แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"เจาะใจ" ป๋าหยง คนไม่ธรรมดา



"คุณสงสัยไหมว่า ความลึกของหนังสือ ฟรีด้อมเทรดเดอร์ มันไม่ใช่แค่หนังสือที่สักแต่เขียนขึ้นมา จูงให้คน เทรดไปเทรดมา แบบโลภๆ ไปวันๆ ...นั่นมันไม่ใช่เลย!!"

แพนด้าที่โลดแล่น อยู่บนหน้าปกของหนังสือ ฟรีด้อมเทรดเดอร์ ...จริงๆ ก็คือ ชายผู้นี้ "ป๋าหยง" ... เขานี่แหละ ที่เปิดโลกทัศน์ของผม ให้รู้จัก Technical Analysis ในแบบที่ผมเชื่อว่า มัน Make Sense ที่สุดเท่าที่เคยได้สัมผัสมา ...สาเหตุที่ผมลงทุนเขียน หนังสือเล่มนี้ ร่วมกับป๋าหยง เพื่อจะกลั่นแก่นของ การเป็น Trader ออกมา ...ซึ่งผมเชื่อว่า คนกว่า 90% ของตลาด ไม่ได้เข้าใจเช่นนี้เลย (เดินผิดทางว่างั้นเถอะ!!)

"วิชาเทพ" ...ผมว่า คงเป็นวิชามารมากกว่า เพราะ เมื่อใดก็ตาม ที่เราเชื่อมั่นในสิ่งใดแบบไร้สติ มันนำมาซึ่งความเสื่อมตามมาเสมอ ..แต่สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อมั่น(แบบมีสติ) ในการร่วมถ่ายทอด ความรู้ในการลงทุนกับ ป๋าหยง มันก็คือ "แนวคิด" ที่กลองมาจากความล้มเหลวของทั้ง หยงและผม ที่มันสอดคล้องกัน ...ครับ!! เราเชื่อว่า ไม่มีเครื่องมือที่ดีที่สุด แต่มันมีเครื่องมือที่เหมาะกับเรามากที่สุด และนั่นควรเป็นสิ่งที่เราศึกษาให้ถ่องแท้ ถึงข้อดี และข้อจำกัดของอาวุธนั้นๆ "จริงไหม!!"

... ศาสตร์ทุกแขนงที่ มุ่งทำนายอนาคต มันคือ "ความน่าจะเป็นทั้งหมด" ดังนั้น ไม่แปลกเลย ที่คน ที่จะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ในตลาดการลงทุนทั้งหมด ไม่ใช่พวกบ้าบอที่ มองแต่ผลตอบแทนอย่างบ้าคลั่งในเวลาเร็วๆ -- หากแต่เป็นผู้ที่เข้าใจ "ความเสี่ยง" อย่างลึกซึ้ง และ สามารถจำกัดความเสี่ยงให้น้อยกว่าผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ...นั่นแหละ สุดยอดคน ที่จะรวยอย่างแท้จริง ในระยะยาว!!

เอาล่ะครับ ...ผมเอาคลิ๊ป สัมภาษณ์แนวคิดของชายผู้นี้มาฝาก "ป๋า ๆ ๆ ๆ ...หยง ๆ ๆ ๆ"

...ลองฟังกันดู

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เปิดแล้วจ๊า .."คลินิกหุ้นมือใหม่"



ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ หนังสือ Series การลงทุนของผมออกสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็น "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน ภาค 1-3" และ "ฟรีด้อมเทรดเดอร์" ..ผมถือว่า มันเป็น Series การลงทุนที่ผมตั้งใจทำมากๆ ให้เรื่องยากๆ มันตลกและย่อยง่าย ... "คลินิกหุ้นมือใหม่" เป็นความตั้งใจของผมอีกครั้ง ที่จะรวบรวมความรู้ จากฝั่งของผู้ให้ความรู้นักลงทุนมือใหม่ ซึ่งผมสัมผัสกับมือใหม่เยอะ จนรู้ว่าจุดอ่อนของมือใหม่ หรือ มือเก่าก็ตาม ที่ไม่ประสบความสำเร็จ มันเป็นเรื่อง "เส้นผมบังภูเขา"

