แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน

แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน
SE-ED Bestseller Series หนังสือ "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน" โดย ผมเอง (ที่ SE-ED ทุกสาขาทั่วประเทศ!!)

แนะนำ Facebook ของผมครับ

แนะนำ Facebook ของผมครับ
คลิ๊กเข้ามาเป็นเพื่อนกันใน Facebook ครับ!!

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สรุปสัมมนา S05 - S06 แบบทุกเม็ด..เผ็ดมันส์!!



"บทกลอนนี้เขียนจากใจพี่จิ๋ม ..ศิษย์ครูหยง ...ผู้ที่เก็บใจความคอร์ส S05 - S06 แบบทุกเม็ด มาเป็นกลอน -- เยืยมยอดมากครับ ..."

บทกลอนส่งท้ายการอบรมคอร์ส S05-06 กับคุณครูหยงของพวกเราค่ะ

"S 05 และ06 จบลงแล้ว
คงต้องแจว เรือไกล ไปตามฝัน
พร้อมพกพา วิชา ค่าอนันต์
ที่ครูหยง สอนนั้น ช่วยนําทาง

ระหว่างทาง อาจเจอ ลมพายุ
ที่ปะทุ ลุโทสะ คอยขัดขวาง
แต่ครูหยง สอนไว้ ให้ปล่อยวาง
เพราะน้ำเชี่ยว นําเรือขวาง คงต้องพัง

อย่าฝืนTrend จงแล่นไป ตามกระแส
มีข้อแม้ อย่างเดียว ให้ถึงฝั่ง
โดยใช้ใจ ใช้ความรู้ เป็นพลัง
พร้อมกับตั้ง สติมั่น คงพ้นภัย

การเดินทาง แต่ละครั้ง เหมือนเริ่มต้น
ต้องคอยค้น คอยจับ สัญญาณใหม่
รอ Breakout Trend ชัด ค่อยจัดไป
มีกําไร ก็ปล่อยไป ให้สุดทาง

แต่ก่อนออก เดินทาง ต้องวางแผน
มี SL เป็นแฟน ควงแขนบ้าง
ถ้ามันหลุด ฉุดแขน แฟนกลางทาง
รีบออกห่าง ถอนตัว ก่อนเอวัง

ต่อไปนี้ คงไม่เลือก ถูกหรือแพง
เพราะของแพง ที่มี Trend เป็นความหวัง
ซื้อของถูก Trend ไม่มา คงเศร้าจัง
อาจต้องนั่ง รอไป ใจละลาย

เห็น MA เรียงกัน กางออกไป
บอก Trend ได้ ตามไป ไม่เสียหาย
มันวิ่งเหนื่อย ก็พักบ้าง ช่วยผ่อนคลาย
แต่ยืนได้ ก็ไปต่อ เป็นประจํา

เพราะราคา เดินเป็นรอบ อยู่เสมอ
ใครหาเจอ เนี่ยสิ ช่างลึกล้ำ
เล่นเป็นรอบ กินยาวยาว พอร์ทล่ำซำ
ที่เราช้ำ เพราะหารอบ ยังไม่เป็น

ครูหยงบอก ใช้ MA เป็นจุด Cut
ได้อยู่หมัด เมื่อมี Trend เกิดให้เห็น
พร้อมแนะนำ RSI ให้ใช้เป็น
ใช่ Bullish Divergence หรืออย่างไร

Time frameไหน ให้ดู Di vergenceนั้น
จะช่วยเรา ยืนยันการ Uptrend ได้
แต่เกิดแล้ว ก็ให้ รอต่อไป
จนกว่า Break Trend ได้ จึงค่อยตาม

ครูบอกว่า คงต้องมอง หาทรงยก
มันผงก ตามขึ้นไป อย่ามัวถาม
ยิ่ง Breakhigh เดิมแล้ว ยิ่งต้องตาม
ต้องใช้ความ เชื่อมั่น ในตัวเอง

พูดเหมือนง่าย ทำคงยาก ไม่ใช่ย่อย
ยิ่งเรามี ความรู้น้อย คงต้องเคว้ง
แต่เรียนแล้ว ครูสอนแล้ว ต้องฝึกเอง
เดี๋ยวรู้เอง เงินจะเหลือ สักเท่าไร

ครูหยงบอก อย่างน้อย ต้อง10ปี
หรือเทรดจน กว่าชีวี จะหาไม่
อย่าวัดกัน กําไร ที่เท่าไร
เหลือเท่าไหร่ มากกว่า ที่สำคัญ

ขอบพระคุณ คุณครูหยง ที่ช่วยสอน
จึงเขียนกลอน ฝากไว้ เป็นของขวัญ
มอบแด่คุณ ครูหยง คนสำคัญ
วิทยาทาน ที่ให้นั้น เลิศล้ำจริง

เรือง Tfex Future พักไว้ก่อน
ส่วนตัวคง ไม่รีบร้อน ไปสุงสิง
อีกMoney management นั้นยากจริง
ทุกๆสิ่ง ต้องค่อยไป เพราะยังงง

Only the paranoid will survive
คงต้องจำ ไว้เตือนใจ ไม่ใหลหลง
ค่อยๆก้าว ทีละก้าว อย่างมั่นคง
ดีกว่าหลง ทางไป คงไม่ดี

ขอบพระคุณ ทั้งคุณแพท พี่ลุคกิ้ง
ที่มีส่วน สำคัญยิ่ง ในคอร์สนี้
ขอบพระคุณ ทั้งทีมงาน ที่แสนดี
บริการดี มีไมตรี เสมอไป

ขออวยพร พี่น้องที่ ร่วมอบรม
ขอให้สม ดังใจ ที่ฝันใฝ่
ขอพอร์ทท่าน เติบโต มีกำไร
ให้เกินกว่า ที่หวังไว้ ด้วยใจจริง"

"เยี่ยมมากครับ ... เก็บได้ครบ ขอขอบคุณจากพวกเรา Freedom Trader !!" ... Trader ลึกลับ แต่แบ่งปันความรู้ และนี่คือ สิ่งที่เคลื่อนต่อไปไม่รู้จบ ...

