบง่ายๆ ..ผมมองว่า มันคือ "แนวทาง" แห่งความสำเร็จ แต่สุดท้าย ผู้อ่านก็ต้องปฏิบัติเองจริงๆ

... ส่วนสัมมนา ก็มาจาก ผมอยากหาความรู้ที่มัน ถ่ายทอดมาจากคนที่เล่นจริงเจ็บจริง ..สอนแบบจัดหนัก ..ก็นี่แหละพวกๆเพื่อนๆพี่ๆ เก่งๆที่เรามาร่วมกันทำหลักสูตร ..จุดเด่นคือ เราทุกคนเคยเจ๊งหนักๆ มาเหมือนกัน ..ตรงนี้แหละที่สำคัญ"

... "เอ๊ะ!! ทำไม ภาววิทย์ ว่า ทุกคนเจ๊งหนักๆ มา ที่สำคัญ"

.."ครับ!! บอกตรงๆนะพี่ การลงทุน มันเหมือนการขี่จักรยาน ..ใครขี่ไม่ล้ม ผมอยากดูหน้า จะมาถามว่า ขี่เป็นจริงๆ หรือเปล่า .555 ...การลงทุนก็เหมือนกัน มันต้องล้มทุกคน เพียงแต่ล้มมาก ล้มน้อย -- ผ่านได้ก็ เป็นนักลงทุนจริง .."

 ..คือหมายความว่า?? --

 "ใช่!! ครับ ...ในหนังสือ คลินิกหุ้นมือใหม่ ..ผมเขียนเลยว่า มาล้มกัน ..ไม่ได้เขียนเล่นๆนะ ..เขียนจริงๆ ..หลายคนอาจมองว่า ผมเก่ง แต่จริงๆ สิ่งที่ผมเรียนรู้ไช่เพราะผมเกิดมาแล้วเก่งเลย ..แต่ผมล้มจน น้ำตาเล็ด เจ๊งจนจุดนึงสงสัยเลยว่า เรามันโง่หรือฉลาดวะเนี่ย ...แต่พอผ่านจุดนั้นมาได้ ผมรู้เลยว่าเราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ..แล้วรู้เลยว่าก่อนหน้านี้ เราผิดพลาดตรงไหน

...ถ้าพูดในวงการหุ้น เขาจะบอกเลยว่า ..พวกที่ล้มแล้วจะดวงตาเห็นธรรม เข้าใจ คำว่า "ความเสี่ยง" จริงๆ ว่าคืออะไร"

... "การลงทุนหลักๆอยู่ที่การ Control ความเสี่ยง ..ไม่ใช่อยู่ที่ผลตอบแทน ... เพราะสุดท้ายเมื่อ Control ความเสี่ยงได้ ผลตอบแทนมันจะประดังเข้ามาเอง.. รวย!! ว่างั้น..555"

 ... ภาววิทย์ อยากฝากอะไรกับสื่อบ้าง อยากให้พี่สื่อสารอะไร เกี่ยวกับคุณ ...

"ครับ!! Passion ผมอยู่ที่การ "เปลี่ยน" -- ในเวลานี้ถ้าผมเปลี่ยนมุมมองของนักลงทุนส่วนใหญ่ได้ ผมว่า มันคือ การช่วยเหลือเขาตรงๆ และเมื่อคนส่วนใหญ่ลงทุนฉลาดขึ้น มันคือ เราเปลี่ยนประเทศนะ (ในทางอ้อม) ..เพราะนักลงทุน ที่ฉลาดเขาจะเป็นกลไกสำคัญของระบบทุนนิยม ..คนรวยเหล่านี้ ถ้ามีความคิดที่ดี ผมว่า สังคมมันจะพลิกเลยทีเดียว ...หลักการ ยิ่งให้ ยิ่งได้ ผมอยากฝากสู่ คนรุ่นใหม่ ที่กำลังสร้างตัว ..ระบบการคิดแบบ win-win ผมเชื่อว่ายั่งยืนกว่า การโกยอย่างเดียวแบบในอดีต..