"เรื่องเส้นผมบังภูเขา" นี่เอง ที่ผมรวบรวม มาใส่หนังสือเล่มนี้ ผ่านการดำเนินเรื่องในแบบหนังบู๊ แห่งโลกการเงิน จาก Mind Set ถึง Fundamental ถึง Technical ..."แค่นี้เองหรือ!!" ..ใช่!! แค่นี้แหละครับ ที่มันเป็นแก่น ที่จะช่วยพลิกมุมมองของมือใหม่ ที่ยังหาแนวทางไม่เจอ

โจทย์แรกแห่งการเดินทางสู่ความมั่งคั่ง ไม่ใช่การ วิ่งเข้ามาด้วยความโลภ แล้วพูดว่า -- "พี่ครับ!! ผมอยากรวยเร็วๆ และ เสียไม่ได้ครับ" ...นั่นแหละที่มือใหม่ทุกคน ที่ผมสัมผัส คิดแบบเดียวกัน ...ผลลัพธ์ก็คือ มันไม่รอดไง "การตั้งโจทย์ที่ผิดก็เปรียบเสมือนการเดินทาง ที่เริ่มต้นเดินไปคนละทางกับจุดหมาย ...ดังนั้นเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึง ย่ิงลงทุน ก็ยิ่งเจ๊ง --นี่แหละปัญหา!!"

หลายคนอาจจะ งง ว่า ..อ้าว!! ถ้าการลงทุนมันทำให้รวยไม่เร็ว ก็ไม่สนุกน่ะซิ ... "ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ...ความสนุกผมว่ามันมีหลายแบบ ..ไอ้การที่เราอยากเอาเงินทั้งชีวิต เข้ามาหาความสนุกตื่นเต้น แบบมั่วๆ ..ผมว่าไปสนุกอย่างอื่นดีกว่า" -- การลงทุนจริงๆแล้ว มันคือ การเข้าใจจุดเริ่มต้นของเป้าหมายของตัวเองอย่างลึกซึ้งต่างหาก

การเดินทางของเรื่องราวใน "คลินิคหุ้นมือใหม่" จึงเป็นการเดินทางอีกครั้ง ที่ย้อนถามถึงจุดเริ่มต้น และแก่นของเป้าหมายของคุณ ...ซึ่งแน่นอน ผมได้เล่าและยกตัวอย่าง ถึงเป้าหมายของผม และของคนอีกหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จ ... แต่ที่น่าแปลกคือ "สุดท้าย" แก่นของความสำเร็จ มันเดินมาเจอกันครับ

"คุณเคยสังเกตุไหมว่า เวลาคุยกับคนที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ในอาชีพต่างๆ สุดท้ายมันมีแก่น ที่ร่วมกัน" -- นั่นแหละ คือ ความลับที่ผมเชื่อว่า ผมได้ไขประเด็นนี้ แล้วตั้งใจเขียนถ่ายทอด สิ่งนั้นใส่หนังสือเล่มนี้ ... จะเรียกมันว่าอะไรดี "ขอเรียกว่า เรื่องราว แห่งองค์รวมความคิด ที่พาเราสู่ทางเดินที่ มัน Make Sense ละกัน"

ตั้งแต่ที่ผมเข้าใจเป้าหมายของผม ...วิธีการและมุมมองมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ...ผมเลิกคิดที่จะรวยเร็ว แต่ผมเปลี่ยนเป็น "รวยในอัตราเร่งแทน" ..ฟังดูไม่เข้าท่า ...แต่จริงๆ มันต่างกันอย่างสุดขั้ว ..การรวยเร็วๆ มันติดแก่นของอารมณ์ ที่เป็นกลไกในการขัดขวางความสำเร็จ ในขณะที่การรวยในอัตราเร่ง มันเป็นการโต ที่เรามองไม่เห็น แต่มันโตมหาศาล เมื่อถึงอายุของมัน ... แก่นของธรรมชาติ สอนให้เราวาง port ในรูปแบบนั้น

"เศรษฐีก็คือ ชาวสวน" ...ต้นไม้ก็คือ Portfolio ...การเลือกพันธุ์ไม้ ก็เป็นศาสตร์ของการเข้าใจ พื้นฐานของกิจการและการมองภาพใหญ่ออก ...ส่วนเวลาที่จะซื้อต้นไม้ (ไม่ใช่ซื้อตลอดเวลา) -- Technical จึงเป็นเครื่องมือ ที่ช่วยบอกว่า เราควรสะสมเงินสดในช่วงไหน และควรนำมาซื้อต้นไม้ที่เราเล็งไว้ในเวลาใด --- "การรวยสุดๆ แน่นอน ไม่ใช่การทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว (เพราะแรงงานและเวลาของเรามีจำกัด) ..แต่เป็นการนำเงินที่หามาได้ ..แล้วค่อยๆปลูกสวน แห่งความมั่งคั่ง ในระหว่างทางที่เราเดินไป"