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

"แกะรอยหยัก ภาค 3" ..ทุกแผงหนังสือ กรกฏาคมนี้!!


หลังจากผ่านยุทธภพ พบนักลงทุน(ทั้งมั่วนิ่ม และ ยอดยุทธ)มากมาย เก็บเกี่ยวข้อสงสัย จากนักลงทุนรายย่อยทั่วสารทิศ ...กลับมานั่งขบคิด และหาคำตอบเขียน ๆ ๆ .. เบื้องหน้า เบื้องลึก ของแก่นการลงทุน ผ่านประสบการณ์ของยอดฝีมือมากมาย ที่ผมเก็บตกจากงานสัมมนาที่เข้มข้นของ "สัมมนาหุ้น S2M" -- เคี่ยวข้นจนมาเป็น "แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้าน ภาค 3" (พบกันทุกแผงหนังสือชั้นนำ กรกฏาคมศกนี้) ..อิ อิ เหมือนโฆษณาขายยาธาตุเลย...หุ หุ "แต่เล่มนี้ ขอบอกว่า ใส่ความรู้หมดพุง..."

(สารบัญ ...ข้นๆ เคี่ยวๆ เคี้ยวง่ายๆ)...






วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เก็บตกตะลุย SCG "มือใหม่หุ้น"


"เยี่ยมยอด เราได้มาเยือน Headquarter ของ SCG หนึ่งในองค์กรที่เก๋าสุดๆ เป็นหนึ่งใน 8 บริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง SET น่ะ " ...ฮ่า ฮ่า

ป๋าปุย : "เข้าเรื่องเลยดีกว่า" -- "การลงทุน ก็เปรียบเสมือน การเดินทาง สมมุติเราจะไปเชียงใหม่ เราก็ต้องศึกษาแผนที่ เลือกพาหนะที่เราจะใช้"

ป๋ากิ้ง : ฮ่า ฮ่า "ขำจ๊าก!!" ... เลือกพาหนะ ... แทบไม่ต้องคิด จะถึงเร็ว ต้องเลือก พาหนะที่ เร็วฟ้าผ่า จะได้รวยเร็วๆ ใช่ไหม!!

ป๋าปุย : เลือกพาหนะ ก็เปรียบเหมือนเลือก วิธีการลงทุน เช่น พวกที่ชอบเร็วๆ อาจเลือก รถซิ่ง รถทัวร์นรกแตก ..นั่นคือ เลือกว่าจะ ไปแบบ VI (Value Investor) หรือ Technical ต่างๆนานา

ภาววิทย์ : (ขอผมแจมบ้าง) ...พูดจริงๆ เถอะ ผมว่าจุด ตกม้าตายของมือใหม่ ที่เข้ามาเล่นหุ้น คือ "ต้องการรวยเร็วสุดๆ" นั่นเปรียบเสมือน "ทำอย่างไรก็ได้ แม้แต่ขับรถแบบเหยียบมิด 200 กม./ชม. -- ที่จะบอกคือ พอเอาเข้าจริง การขับรถเร็วแบบนั้นมันไปไม่ถึงเชียงใหม่น่ะซิ .."รถ Jass มันคว่ำก่อน ...ฮ่า ฮ่า"

ป๋าปุย : "เออ!! รถ Jass มันเกี่ยวอะไรด้วยเหรอ!!"

(ภาววิทย์นั่งหน้าซีด.. อะไรฟะ ป๋าปุย เล่นไม่รับมุขเลย) ..."ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า" (หัวเราะแก้เก้อ!!)


(ผ่านไป สามชั่วโมง ก็มีน้องคนนึง ถามขึ้น) "พี่ครับ ผม งง น่ะ" ..คือ ผมอยากจะเก่งเหมือนพวกพี่ทันทีเลย เอาแบบ ยาแรง Short Cut แบบเรียนปั๊๊บ เก่งปุ๊บ ... คือ จะเอาเข้าใจตอนนี้เลย ..ตอนนี้เลย ...จะเอาตอนนี้เลย!!

(ป๋ากิ้ง ป๋าปุย และ ภาววิทย์ นั่ง งง) -- "เด็กสมัยนี้ ใจร้อนจัง เอาไงดีล่ะ จะแนะนำอย่างไรดี" ...ภาววิทย์ เลยบอกไปว่า เอางี้!! ยาเร็วยาแรง คือ อยากเล่นหุ้นเป็นเร็ว ก็ต้องกระโดดเข้าไปเล่นจริง ... อยากขี่จักรยานเป็น จะนั่งคิด แล้ว จินตนาการณ์ว่า กำลังขี่จักรยาน ..เออ!! ผมว่า ไม่ work นะ ... อยากขี่จักรยานเป็น ก็ต้องขี่จริง ..อยากเล่นหุ้นเป็นก็ต้องเปิดบัญชี แล้วซื้อหุ้นเลย ...

เด็กคนนั้น : "เปิดบัญชีเล่นจริงเลยหรือครับ" แล้วผมจะ เลือกหุ้นยังไง ให้ได้กำไรเยอะๆ เร็วๆ ล่ะครับ

ภาววิทย์ : (เด็กคนนี้ ถามคำถามที่ถามง่าย ตอบโคตรยาก) ..เฮ้ย!! เอางี้ เปิดกับเพื่อนนี่แหละ ..ก็น้องทั้งสองคนมือใหม่ ใช่ไหม .. ก็เปิดพร้อมกันเลย แล้วช่วยกันคัดเลือกหุ้น ที่ปันผลต่อเนื่องดีๆ หลายๆปี ..กำไรเติบโต ยอดขายเติบโต ..และ P/E ต่ำกว่า 15 ... "นั่นแหละ น้องทั้งสองคน ช่วยกันเลือกหุ้นมาสัก สองตัว" ... จากนั้น ให้คนนึงซื้อ เวลาที่อยากซื้อ .... ส่วนอีกคนไม่ให้ซื้อ ให้ดู !! .. จากนั้น ถ้าคนที่ซื้อ อยากขาย ให้คนที่ยังไม่ซื้อ ให้ซื้อ !!