แล้วฝากประโยคที่อยู่ในใจผมเสมอคือ .."ปัญญา + เวลา จึงเท่ากับความมั่งคั่ง" ..คนจบมหาวิทยาลัยมา คุณมีแค่ความรู้ .. ความรู้ต้องเอามาปฏิบัติ แล้วถ้าเหมาะกับตัวเรา ถึงจะเป็นปัญญา ...คนที่มีปัญญาเลย ยังไม่รวยทันที ต้องอาศัยเวลา ซึ่งก็คือ ความอดทนนั่นเอง ... ความมั่งคั่งที่แท้จริง จึงไม่มี Overnight Success ไม่มีฟลุ๊ค

..เพราะคนที่มี ปัญญา แล้ว ต้องมีความความอดทนด้วย นั่นซิ ...มันถึงพิสูจน์คนไง" ... ฝากให้คิดละกัน ..เพราะคนที่เปลี่ยนชีวิตเราได้ คือ "ตัวเราเองครับ"

...ผมอยากเป็นเพื่อนที่ร่วมเดินทางไปกับคุณ แต่ผมให้ได้ก็แค่มุมมอง และ ทัศนคติ ..ทุกคน ไม่มีใครโง่ คนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ แปลว่า เขายังหาจุดยืนเล็กๆของตัวเอง ไม่เจอ ..."วันไหนเจอ วันนั้นก็มั่งคั่ง"

---  หาจุดเล็กๆ ของเราให้เจอ ทำมันให้ดีที่สุด คิดแบบ win-win เชื่อซิ รวยโคตรๆ...555 ...สู้ สู้ ครับ

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เข้าใจ Value กับ Price ..และ Greed & Fear ที่วิ่งเป็นรอบ


"ผมเอาภาพใหญ่ของตลาดมาให้เพื่อนๆดูนิดนึง" ... คือ ตลาด เราหนี Cycle ของภาพใหญ่ไม่ได้

...ลองดูให้ดีครับ จะเห็นได้ว่า ราคาสูงที่สุด ของปี 2007 .. ตลาดลงแล้วขึ้น สุดท้ายกลับมา ที่จุดเท่ากับปี 2007 เมื่อปี 2011 เท่ากับว่า 4 ปี วิ่งไปแล้วก็ถอยมาที่เดิม...

 "อันนี้เรื่องปกติของตลาดหุ้น คิดดีๆครับ ความผันผวนเช่นนี้ ทำให้เราไม่สามารถเข้าใจในเรื่องของราคาได้ -- แต่!! ถ้าในภาพที่ใหญ่ขึ้น การที่ราคาวิ่งขึ้นแล้วลง แล้วขึ้นแล้วลง ...มันมีสิ่งนึงที่วิ่งขึ้นตลอด นั่นคือ Value หรือ พื้นฐานของกิจการ ...การศึกษา Fundamental มันต้องแยกให้ออกระหว่าง Price "ราคาหุ้น" กับ Value "มูลค่าหุ้น" .."

 --- การที่ ราคาหุ้นจะสามารถวิ่งฉีกออกจากพื้นฐาน แบบภาพใหญ่ เช่น PTT จาก Range 30 - 100 บาท มาวิ่งใน Range 200 - 400 บาท ..มันคือ Fundamental Shift ในภาพใหญ่ ...ซึ่ง Value Investor ที่ประสบความสำเร็จ ต้องสามารถถือหุ้นผ่าน Fundamental Shift ของหุ้นแต่ละตัวให้ได้ ....ไม่ง่ายเลย !! 

-- "เอาใจช่วยเพื่อนๆ ที่เพิ่งเข้าตลาดแล้วยัง งง ว่า Price ทำไมแกว่งมหาศาล บีบใจ ..ส่วน Value ก็ไม่สอดคล้อง ... ลองพยายามทำความเข้าใจให้ลึกๆ จะเห็นว่า แก่นของพื้นฐาน Value เป็นฐาน แล้วราคาก็วิ่งแกว่ง บนแกนของ Value ในแบบ Overbought ไป Oversold เสมอ ...ตาม Greed & Fear ของนักลงทุน

 ... "ถ้าใครเข้าใจประเด็นนี้ คุณจะเห็นสิ่งที่ผมพยายามอธิบาย แล้วเห็นจังหวะในการซื้อและขายที่ดีขึ้น" 

...ลองคิดดูครับ!!

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