หากทุกคนเข้าใจ "กลไก" ของความมั่งคั่ง ผมเชื่อว่า ไม่มีใครจน เพียงแต่จะรวยมากน้อยเพียงใด ..ให้เวลาและฝีมือของคุณเป็นเครื่องพิสูจน์

--- "ฝากไว้ด้วยสำหรับมือใหม่" ..หนังสือ คลินิกหุ้นมือใหม่ !! ...เจอกันที่ SE-ED ครับ ...กำหนดวางแผง วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ...(ตอนนี้ส่งหนังสือถึงคลัง SE-ED แล้วจ๊า..เดี๋ยวหนังสือคงทยอยลงสาขาต่างๆครับ)

แล้วขอประชาสัมพันธ์ สำหรับงานเปิดตัวใหญ่ หนังสือ คลินิกหุ้นมือใหม่ ..จะเปิดตัวที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 6 มีนาคม (รายละเอียดเดี๋ยวผมจะประกาศอีกทีใน Facebook ครับ)...ใครอยากเอาหนังสือมาเจิม ลงยันต์ ก็มาเจอกัลครับเพื่อนๆ -- โย่ว!!

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คลินิคหุ้นมือใหม่ ..หลังจากเก็บตัวมานาน


ปีใหม่ นี้ "ป๋ากิ้ง" ตั้งโจทย์ว่า อยากได้หนังสือสักเล่มนึง ที่ให้ผมเขียนเอาใจ "มือใหม่" เอาแบบ ครบเครื่องในเล่มเดียว คือ เริ่มจาก Mind Set รวม Basic Fundamental อ่านพื้นฐานแบบง่าย และรวม Basic Technical อ่านจังหวะการเข้าออกหุ้นแบบง่าย

"ทำไมต้องง่าย!!"

...เพราะหนังสือ ที่ง่ายโดยเฉพาะหนังสือหุ้น มันเขียนยาก

...เลยท้าทายให้ผม เขียนให้ได้ !!

...ฮึม!! ยิ่งพูดยิ่ง งง ..แต่เอาเป็นว่า หลังจาก Stock2morrow เปิดตัวเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดความรู้อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านหนังสือ และ สัมมนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเห็น จุดแข็งและจุดอ่อน ของนักลงทุนมือใหม่ ที่ผ่านเข้ามาในสำนักแห่งนี้มากมาย

สิ่งที่น่าภูมิใจ คือ "หนึ่งปีที่ผ่านมาเรา ทำให้คนหนุ่มสาวลาออกจากงาน มาอยู่บ้าน ...อิ อิ ใช่!! ออกมา Trade Full-time นั่นเอง" ...จริงๆ ก็ไม่ได้บอกว่าเราเจ๋งอะไร เพียงแต่เราเข้าใจดีว่า คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้เก่ง แล้วแสวงหาโอกาสในการสร้างตัวอยู่แล้ว แต่ขาดตรงที่ยังไม่มีผู้ชี้ทางที่ดี และที่สำคัญกว่านั้น ไม่มีเพื่อน ..."นี่แหละที่เราตอบโจทย์ ...เพื่อนไง!!"

"การสร้างชุมชน ที่พารายย่อย ที่จริงจังในการเรียนรู้และสร้างตัวมารู้จัก และต่อยอด ทั้งในคอร์สสัมมนา และ หลังจากนั้นผ่าน Social Network และก็นัดมาเจอกัน ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ร่วมเรียนรู้ ..." (ครับมันมันส์มากที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ในมุมที่ทั้งผู้ให้และผู้รับมาเจอกันพอดี)

นอกจากหนังสือ "คลินิคหุ้นมือใหม่" เราก็จะมีหนังสือการลงทุน และบอกเล่าประสบการณ์จากนักลงทุนตัวจริง ออกมาอีกหลายเล่มในปีนี้ และหนึ่งในหนังสือเด็ดร้อน ที่หลายๆคนรอคอย ก็คือ "โต้คลื่นหุ้นรู้ทันเทคนิค" ที่ป๋าปุย Wave Riders อาจารย์ใหญ่แห่งคอร์ส T01 - T04 ที่บรรจงเขียนให้ "มือใหม่" Technical ที่เรียกร้องว่า อยากมาสัมมนา แต่ไม่มีโอกาสสักที ..ก็เอาเล่มนี้ไปย่อยกันก่อน "จัดไป..หนักๆ"