เด็กคนนั้น : เอ่อ!! ผมไม่เข้าใจครับพี่ ทำไม ผมกับเพื่อนต้องทำสวนทางกัน เพราะจริงๆ เวลาที่ผมอยากซื้อ หรือ อยากขาย ทั้งผมและเพื่อนก็ มีความเห็นเหมือนๆกัน

ภาววิทย์ : "นั่นแหละ ที่พี่อยากให้เรียนรู้" ...พี่อยากให้รู้ว่า จริงๆ แล้วมือใหม่ อยากซื้อ ในเวลาที่จริงๆไม่ควรซื้อ และก็อยากจะขายในเวลาที่ไม่ควรขาย ..."ตรงนี้เขาเรียกว่า จิตวิทยาการลงทุน ... และมันก็เป็นเช่นนั้นตลอด ดังนั้น มือเก๋า หรือ เจ้ามือ เขามีประสบการณ์ เขาก็จะเอาหลักการจิตวิทยาการลงทุนง่ายๆนี่แหละ ทำตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่หรือแมลงเม่า ..และก็จะกำไรเสมอ!!" --- ในตลาดคนส่วนใหญ่จะทำตามกัน เช่น เวลามีข่าวดีก็อยากจะซื้อพร้อมๆกัน ก็จะเกิดปรากฏการณ์แย่งกันซื้อ .. เมื่อแย่งกัน Bid ซื้อ ราคาหุ้นมันก็ขึ้น ..นั่นเท่ากับว่า คนส่วนใหญ่แย่งกันซื้อหุ้นแพง "ซึ่งถ้าเราถอยออกมาหนึ่งก้าว แล้วมองไปที่ตลาด คุณจะเห็นเลยว่า คนฉลาดและมีความรู้ มากมายในตลาดหุ้นกำลังทำในสิ่งที่โง่เขลามาก"

เวลาเราไปซื้อของ "ยิ่งของนั้น ราคาถูก เรายิ่งอยากซื้อ" แต่!! -- แต่ในตลาดหุ้น "ยิ่งแพง ยิ่งอยากซื้อ" .. "ยิ่งถูก ยิ่งอยากขาย" ...พอหันไปถาม Broker เขาก็บอกว่า หุ้นขึ้นซิน่าซื้อ ซื้อเลยพี่ ข่าวดี ซื้อเลย ..ก็แย่งกันซื้อแพงๆ ..จากนั้น พอราคามันไม่วิ่ง หรือ ลง .. Broker ก็บอก มันจะลงแล้ว พี่ขายก่อนดีไหม ..ฮึม!! ตกลง มึงจะเล่นทำบ้าอะไรวะ แห่ซื้อไป ก็แห่ซื้อมาตามตลาด แล้วจะกำไรยังไง!!

เด็กคนนั้น : "แล้วพี่มีวิธีแก้ไหมล่ะครับ"

ป๋าปุย : "มีซิ" เรียนรู้ Technical ไง ... คือ ถ้าเราจะเล่นเหมือนคนส่วนใหญ่ คือ ซื้อเมื่อขึ้น ขายเมื่อลง เราก็ต้อง ศึกษาให้มากกว่าคนอื่น ถึงจะเป็นโอกาสเดียวที่เราจะชนะได้ .. "ศึกษา Technical ให้แม่น และมีวินัย"

เด็กคนนั้น : "โห!! ต้องศึกษา เยอะ ก็เสียเวลาซิครับ ..ไม่มีวิธีทำเงินง่ายๆ แบบไม่ต้องเหนื่อยไหมล่ะพี่"

(ฮึม!! ถามแบบนี้ โคตรอยากจะฟันธงเลยว่า ..คิดแบบนี้ อย่าเล่นหุ้นเลย แล้วไอ้นี่ ชาติหน้าก็ไม่รวย ..เพราะ คนจะรวยจะสำเร็จได้ ต้องมีบุคลิก -- หนึ่งในสองอย่างนี้ คือ ถ้าไม่ใช่คนที่คิดต่าง (Contrarian).. ก็ต้องเป็นคนที่ทำงานหนักกว่าคนอื่น (put more effort))

จริงๆแล้ว เราอยากจะอธิบายว่า โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี และ ที่ได้มาง่ายๆ (ถ้าความรวยและความสำเร็จ มันได้มาง่ายๆ โลกนี้คงไม่มีคนจนถึง 80% หรอกจริงไหม -- เพราะโลกนี้ ไม่มีใครโง่หรอก อย่าดูถูกสติปัญญาคนอื่น!!)... การที่คนคนนึงจะสำเร็จในการลงทุน ที่บอกว่าต้องคิดต่าง นั่นเป็นวิธีนึงที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เพราะคนทุกคน กลัวและกล้าเหมือนๆกัน ดังนั้น การที่คุณคิดต่างได้ นั่นคือ คุณต้องศึกษาหาความรู้ในเรื่องนั้นๆ ได้แตกฉานกว่าคนปกติ มันถึงจะทำให้คุณเชื่อมั่นในความคิด ที่แตกต่างจากคนทั่วไป

ส่วนวิธีการเล่นแบบ Technical คือ คุณเล่นตาม Flow ของตลาด ซึ่งก็คือ ซื้อเมื่อคนอื่นซื้อ ..วิธีนี้ คุณยิ่งต้อง ทำการบ้านหนักกว่า คนอื่นหลายเท่า .."นั่นคือ ต้องศึกษา สัญญาณ Technical ให้แตกฉาน" และทำในสิ่งที่คนทั่วไป ทำไม่ได้ นั่นคือ "มีวินัยในการ Trade" ... เพราะจริงๆ แล้ว การเรียน Technical เรียนไม่กี่วันก็รู้เรื่องหมดแล้ว แต่แปลกมากที่พอเวลาซื้อขายจริง มันใช้ Technical เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ที่วัดกันจริงๆ ก็คือ "ใจ" ..สิ่งที่เจอบ่อยที่สุดใน นักเทคนิค ที่มักตกม้าตายก็คือ หนึ่ง มั่นใจสุดๆ "ยังไงมันต้องขึ้น ไม่ Cut Loss ..อัดเพิ่ม!!" ... สอง "อีกนิดน่า!! ... ดูแล้ว เดี๋ยวมันก็เด้ง เพราะมันยังขาขึ้นอยู่นี่!!" ...สรุป ถ้าจะเอาอารมณ์ มาตัดสินใจในการลงทุน อย่าเอา Technical มาดูเลย