แล้วเจอกันที่แผง SE-ED ครับ

ประมาณการ วันที่ออกแผง หนังสือ "โต้คลื่นหุ้น รู้ทันเทคนิค" ประมาณวันที่ 20 กุมภาพันธ์
ประมาณการ วันที่ออกแผง หนังสือ "คลินิคหุ้นมือใหม่" ประมาณวันที่ 27 กุมภาพันธ์

"ร่วมกันสร้าง กลุ่มนักลงทุนรายย่อยให้แข็งแกร่ง และเดินไปสู่เป้าหมายอย่างมั่นคง" ...สู้ สู้ ทุกคน (เพียงทุกคนลงทุนอย่างเข้าใจ ไม่โลภ และค่อยๆสร้างความมั่งคั่งของตัวเองได้ เท่านี้คุณก็คือ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ สังคมนักลงทุนรายย่อยมีการเติบโต มั่งคั่ง และยั่งยืน ..."คุณต้องรวยด้วยปัญญาครับ")

รู้แล้ว ก็ส่งต่อ ...Pay it Forward "ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้" จริงๆ

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!!


ตลาดหุ้นไทย จะไปอย่างไรต่อ!! -- เป็นคำถามที่ตอบยากมากที่สุดคำถามนึง เท่าที่ผมเจอมาตลอด..อิ อิ

(จริงๆ ภาพ Chart อันนี้ ก็ตอบเกี่ยวกับ ทิศทางของตลาดตั้งแต่เปิดตลาดจนปัจจุบัน และอนาคต ..."ความน่าสนใจคือ ภาพเดียวกัน แต่ไม่มีใครมองเหมือนใคร -- และที่น่าสนใจกว่านั้น คือ คนที่มองถูกต้อง ก็จะรวยมหาศาล ในขณะคนที่มองผิด ก็จะเป็นไปตามชะตาชีวิตของแต่ละคน)

"ในมุมมองของผม(ของผม)" ..ผมมองว่าตลาดหุ้นไทยตั้งแต่เปิดตลาด เมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน ...มันมีรอบการขึ้นลงใหญ่ๆ จบไป 3 รอบ และปัจจุบัน คือ การขึ้นของรอบที่ 4 (จริงๆ ในมุมมองของ "รอบ" ก็ไม่มีใครมองเหมือนกัน ...แต่ใน Criteria ที่ผมใช้ จะเอาหลักง่ายๆของ เกิดและดับ มาใช้ เพื่อมองรอบ ..อ่าฮ้า!! ธรรมะอีกแล้ว -- ใช่!! ธรรมะ คือ ธรรมชาติ ถ้าคุณอยากจะรวยโคตรๆ อย่าวิ่งหนี เอาธรรมชาติ มาปรับใช้กับทุกสิ่ง แล้วเราจะกลายเป็นคนที่ คิดอะไรมี Logic และ Make Sense มากๆ)

ทำไมต้อง "เกิดและดับ" ก็เพราะ การที่หุ้นจะขึ้นลง ครบรอบได้ ต้องประกอบไปด้วย Boom / Bubble และ ก็ Crash ...พูดง่ายๆ อะไรจะจบ มันต้องมีคนได้ รวยสุด และมันก็ต้องมีคนเจ๊งเลือดนองพื้นมหาศาล ถึงจะเรียกได้ว่า จบรอบ ..จากนั้นก็รอการขึ้นรอบใหม่ ...เป็น Cycle อย่างนี้แหละ "เขาถึงพูดกันว่า ทุกอย่างมันมี วัฎจักร และ Cycle -- และใครก็ตามที่อ่าน Cycle ของสิ่งต่างๆ ออก ...คุณจะรวยมหาศาล!!"

การดูที่ "ราคา" เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถบอกได้เลยว่า ..อะไรคือ "รอบ" อะไรคือ "จบรอบ" แล้วทั้งหมดมันคืออะไร ...ดังนั้นการมองรอบ เราต้องอาศัย Momentum Indicator ที่มีอยู่เป็นร้อยๆตัว เช่น MACD , RSI , Stoch และอื่นๆ อีกมากมาย ..แต่ในที่นี่ผมจะใช้ RSI เพราะผมชอบนั่นเอง "ตูชอบ!!"