การที่ "เล่นหุ้น" มันดีกว่า "การพนัน" เพราะมันมีสถิติ ที่จับต้องได้ มาช่วยในการตัดสินใจ นั่นก็คือ Technical Analysis ซึ่งตรงนี้ นักพนันไม่มี ดังนั้น โอกาสชนะของ "การเล่นหุ้น สำหรับคนที่มีวินัย จึงมีโอกาสชนะสูงกว่า การพนันมาก"

แต่พูดก็พูดเถอะ พอเอาสถิติมาดูจริง "คนส่วนใหญ่ที่เล่นหุ้น ไม่ได้มีสถิติการชนะตลาดที่เหนือกว่าการพนันเลย" ..คือ แปลความหมายง่ายๆ ก็คือ คนส่วนใหญ่เล่นหุ้นแบบเล่นการพนันนั่นเอง ถึงได้ เจ๊งกันตลอด!!

ภาววิทย์ : "สำหรับ แนว VI แล้ว ..ผมมองที่ Value ซึ่งแน่นอน การเล่นการพนัน คุณไม่สามารถดู Value ของ โป๊กเกอร์ หรือ Black Jack เพราะมันไม่มีให้ดู ...แต่ในตลาดหุ้น ก่อนซื้อหุ้นบริษัท เราสามารถศึกษาได้ว่า กิจการนั้นๆ มันมีพื้นฐานดีหรือไม่ ..และถ้าคิดดีๆ คือ บริษัทใดก็ตามที่มันไม่เจ๊ง ยังไงมันก็ต้องโต ...เพราะ เงินมันลดมูลค่าลง ส่วนบริษัทมันตรงข้าม มันกลับโต และขยายไปเรื่อยๆ ตามตลาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามการบริโภคที่เพิ่มขึ้นของประเทศนั่นแหละ" .... ถ้าจะเปรียบ หุ้นสักตัว ผมมองว่า มันก็เปรียบเสมือนคนๆนึง ... สมมุติว่า คุณจะลงทุนซื้อคนที่มีคุณภาพมาเป็นลูกน้องคุณ ..ก็ต้องมองหาคนที่เก่ง และ มีโอกาสในการเติบโต ...ส่วนจังหวะ ที่ซื้อก็ต้อง หาจังหวะตอนที่เขา ตกอับ -- "ช่วงที่เขาตกอับ หากคุณซื้อใจคนเก่งได้ คุณได้เขาทั้งใจ" -- เช่นกัน บริษัท ที่ดี ..คุณจะไปซื้อหุ้นเขา ในเวลาที่กิจการรุ่งๆ คุณก็ซื้อหุ้นแพงซิ ... ดังนั้น การซื้อหุ้นดี ไม่ต้องรีบ รอให้มันเกิดวิกฤต แล้วเราค่อยตัดสินใจ ...

เด็กคนนั้น : โห!!ไม่ทันใจวัยโจ๋วเลย .. ไม่เอาอ่ะพี่ ..ผมหาอะไรเร็วๆ หาเงินง่ายๆดีกว่า

(ผมก็สงสัยว่า ในโลกนี้ มันมีอะไรที่หาเงินง่ายๆ ด้วยหรือ เลยถามไปว่า) "เอ่อ!! น้อง...แล้วอะไรที่มัน ทำแล้วได้เงินง่ายๆล่ะ"

เด็กคนนั้น : "นี่ไงพี่" (ไอ้น้องมันหยิบ แผนการตลาด เล่มนึงขึ้นมา) ... "นี่เพื่อนผม ชวนมา เขาบอกว่า เพื่อนพี่เขาทำแล้ว รวยเร็วมาก ตอนนี้ก็ชวนเพื่อนๆ เข้าไปทำกันมากมาย ... แล้วพี่ ..นี่สัมมนาเขาฟรีด้วยนะ จัดที่โรงแรงหรูสุดๆ อาหารก็ฟรี.. เขาบอกว่า ทำปีเดียว ได้เงินเป็นล้านๆ"

(อ๋อ!! ของฟรี แม่งแชร์ลูกโซ่อ่ะดิ ...ฮ่า ฮ่า)

เด็กคนนั้น : "นี่พี่ ...มีนี่อีกอัน ..สอน เทรดหุ้น แบบ กำไรแสนบาท ในหนึ่งนาที... ค่าเรียน แค่ไม่กี่หมื่นเอง ..เรียนปั๊บ เดี๋ยวมาเทรดก็ได้ เป็นร้อยๆล้านแล้ว"

(โอโห!! ฟังน้องคนนี้ แล้วปวดตับ ..คือ ถ้าไอ้บ้านั่นมัน ทำเงินได้ นาทีละแสนจริงๆ มันจะเปิดคอร์ส สอนทำบ้าอะไรฟะ .."ถ้ามันทำได้จริง มันไม่เสียเวลามาสอนหรอก ..สู้นั่งเทรด นาทีละแสน ให้มันได้ แสนล้านไปเลย" ...ไร้สาระ ชิบ!!)

ภาววิทย์ : ฮึม!! เอางี้ สู้ ๆ เว้ย .. พี่แนะนำอย่างนึงนะ จะทำอะไรก็ทำ แต่ขออย่างเดียว "ใช้เงินลง ให้น้อยที่สุด ..น้อยแบบ ถ้าเสียได้ ก็ไม่ถึงกับสิ้นใจ"

เด็กคนนั้น : ทำไมล่ะพี่ ... ผมต้อง Maxed Out ดิ ..แบบว่า เอาเงินทั้งหมด กู้มา ..เอาเงินพ่อ แม่มา ..เอาบัตรเครดิด ..กู้นอกระบบ ..ใส่มันให้เต็ม อัตรา จะได้ รวยแบบเร็วฟ้าผ่า ไงพี่!!

ภาววิทย์ : (โห!! ฟังแล้ว ปวดตับมากๆ จริงๆ) ... โอเค ..โชคดี เว้ย ++ ...

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มุมมองตลาด ณ 9 มิถุนายน -- จ๊าก!!



จะว่าไปแล้ว ปีนี้มี "มือใหม่" เข้าสู่ตลาดหุ้นมากมาย ... ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ คนส่วนใหญ่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเล่นแบบไหน ทำให้กระโดดเข้ามาซื้อ ตามอารมณ์ นั่นคือ "อยากซื้อ" ... และนั่นแหละปัญหาใหญ่ ที่ทำให้การเล่นแบบนี้เจ๊ง ... "เล่นตามอารมณ์ตูเอง" -- เพราะเหตุผลง่ายๆ คือ เมื่อคุณอยากซื้อคนอื่น เขาก็อยากซื้อ เพราะมันมีแต่ข่าวดี ... เวลาอารมณ์คุณอยากขาย คนอื่นเขาก็อยากขาย เพราะอารมณ์มันไม่ดี -- ดังนั้น ถ้าเอาจังหวะที่คุณมาดู Chart จะเห็นเลยว่า คุณซื้อ "ตรงยอดของ Cycle ย่อยๆเสมอ" (แถมขายตอนแถวๆ Bottom ของ Cycle ย่อยๆเสมอเช่นกัน)



ดูตัวอย่าง Chart จะเห็นได้ว่า "แค่ตัด SET มาให้ดูภาพเล็กๆ คุณก็เห็น Cycle การวิ่งของราคาแล้ว" ... "มือใหม่" นี่ชอบซื้อตามอารมณ์ จะซื้อที่ยอดของ Cycle เสมอ ... แต่หากเราใช้ Technical เข้าช่วย เราจะอ่านอารมณ์ของตลาดได้ไม่ยาก เช่นใช้ Stoch. หรือ ใช้ RSI ...อย่างในกราฟผมลองใช้ RSI อ่าน ..การที่ตลาดเวลานี้ RSI อยู่ที่ 30 นั่นแปลอีกในนึงว่า มัน Over Sold ก็คือ ขายมากไป -- แน่นอน!! มันไม่ได้แปลว่า ซื้อวันนี้แล้วจะขึ้นทันที... เพียงแต่มันบอกเราว่า นี่แหละจุดที่คนอื่นกลัว!!

จากนั้น เมื่อเราเข้าใจ คำถามที่ต้องถามตัวเองคือ "คุณจะเล่นแบบไหน" ... ถ้าจะเล่นแบบ Technical ..คือ คุณจะซื้อเมื่อราคาขึ้นแล้ว แล้วไปขายที่แพงกว่า -- ณ เวลานี้ Chart ยังไม่ได้บอกเลยว่า มันขึ้นแล้ว ..ดังนั้น Technical ก็ต้องรอสัญญาณอย่างมีวินัยและอดทน ...เมื่อสัญญาณ Bullish มา คุณก็ต้องตามไป!! แค่นั้นเอง

ในมุมของ VI ที่ผมเคยให้ สัมภาษณ์ใว้ต้นปี คือ ปีนี้ ผมมองว่าเป็นปีปรับฐาน ..และนี่แหละ สิ่งที่คุณต้องพิจารณา ...แต่ก่อนอื่นถ้าเป็น VI นั่นคือ "ซื้อถูกขายแพง" ประเด็นคือ เงินคุณต้องนิ่ง (เป็นเงินนอน) และซื้อหุ้นพื้นฐานดีตอนถูก ไม่ใช่ซื้อถูกที่สุด (เพราะมันไม่มี รอบหน้าอาจลงได้มากกว่าเดิมเสียอีก)... มันมีจุด Break Trough ทางความคิดของ VI อย่างนึงคือ "ณ จุดที่เราตัดสินใจซื้อ เมื่อราคาขึ้นไปแล้ว มันจะถอยกลับมา ทดสอบใจ เราหนึ่งครั้งที่ราคาเดิม หรือ ราคาที่ใกล้ๆที่เราซื้อ ..จุดนี้ Tricky มาก เพราะคนส่วนใหญ่ที่อยากเป็น VI มักจะสอบไม่ผ่าน!! ..นั่นคือ "เอาวะ กำไรแค่นี้ ตูขายทำกำไรก่อน(สรุป ตัดใจขายหมู ช่วง Bottomของตลาด ณ เวลานั้นๆ เสมอ)"... ประเด็นที่ผมอยากจะบอกว่า ถ้าทนถือไม่ได้ ไม่ควรเล่น VI ..ควรกลับไปเล่นวิธี Technical แล้วขายมันตั้งแต่ ข้างบนของรอบ ก่อนมันจะลงมาถึงตรงนี้"

..."จุดขายของ Technical คือ ลงแล้ว ...หรือ Break Trendline "เขื่อนแตก" ก็ขาย ... จุดซื้อคือ รอสัญญาณ ลงให้จบแล้วขึ้น หรือ Break Trendline "เขื่อนด้านบนแตก" -- ดังนั้นไปฝึกลาก Trendline ให้ดีครับ ...มันมีประโยชน์มหาศาล!!

(ภาพด้านบน ผมหยิบเอา Fund Flow มาให้ดู) ... ตรงนี้ช่วยมุมมองการตัดสินใจของเราได้ เช่น ต่างชาติ เล่นหุ้นไหน ..ขายตอนไหน ก็จะทำให้หุ้นกลุ่มนั้นๆ ลงมาราคาถูก ... เช่น ต่างชาติช่วงที่ผ่านมาเก็บ แต่พลังงาน กับ ธนาคารเป็นหลัก ..ดังนั้น เวลาเขาเทขายกลุ่มพวกนี้ก็จะตกมาก .."ถามว่า สิ่งที่เราต้องดูคือ ... พื้นฐานเทียบราคา ..คือ ถ้าราคาลงแต่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน ก็ไม่มีอะไร เป็นแค่ Panic Sell ...แต่ถ้าถามว่า แล้วเมื่อไหร่จะขึ้น -- ก็บอกได้เลยว่า ไม่มีใครรู้ !! .. สิ่งที่เรารู้ได้อย่างเดียว คือ เราซื้อหุ้นนี้ในราคาถูก หรือ แพง เท่านั้นเอง ..จากนั้น จะขาดทุนหรือกำไร คุณเป็นคนกำหนด!!"