RSI จะมีกรอบ จาก 0 ไป 100 นั่นคือ กรอบของการเคลื่อนตัว ..ส่วนการดู เราจะวัดว่า ต่ำกว่า 30 ก็คือ Oversold ..สูงกว่า 70 ก็คือ Overbought ...ดังนั้น RSI ในภาพใหญ่ จึงเป็นเครื่องมือการวัด Scale ของ การเกิดและดับของตลาดได้อย่างดีเยี่ยม ... ดังนั้น จุดต่ำที่สุด ก็คือ จุดที่คนเจ๊ง และจบ ...จุดที่สูงที่สุด ก็คือ มีคนรวยที่สุด และ คนโลภที่สุด ซึ่งมันคือ ดอยที่สุดเช่นกัน ....และนั่นคือภาพคร่าวๆ ว่า "การเกิดและดับ" ของตลาดหุ้นมัน วัดได้จริงๆ

การมองรอบในภาพใหญ่ ผมใช้ Elliot Wave คือ "1 2 3 4 5 a b c" ซึ่งบอกตรงๆ ว่าผมต้องใช้เวลาย่อยอยู่นานมาก กว่าจะเข้าใจว่า จริงๆแล้ว เครื่องมือนี้ เป็นประโยชน์ต่อผม ในเรื่องของการมองภาพใหญ่ของราคา ..เพราะมันชี้ให้เห็นว่า การขึ้นลงของราคา เมื่อ ผนวกกับจิตวิทยาการลงทุน มันจะขึ้นด้วย Wave 1 ที่ไร้พื้นฐาน และจบด้วย Wave 2 ที่จบแบบเละๆ ที่ยังคงสูงกว่าจุดเริ่ม ..จากนั้น ก็เข้าสู่การขึ้นของตลาดแบบมีพื้นฐาน และมีคนในตลาดเข้ามาแจมด้วย มากที่สุด ..และมากจนสุดท้ายมันก็ต้องมี Bubble และขึ้นไปถึง Wave 5 ที่สูงที่สุด และจากนั้น คือ หายนะ จนจบ Wave C -- ทั้งหมดที่กล่าวมา "คุณไปศึกษา ทฤษฎี Wave เพิ่มเติมครับ จาก Internet ก็มีมากมาย ลองไปดู" ....แต่จุดที่ผมสนใจคือ มันแสดงการ "เกิดดับของตลาด เป็นรอบๆไป" และ มันแปลกมากๆ ที่สุดท้ายทุกอย่าง มันวนเวียนกลับมา ดังคำพูดที่ว่า History Repeat itself ... จึงกลายเป็นว่า ผู้ใดที่ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจ คนผู้นั้น จะเป็นนักลงทุนระยะยาวชั้นยอดได้เลยทีเดียว ... ถูกต้อง!! นั่นเป็นที่มาของ การศึกษา ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ โลก และของไทย ผ่านหนังสือที่ผมเขียนเป็น Series ตั้งแต่ แกะรอยหยักสมอง มาจน ฟรีด้อมเทรดเดอร์ ...ความมันส์คือ ยิ่งผมศึกษา ประวัติของตลาดหุ้น มากเท่าไหร่ มันยิ่งตอบย้ำความเข้าใจที่มีต่อตลาด มากขึ้นเท่านั้น ... แม้วันนี้ผมอาจจะไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ผมก็พอจะเริ่มประติดประต่อภาพต่างๆ ได้เข้าใจในระดับนึงเลยทีเดียว