....ใช่!! สุดท้าย คุณนั่นแหละ กำหนดว่าจะกำไรหรือขาดทุน ไม่ใช่ตลาด !! (คิดดีๆ คิดลึกๆ กับคำพูดนี้)

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

"เมื่อตลาดเกิดอารมณ์" (เก็บตกสัมมนา T-03)

"ที่นักเรียนยกมือกันขึ้นมา ไม่ใช่ป๋าปุยสอนดูลายมือนะ แต่เป็น เทคนิค Fractal Trade ที่เอามาจาก Trading Chaos ของ Bill Williams นั่นเอง .... ทั้งห้อง เลยชูมือขึ้นมาพร้อมกัน...โย่ว!!"

"เมื่อตลาดเกิดอารมณ์... แค่ชื่อก็ สะหยิวกิ๊ว แล้วป๋า!!"

ป๋าปุย : อ๊ะ ๆ !! ไม่ใช่ อย่างนั้น ... เคยได้ยิน Warren Buffett พูดไหม ที่ว่า "จงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า และจงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว" -- รู้ไหม ทาง Technical เรามีเครื่องมือ วัดอารมณ์ของตลาด!!

ภาววิทย์ : "จริงดิ ป๋า ... มีด้วยหรือ!!"

ป๋าปุย : "แต่นแต้น!! นี่ไง เครื่องมือ Slow Stoch ..เครื่องกรองอารมณ์ของผู้คน"

ภาววิทย์ : "ปัดโถ่ ...ก็ที่เขาสอนๆกัน ขึ้นแตะ 80 ขาย ...ลงต่ำกว่า 20 ให้ซื้อใช่ไหม"

ป๋าปุย : "บ้าดิ"..เล่นแบบนั้น ป๋าว่า ไปโดดคอห่านดีกว่า เจ๊ง!! ... มาดูดิ


เคล็ดลับมันอยู่ที่ อารมณ์ตลาดมันไม่ใช่จะซื้อ ขาย ...เพราะความแจ๋วมันอยู่ที่

หนึ่ง : Stoch ถูพื้น ..คือ มันลงต่ำกว่า 20 แล้วมันก็ถูอยู่ที่พื้นอย่างนั้น ไปเรื่อยๆ
สอง : ในภาพเลย Stoch ถูฝ้า ..คือ Stoch ขึ้นอยู่ข้างบน แล้วขึ้นไปเรื่อยๆ
-- นี่แหละประเด็น สำคัญ คือ เครื่องมือ อย่าง Stoch ใช้ดูอารมณ์ของตลาด ดังนั้น ไม่ใช่เอามาใช้ซื้อขาย แต่เอาไว้ดูอารมณ์ ..คือ ถ้าตลาด Bullish มากๆ คือ Stoch มันจะถูอยู่ข้างบนนั้นแหละ ดังนั้น ความหมายที่เราแปลได้ คือ เตรียมพร้อมว่ามันสามารถลงได้ทุกเมื่อ

ในอีกด้าน ถ้า Stoch อยู่ต่ำๆ แถวๆ 20 คือ อารมณ์ของตลาดมัน Bearish (หรือ ที่เราเรียกว่ามัน Oversold) สิ่งที่แปลได้ คือ แปลว่า มันสามารถขึ้นได้ทุกเมื่อ แค่นั้น!!

เอ้า!! งั้นมาดู TOP เลย... นี่ Stoch มันลงมาต่ำ ..แต่มันต่ำได้ต่อ .. ดูต่ำล่าสุดก็ 75 จากนั้นก็เด้งขึ้นมา แล้วราคาลงไป 75 ใหม่ แต่ Stoch ยังลงไม่ถึงจุดเดิม -- จากนั้นมันปิดต่ำกว่า EMA 90 ..โอเค แปลว่าอะไร

ภาววิทย์ : "แปลว่า ภาพมัน Bearish ใช่ไหมป๋า"

ป๋าปุย : ฮึม!! ใช่มาดูกัน

"วันนี้ตีเส้นก็เอาให้มันส์ ... ตีเส้นทำไม ..ก็เพื่อดู Trend ... เริ่มจากเอาจุดต่ำสุด สองครั้งเชื่อมกันได้ Trendline ล่าง ..กด Parallel เส้นแล้วคลิ๊ก ตรงยอด มันจะได้ Trend ขาขึ้น ... จากนั้น พอราคามัน Break Trendline ลงมา ก็สรุปว่า ขาขึ้นได้จบลง ..ก็ลากเหมือนเดิม จุดต่ำสองจุดลากเป็นเส้นแนวรับ จากนั้น Parellel ด้านบน --- ก็อย่างที่เห็น ตอนนี้ก็วิ่งอยู่ใน Trend ลงเล็กๆ ตรงนั้นแหละ และก็ไปเรื่อยๆ.... แล้วเห็นไหมว่า ก่อนที่ TOP มันจะลง มันมีสัญญาณเตือนก่อน ..เห็นไหม!!

ภาววิทย์ : "เห็นซิป๋า" ... MACD มันทำ Divergence ใช่ไหม ...

ป๋าปุย : "ถูกต้องคร๊าบ!! ... ก่อนหน้านี้ TOP ราคาขึ้น แต่ตัว Indicator "MACD" มันดันย่อลง ...ก็คือ ราคามันสวนทางกับ Indicator ก็เกิดที่เราเรียกว่า Divergence (ซึ่งก็เป็นสัญญาณเตือนอีกเช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า มันต้องลงทันที เพราะมันอาจจะไม่ลงทันทีก็ได้ ดังนั้น ต้องเข้าใจว่า มันพร้อมลงได้ทุกเมื่อ เมื่อ Technical เกิดสัญญาณ Divergence ....คิดง่ายๆ Divergence ก็เหมือน "ไฟเหลืองนั่นแหละ ..ให้เราเตรียมตัว"

ภาววิทย์ : โห!! เยี่ยม ..อธิบายได้ Get โตคร!!... --- เอาว่าแต่ สำหรับหุ้น TOP เอาไงต่อดีป๋า!!

ป๋าปุย : "อ้าว!! ก็แล้วแต่ดิ สัญญาณ ก็อ่านเข้าใจหมดแล้ว ต่อไปก็อยู่ที่เราตัดสินใจ ...ถ้าเป็นนักเทคนิค ขาลงเขาก็ไม่เล่น ถ้าเล่นก็ Short อย่างเดียว ...ส่วนพวกแนวพื้นฐาน ถ้าหุ้นพื้นฐานดีราคาลง เขาก็รับซื้อ ตามจุด Oversold ...แค่นั้นเอง -- ให้เข้าใจว่าเล่นแบบไหน ยังไงก็ชิว!! ...จริงป๊ะ !!

ภาววิทย์ : ง่ายเน๊อะ !! แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ ขาดทุนล่ะ

ป๋าปุย : "ก็มันเล่นมั่วๆ ไง ...ฮ่า ฮ่า" ... หุ้นไม่มีพื้นฐานถ้าขึ้น มันก็คือ หุ้นปั่น ..ปั่นเสร็จมันก็ต้องลง เพราะพื้นฐานมันไม่มี ... หุ้นที่ดี บางที ไม่มีคนเล่น เจ้าของก็ไม่ทำ ..พวกนี้บางทีก็ซื้อแล้วราคาไม่วิ่ง แต่ปันผลดี ...คือ พูดง่ายๆว่า คุณเข้าใจหรือเปล่าว่า ทำอะไรอยู่ ..ถ้าเข้าใจ ก็ถือว่า คุณสุดยอดแล้ว ..เพราะพูดก็พูดเลย คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาเล่นหุ้น ..เล่นแบบไม่ศึกษา ไม่รู้เรื่อง ซื้อแบบแห่ตาม -- ถามว่า จะไม่เจ๊งยังไงไหว .."ชุ่ย!!"

ภาววิทย์ : โหว!! แรงง่ะ ...แต่เข้าใจได้ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" ...ฮ่า ฮ่า

"กลุ่มลูกศิษย์ นักเทรดหญิงไฟแรง ... ถ่ายรูปกับ ป๋ากิ้ง ป๋าปุย ป๋าแพ้ท...555"


"คอร์ส T01 - T04 ... ผ่านไปด้วยดี กับรอยยิ้มของทุกคน -- จากนี้เราจะ Cut Loss เป็น"

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เก็บตกสัมมนา T-02 "ตอน หุ้นดีด หุ้นเด้ง"


"มีคำถามเข้ามาสองประเด็น หนึ่ง หุ้นดี ราคาขึ้นมาแพงแล้ว จะซื้อยังไง และ สอง จะหาหุ้นดีด หุ้นเด้ง (แรง) หายังไง"

เออ!! เอาไงดีฟะ คำถามยาก ระดับ บ้าบอทั้งคู่ ..เอาว่า ตอบด้วย EMA หรือ Exponential Moving Average

"โอเค ถ้างั้นเอา EMA ที่ป๋าปุยชอบมาคุยกัน"

ภาววิทย์ : "ป๋า ..เอาไงดี ถ้าหุ้นดี ราคาไปแล้ว จะซื้อยังไง"

ป๋าปุย : "จะให้ทำไง แล้วแพ้ทว่าไง" (อ้าว!! ป๋าโยนซะแล้ว)

ภาววิทย์ : "ครับ!! สำหรับผม ผมต้องดูพื้นฐาน ถ้าพื้นฐานมันดี จนผมชอบ ผมก็จะ จดลง Wish List เหมือนเวลาซื้อของใน Amazon.com น่ะ -- หุ้นดีเราก็ต้องมี Wish List ...แล้วจากนั้นก็ รอ .. รอ ..รอ และก็รอ"

ป๋าปุย : "รออะไรวะ... ฮั่นแน่!! รอ "ฮ้อยุ่น"หรือ -- 555" "ฮ้อยุ่น ก็คือ หุ้นย่อ ไง ...ฮ่า ฮ่า"

ภาววิทย์ : "ป๋า ...มุขแบบว่า -- แย่!!" -- ใช่ครับรอมันย่อ จากนั้นก็เอา EMA มาจับ "คำถามคือ เส้นไหน น่ารับ ...เออ ...โอโห ..เอาเส้นไหนดี -- เอางี้ ป๋าปุย ว่ามาเลยครับ เส้นไหนดี ถึงน่าจะเป็นแนวรับ"

ป๋าปุย : เท่าที่สังเกต เส้น EMA 90 วัน น่าสนใจ สำหรับหุ้นดี แล้วย่อเพื่อไปต่อ "เส้น EMA 90 นี่น่าสนใจทีเดียว" มาดูสด TOP โรงกลั่น เทพประทาน ..ฮ่า ฮ่า



ภาววิทย์ : "งั้นแปลว่า ชน EMA 90 วัน แล้วรับเลย ..มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ ใช่ไหมป๋า"

ป๋าปุย : "เออ!! คงเจริญอ่ะนะ -- (ไม่ใช่เว้ย) จริงๆเล่น Technical มันต้องทยอยซื้อขาขึ้น ไม่ใช่เอามาดูรับ ขาลง แต่อย่างกรณีที่คุยกันนี่เป็นเรื่องยกเว้นสำหรับ ใครที่อยาก Bottom Fishing "ซึ่งในหุ้นที่ดี ก็พอจะทำได้ แต่ความเสี่ยงก็สูงอยู่ดี เพราะคุณรับในขาลง แล้วรอเด้ง ดังนั้น หัวใจสำคัญ ไม่ใช่ขายบ้าน ขายรถ แต่เงินที่เอามาเล่นต้องเป็น --เงินนิ่ง เงินนอน ..นั่นก็เพราะ ถ้าเรารับที่จุดลุ้นเด้ง ก็ไม่ได้หมายความว่า มันต้องเด้งขึ้น มันอาจเด้งลงต่อ ก็ได้"

ภาววิทย์ : ฮึม!! "เด้งลงต่อ ไปไหนดีล่ะป๋า"

ป๋าปุย : "แต่น แต้น!!!" .... วันนี้เสนอ .."จุดเทพ โอชา มาจุติ ติ ติ ติ"

ภาววิทย์ : "ไม่ต้องเฉลย ผมรู้แล้ว EMA เส้นต่อไป ...ที่น่าสนใจ EMA 233 วัน ใช่ไหมป๋า" ... ไปลองดูแล้วน่า สนใจจริงๆ มาดูกัน



นี่เลย STA แหย่ 233 แล้ว โดดเป็นกบ ... แปลว่า มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ ใช่ไหมป๋า!!