(ดูที่กราฟ) ลองดู 3 รอบ ที่ผ่านมา ... ขึ้น 1 2 3 4 5 a b c จนจบทุกรอบ ... และรอบที่ 3 มาจบที่ปี 2008 ช่วง Sub-prime พอดี ..เวลานั้น ตลาด Oversold สุดๆ ใน RSI "แปลว่า คนที่กลัวทุกคนในเวลานั้นที่จะขาย เขาได้ขายไปหมดแล้ว และนั่นคือ จุดที่ Oversold ที่สุด และต่ำที่สุดของตลาดหุ้น ในรอบนี้ ..ดังนั้น จากนี้ไป จะไม่มีราคาหุ้นที่ต่ำกว่าจุด 2008 ตราบเท่าที่ รอบการขึ้นครั้งใหม่ ในรอบนี้ (รอบที่ 4 ของตลาดหุ้นไทย) ยังไม่จบ ..."แปลว่าอะไร" ...ก็แปลว่า ถ้ามองจาก Momentum Indicator อย่าง RSI ในภาพใหญ่ยักษ์ มันแสดงให้เห็นเลยว่า การขึ้นมาสองปีที่ผ่านมา 2009 - 2010 มันเป็นเพียง Wave 1 ครั้งใหม่เท่านั้นเอง (ตรงนี้อย่าเอาราคามาเทียบ แต่ให้เอา RSI มาเทียบ เพราะเราเทียบด้วยราคาไม่ได้ แต่เราเทียบด้วยสัดส่วนที่เป็น Scale ได้นั่นเอง)

ณ เวลานี้ ตลาดปรับฐาน เข้าสู่ Wave 2 ...คือ "ปรับฐาน" ว่างั้นเถอะ ...ประเด็นคือ ไม่มีใครรู้ว่า มันจะปรับฐานอีกนานเท่าไหร่ ... "ซึ่งการปรับฐานจะจบสิ้นได้ ราคาต้องทำ New High และพุ่งทะลุทะลวง จนกลายเป็น Wave 3 นั่นเอง ... "เมื่อภาพใหญ่เป็นเช่นนี้ มันชี้ให้เราเห็นได้ว่า การจะรวยจากตลาดหุ้นจากนี้ไป มันทำได้สองวิธี"

คือ หนึ่ง คุณ เก็บหุ้นที่ขึ้นไม่เยอะ ยังไม่ขึ้นเลย แต่มีพื้นฐานดี มาใส่ Stock Wish List แล้วรอซื้อทุกครั้งเมื่อตลาดลงหนัก เพราะ คุณรู้ว่าตลาดในภาพใหญ่ ยังไงต้องไปต่ออีกไกล คือ ต้องมี Wave 3 และก็ต้องมี 4 และ มี 5 ที่สุดยอด Bubble จากการย้ายความเจริญมาสู่ Asian Miracle 2 ในรอบนี้นั่นเอง ... วิธีแรกนี้ก็คือ หาจังหวะออมในหุ้นดี ซื้อเวลาแย่ แต่ไม่ขายเลย ...รอไปขายครั้งเดียวเมื่อถึง Bubble ในภาพใหญ่ (ซึ่งถ้าดูจากอดีต คือ ก่อนที่ราคาจะลง จะต้อง ทำ Bearish Divergence ของราคาในภาพใหญ่ คือ ราคาขึ้น แต่ กำลัง "RSI" มันลงสวนทาง --- ถามว่า ณ เวลานี้ คุณดูที่ ราคากับ RSI ซิครับ ..มันแค่เริ่มต้นของ รอบใหญ่นั่นเอง ...ดูให้ลึกๆ และเทียบกับรอบก่อนหน้า!!)

สอง "เล่นรอบเล็ก" ...ก็คือ การศึกษา Technical แล้วเทรด ทำกำไรในภาพที่เล็กกว่าภาพนี้ ...แต่ตรงนี้ต้องเข้าใจ Technical นะครับ ถึงจะเล่นได้

ที่กล่าวมา "ไม่มีอะไรการันตีว่า สิ่งที่ผมมองมันผิดหรือถูก ...ก็ขอให้เพื่อนๆ ไปลองศึกษากันดูลึกๆ ว่าสิ่งที่ผมพูด มันวางอยู่บน Logic ของอะไร ..ซึ่งไม่แปลก ที่สุดท้าย ทุกคนจะมีแนวทางการลงทุนไม่เหมือนกัน" ..ฮ่า ฮ่า ไม่งั้น คงไม่มีคนที่รวยมากๆ และ คนที่เจ๊ง ในตลาดเดียวกัน

เอาล่ะครับ สู้ สู้ ...ช่วยให้ศึกษา และ แบ่งปันความรู้ ...เพื่ออนาคตของ Thailand Investment Center of ASEAN --- ฮ่่า ฮ่า นั่นแหละฝันของผมเลย ...ถ้าเมืองไทยมีคนเก่งการลงทุนเยอะๆ เราอาจเป็นศูนย์กลางการลงทุนของ ASEAN ก็ได้ ...อยากเห็นวันนั้นจริงๆ (สู้ สู้ ครับเพื่อนๆ)

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