ป๋าปุย : "ปาด ๆๆๆ" ...บ้าหรือ "ไม่ใช่" ...เหมือนเดิมคือ มันก็เป็นจุดรับที่น่าสนใจ อีกจุดเท่านั้นเอง ที่มีลุ้นรับได้ ..แต่มีข้อแม้ ที่เหมือนกัน คือ "เงินเย็น ถือรับปันผลได้ หากรับแล้วลงต่อ" -- เพราะโอกาสชนแล้วลงต่อจริงๆ มันสูงกว่า ชนแล้วเด้งขึ้น เพียงแต่หุ้นที่พื้นฐานดี คุณรับตรงไหนก็คุ้ม ถ้าคุณเงินเย็นพอแล้วรับ เพื่อถือได้ ..ส่วน EMA มันเอามาช่วยลุ้น เผื่อว่า บางทีโชคดี Bottom Fishing ได้ "รับแล้วเด้งเลย ก็ยิ้มกันไป"

ภาววิทย์ : แล้วถ้า EMA 233 รับไม่อยู่ ทำไงล่ะป๋า

ป๋าปุย : นี่ไงตอบคำถามที่สอง "หาหุ้นเด้ง" ... หุ้นที่จะเด้งแรง ก็ต้องลงแรงก่อน เหมือน หนังยาง จะดีดได้ ต้องง้างก่อน --หุ้นก็เหมือนกัน ...ต้องง้าง!! ลองดูนี่


ภาววิทย์ : "อะจ๊าก SCCC ปูนกลาง เจ้าของ LANNA นี่" ..เฮ้ย!! มันแตะ 240 บาท แล้วก่อน ดีดลงมาปรับฐานที่ 200 ..โหด มิใช่เบา!!

ป๋าปุย : นี่ไง ดีด ลงทะลุ EMA 233 วัน ... ถ้าตลาดอยู่ในขาลง นุ่นเลยไปรับ 100 นึง "แต่!!" วันนี้เราอยู่ในภาพใหญ่ SET ที่อยู่ในขาขึ้น ... ดังนั้น หุ้นดีที่ลง ย่อมหมายความว่า "ลงเพื่อขึ้น" ..การจะหาหุ้นเด้ง ไม่ยาก -- ตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า เงินคุณเย็น แล้ว ถ้าหุ้นลงต่อ พื้นฐานมันดีพอให้คุณกอดรับปันผลได้หรือไม่ .."ถ้าไม่ใช่ ห้ามรับขาลงเด็ดขาด"

ภาววิทย์ : โอเช!! ตอบครบ สองคำถาม.. แนวรับ ก็ รับแนวๆ สำหรับ คนที่ "เงินนอน" แล้วอยากหาจังหวะซื้อหุ้น ก็ลองดูกันไป ...แต่ถ้าให้ป๋าปุย แนะนำ คือ "ไม่ซื้อขาลง แต่ทยอยซื้อขาขึ้น" เหมือน กองทุนฝรั่ง ยิ่งลง ยิ่งขาย ...ยิ่งขึ้น ยิ่งซื้อ ..ใช่ไหมป๋า!!

ป๋าปุย : "ถูก!!!" ก็อย่างที่บอก "แล้วแต่มึง.. เฮ้ยไม่ใช่ --แล้วแต่แนว ทางของแต่ละคน" ..ให้เข้าใจว่า เราเล่นอะไรอยู่ก็ถือว่า โอเคหมด ..คนที่เจ๊ง เพราะโลเล จะเล่นแบบไหนก็กล้าๆกลัวๆ -- สำหรับ VI จะซื้อขาลง ผมก็ก็ไม่ได้ห้าม ถ้าเงินเย็นก็เล่นไป ..แต่สำหรับป๋าแล้ว "ยิ่งขึ้น ยิ่งซื้อ"

ภาววิทย์ : "เยี่ยม" นั่นเท่ากับป๋าจะบอกว่า ...รายย่อย กำไรตลอด ยกเว้น "ไม้สุดท้าย" ..เมื่อตลาด Crash ของจริง เหมือนปี 1997 หรือ 2008 เพราะรายย่อย ที่ติดหุ้นในไม้สุดท้าย ก็คือ คนที่ติดขาลงถูกไหม

ป๋าปุย : "ใช่!!" ... แต่ตอนนี้ ภาพยังชิวอ่ะนะ ... เกมนี้ยังไม่ได้จะจบ เร็วๆนี้แน่นอน ... พื้นฐานกิจการ จ่อคอหอยหมดแล้ว เซ็นทรัลยังไปซื้อห้างหรูในอิตาลี -- SSI ยังไปซื้อโรงเหล็กในอังกฤษ -- PTTEP ยังไปซื้อ บ่อน้ำมันในแคนาดา -- BANPU กับ LANNA ยังไปซื้อเหมืองในอินโดเลย

ภาววิทย์ : "ฮั่นแน่!!" ป๋าปุยถึงแม้เล่น Technical แต่ไม่วาย Update ข่าวสาร ... เยี่ยมจริงๆ ผมก็มองเหมือนกันนะ Fundamental ปัจจุบันของไทย รอตัวแปรเดียว คือ "การเมือง" ..ถ้าการเมืองนิ่งเมื่อไหร่ "ชาติไทยเจริญ+++" ..และหลังจากนั้น ก็มา Miracle กันอีกรอบ พร้อมๆกับ "เงินเฟ้อ" ... เอาใจช่วยเศรษฐกิจไทยครับ "พื้นฐานธุรกิจเรา มันแกร่งรอการกระโดด ... วันนี้ คุณดื่มนมแล้วหรือยัง!!" (เกี่ยวไหมนี่ ..อิ อิ)

บทความที่ได้รับความนิยมสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จัดให้" บทความที่ได้รับความนิยมใน Blog แห่งนี้ครับ